Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 56 ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 56 ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา
ปัง! ปัง! ปัง!
ทันใดนั้น บริเวณที่ตงป๋อเสวี่ยอิงประมือกับราชันย์อนธการอมตะก็มีระลอกคลื่นโจมตีปะทะเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากทุกทิศทุกทาง! ส่วนบริเวณตรงใจกลางสุดที่กำลังห้ำหั่นกันอยู่ก็ยิ่งแหลกละเอียดและสับสนอลหม่านวุ่นวายไปหมด เมื่อถึงระดับอย่างพวกเขาแล้ว ประมือกันรวดเร็วเพียงใด พวกเขาออกท่าไม้ตายออกมาอย่างบ้าคลั่งหลายสิบกระบวนท่าในชั่วพริบตาเดียว ผู้ที่มีพลังอ่อนแอนั้นมิอาจชมการต่อสู้ให้ชัดเจนได้เลย
แต่ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่ในขณะนี้ ล้วนแต่เป็นเหล่าผู้แกร่งกล้าระดับยอดของดินแดนจิตโลกา พวกเขามองออกว่า ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ เป็นฝ่ายตกเป็นรองอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นกระอักโลหิตออกมาไม่หยุด! ร่างกายก็ประสบกับการโจมตีอันแสนสาหัสอย่างต่อเนื่อง!
ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว!
‘จ้าวหิมะเหิน’ ครองความได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง ส่วนผู้ที่น่าอนาถก็คือ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’
“ห้ำหั่นกันซึ่งหน้าก็ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่นิดเดียว” ราชันย์อนธการอมตะพลันร้องคำรามขึ้นมา
แฮ่!
ร่างกายของเขาพลันมีเงาร่างอันเลือนรางสายหนึ่งผุดขึ้นมา นี่คือสิงโตจำแลงตัวเขื่องซึ่งบดบังท้องฟ้าเอาไว้ ความแข็งแกร่งของอานุภาพทำให้สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองสิงโตจำแลงตัวนี้ “นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน อยู่ในดินแดนจิตโลกาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ เป็นกระบวนท่าที่ราชันย์อนธการอมตะใช้เหยียบย่างลงบนเส้นทางของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นหรือ”
สิงโตจำแลงขนาดมหึมาอ้าปากเขมือบลงไป
ฟ้าดินดับมืด
ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกกลืนลงไปโดยไม่มีที่ให้หลบหลีก
ชั่วขณะที่ถูกกลืนลงไปนั่นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าระลอกความชั่วร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีวิญญาณของตน เพียงแต่ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่เดินไปถึงระดับยอดสุดบนเส้นทางวิญญาณของโลกกำเนิดทั้งหลาย จึงย่อมป้องกันได้อย่างไม่บกพร่องเลยแม้แต่น้อย ‘โลกเขตลวง’ ที่พลังวิญญาณของเขาสร้างขึ้นมาได้โอบล้อมและสลายการโจมตีทั้งปวง ความคิดที่เต็มไปด้วย ‘ความเคียดแค้น’ ‘ความตาย’ และ ‘การห้ำหั่น’ ถูกหลอมแปรอย่างต่อเนื่อง
“ปัง!” ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีสติแจ่มแจ้งนัก เขาไม่หยุดลงเลยแม้แต่น้อย หอกยาวกวัดแกว่ง แล้วพุ่งทะยานออกจากสิงโตจำแลงที่กำลังอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วตัวนี้
“ไม่มีผลกระทบเลยจริงๆ ด้วย” ราชันย์อนธการอมตะเห็นเข้าสีหน้าก็ไม่น่ามองขึ้นมาทันที เดิมทีเขาบำเพ็ญเส้นทางมรณะจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว ตอนที่โจมตีไปบนเส้นทางสิ่งมีชีวิตคละถิ่นนั้น ก็เคยได้พบกับผู้แกร่งกล้าจากอารยธรรมอื่นที่บรรลุถึงระดับขั้นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน ผู้แกร่งกล้าผู้นั้นก็เชี่ยวชาญการควบคุมความตาย หลังจากสิ้นใจไป สมบัติล้ำค่าบางส่วนก็ตกมาอยู่ในมือราชันย์อนธการอมตะ ราชันย์อนธการอมตะอาศัยระดับขั้นของตนทำความเข้าใจและควบคุม ก็นับว่าเป็นท่าไม้ตายหนึ่งแล้ว
“กระบวนท่าเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับข้าหรอก” หอกยาวอันยิ่งใหญ่ของตงป๋อเสวี่ยอิงแฝงไว้ด้วยอานุภาพอันไร้ที่สิ้นสุดกดดันเข้ามา
……
ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกัน ความแข็งแกร่งและอ่อนแอก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนั้นราชันย์อนธการอมตะช่วงชิงกับผู้แกร่งกล้าหลากอารยธรรม กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือผู้ท่องมรณะ รองลงมาก็คือ ‘หัวใจเปลวทอง’ แน่นอนว่ากระบวนท่าอย่าง ‘สิงโตทิพย์คำสาปพิฆาต’ และอื่นๆ นั้น ก็ลดความสำคัญลงทุกทีๆ
ผู้ท่องมรณะวางมือตั้งนานแล้วเพื่อหนีกลับบ้านเกิด
โลหิตจากหัวใจเปลวทองแผดเผาอย่างต่อเนื่องจนหายไปกว่าครึ่งแล้ว! นอกจากนี้การห้ำหั่นซึ่งหน้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่มีข้อด้อยเลยแม้แต่น้อย เขาห้ำหั่นอย่างร้ายกาจโดยต่อเนื่อง กระบวนท่าทางด้านวิญญาณก็น่าหวาดหวั่น ทำให้วิธีการอันพิสดารต่างๆ ของราชันย์อนธการอมตะไร้ประโยชน์ไปเสียสิ้น ราชันย์อนธการอมตะก็ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องจากการห้ำหั่นกัน
“ดี ฆ่าเขา ฆ่าเขาเสีย”
“ฆ่าราชันย์อนธการอมตะผู้นี้เสียเถอะ! จ้าวหิมะเหิน ฆ่าเขาเสีย”
ยามนี้ผู้แกร่งกล้าทั้งดินแดนจิตโลกา ในหกรัฐโบราณรวมไปถึงรัฐชั้นสองชั้นสามจำนวนมากหรือแม้กระทั่งขุมอำนาจต่างๆ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทั้งที่มีชื่อเสียงขจรขจายและรักสันโดษเก็บเนื้อเก็บตัวชมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว พวกเขาถึงขั้นส่งสารแจ้งมิตรสหาย ทำให้จำนวนผู้แกร่งกล้าที่ชมการต่อสู่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เบื้องหน้ากระจกยลฟ้าบานหนึ่งอาจจะมีผู้บำเพ็ญทั้งกลุ่มจับตามองอยู่
“ราชันย์อนธการอมตะก็มีวันนี้ด้วย!” ชายชราผู้หนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น “นับตั้งแต่เขากลับมาได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว ข้าก็รอคอยวันนี้มาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว มาถึงแล้ว!”
“ยินดีกับท่านอาจารย์ด้วยขอรับ จ้าวหิมะเหินจะต้องสามารถสังหารราชันย์อนธการอมตะผู้นี้ได้สำเร็จแน่นอน” ศิษย์กลุ่มหนึ่งด้านข้างแสดงความยินดีกับอาจารย์ของตน ตระกูลดั้งเดิมของท่านอาจารย์ถูกราชันย์อนธการอมตะทำลายลงไป ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งแล้ว
ยามนี้
ผู้แกร่งกล้ามากมายปรบมือเห็นดีเห็นงามด้วย และถึงขั้นตั้งตารอคอยด้วยความตื่นเต้น
เนื่องจาก ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ลงมือได้ร้ายกาจนัก ลงมือสังหารไปทั่วทิศด้วยความเห็นแก่ตัวของตนเพียงคนเดียว! ในตำนานเขาเป็นตัวแทนของ ‘ความตาย’! ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครหน้าไหนที่บ้าคลั่งและโหดเหี้ยมเช่นเดียวกับราชันย์อนธการอมตะเลย ท่ามกลางการเข่นฆ่าตามอำเภอใจเช่นนี้ เขาได้สร้างศัตรูคู่แค้นเอาไว้มากมายยิ่งนัก! ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอบางคนในตอนนั้น บัดนี้ได้สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว
แต่ราชันย์อนธการอมตะไม่สนใจเลย!
เนื่องจากเขาเป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา! ศัตรูคู่แค้นเหล่านั้นล้วนไม่กล้าปรากฏกายต่อหน้าเขา
“ดี”
ภายในวังหลวงแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองดูกระจกยลฟ้าที่ล่องลอยอยู่ แม่เฒ่าอิงซาน จ้าวทานเผิง จ้าวฉุนอวี้และคนอื่นๆ บ้างก็เป็นร่างจริง บ้างก็เป็นร่างแปร พวกเขาต่างกำลังมองดูกระจกยลฟ้า
“ศิษย์น้องหิมะเหิน ทำได้สวยงามมาก” จ้าวทานเผิงอดชมเชยมิได้ คนอื่นๆ ต่างมองดูด้วยความตื่นเต้น
แม้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจะมิได้เปล่งเสียง แต่ดวงตาของเขาก็กำลังทอประกาย
สำหรับ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ นั้น เขาเกลียดชังเสียจนอยากให้ตายๆ ไป! เขายอมรับว่าตอนนั้นมีโอกาสได้รับ ‘ดาบทวิภพ’ มา ก็เป็นหลักประกันให้เขากลับตัวได้ แต่อย่างแรก ตอนนั้นเขาก็ต้องฟันฝ่าอันตรายมากมายจึงได้มา นอกจากนี้ราชันย์อนธการอมตะก็ได้คุกคามหลายครั้ง ให้เขาช่วยเก็บรวบรวมวัตถุล้ำค่ามากมาย ซึ่งวัตถุล้ำค่าเหล่านั้นเหนือกว่าสมบัติลับระดับยอดสุดชิ้นหนึ่งไปตั้งมากมาย
หากไม่ยอมทำตาม ก็ขู่ว่าจะทำลายทั้งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาให้สิ้นซากไป
ภัยคุกคามเช่นนี้ทำให้วีรบุรุษผู้ไร้เทียมทานอย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้นี้ความแค้นแน่นทรวงไปหมด! แต่ก็ไร้หนทาง เขามิอาจต่อต้านราชันย์อนธการอมตะได้เลย
……
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น
มีผู้บำเพ็ญมากมายยิ่งนักที่อยากให้ราชันย์อนธการอมตะตาย!
ทว่าราชันย์อนธการอมตะนั้นสูงส่งเหนือใครมาโดยตลอด ก่อนหน้าสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่ง ก็เป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาแล้ว หลังจากกลับมาครั้งนี้ ชื่อเสียงก็ยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก แม้แต่ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ก็ยังยอมรับเองว่าด้อยกว่าเขาอยู่ขุมหนึ่ง
อย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณา ก่อนหนานี้ก็ถอดใจไปแล้ว เขารู้สึกว่าไม่มีหวัง ทำได้เพียงปล่อยให้เขาบีบคั้นเท่านั้น! บรรดาศัตรูคู่แค้นของราชันย์อนธการอมตะเหล่านั้นก็เพียงแค่ปล่อยให้ความเกลียดชังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจต่อไปเท่านั้น โดยไม่กล้าคิดจะ ‘แก้แค้น’ เสียด้วยซ้ำ! เพราะแตกต่างกันมากมายเกินไปแล้ว
แต่กระนั้นภาพที่ได้เห็นในวันนี้ ก็ทำให้พวกเขาแต่ละคนตื่นเต้นนัก!
จ้าวหิมะเหิน ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ โจมตีเสียจนราชันย์อนธการอมตะได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องด้วยพลังที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาได้เปลี่ยนคนแล้ว”จักรพรรดิเซี่ยยืนอยู่ในวังพลางทอดสายตามองออกไปไกกลลิบก่อนจะรำพึงออกมาประโยคหนึ่ง “เป็นดังที่พวกเราได้คาดการณ์ไว้ ในที่สุดจ้าวหิมะเหินผู้นี้ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาแล้ว”
“จะว่าไปแล้ว เขาสำเร็จเป็นเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานเรา ก็เป็นเรื่องที่เห็นชัดอยู่กับตาอยู่แล้ว” บรรพชนฝานรำพึง
“เขาจะกลายเป็นอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว” จักรพรรดิชางที่อยู่อีกด้านหนึ่งเอ่ย “ในบรรดาขั้นสุดยอดทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ผู้ที่มีทั้งเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งและอาวุธเทพคละถิ่นก็มีแต่จ้าวหิมะเหินผู้นี้เท่านั้น! นอกจากนี้กระบวนท่าทางด้านวิญญาณของเขาก็ยังมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหุบเขาเขี้ยวหัก เมื่อสองวิธีการรวมตัวกันขึ้นมา ก็ทำเอาราชันย์อนธการอมตะไม่มีทางตอบโต้ได้”
จอมกระบี่ที่ยืนอยู่กับทั้งสามคนเผยรอยยิ้มออกมา “เสวี่ยอิง แอบซ่อนได้มิดชิดทีเดียว”
บัดนี้ ในใต้หล้า
สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั้งปวงและขั้นสุดยอดธรรมดาสามัญ ต่างก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว
เนื่องจากก่อนหน้านี้จ้าวหิมะเหินโดดเด่นสะดุดตายิ่งนัก
ขณะที่อยู่ในระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองนั้น ร่างแยกร่างหนึ่งก็เทียบได้กับขั้นสุดยอด! กระบวนท่าทางด้านวิญญาณถึงกับทำให้หุบเขาเขี้ยวหักสั่นสะท้าน อาวุธเทพคละถิ่นก็ทำให้คนละโมบขึ้นมาได้ เป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้งดินแดนจิตโลกา
บัดนี้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้ว ก็เป็นขั้นสุดยอดที่น่าหวาดหวั่นที่สุด!
……
ระหว่างที่เหล่าผู้แกร่งกล้าทั่วฟ้าดินกำลังชมการต่อสู้ด้วยอารมณ์อันซับซ้อนนับพันนับหมื่นนั้น อาการบาดเจ็บของราชันย์อนธการอมตะก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“ไปตายเสียเถอะ” ราชันย์อนธการอมตะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
ตู้มมม…
แมลงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเป่า แล้วปกคลุมเข้ามาทางตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงนั้น เพียงชั่วความคิดเดียว แมลงทั้งหมดก็สูญสิ้นสติรับรู้และร่วงกรูลงไปจนสิ้น
ราชันย์อนธการอมตะมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าไม่น่ามอง เขาเองก็รู้ว่าเมื่อปล่อยแมลงพิษที่เก็บรวบรวมมาด้วยความยากลำบากออกไปก็ยังไม่เป็นผล เพียงแต่ภายใต้ความสิ้นหวัง ก็นำออกมาลองใช้ดูก็เท่านั้น ส่วนลึกของหัวใจก็ยังคงตั้งตารอคอยให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“ทำเช่นไรดี ตอนนี้ข้าจะทำเช่นไรดี” ราชันย์อนธการอมตะขบกรามกรอด
“จะมัวแต่สนใจมิได้แล้ว เอาชีวิตให้รอดเสียก่อนเถอะ อย่างมากก็แค่นับจากนี้ไปจะไม่ปรากฏกายอีกไปตลอดกาล”
สวบ
เงาร่างของราชันย์อนธการอมตะพลันแทรกตัวเข้าไปในทางเดินอันดำมืดก่อนจะหายวับไป
“หนีรึ”
“หนีไปแล”
“ราชันย์อนธการอมตะหนีไปแล้ว!”
บรรดาผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่รอบๆ ต่างก็เข้าใจจุดนี้ดี
“เห็นทีคงจะยอมแพ้อย่างสมบูรณ์เสียแล้ว” เหล่าผู้แกร่งกล้าจำนวนมากเข้าใจในข้อนี้ดี เพราะเรื่องนี้มีให้เห็นในดินแดนจิตโลกาบ่อยนัก บรรดามารร้ายขั้นสุดยอดมักจะใช้กระบวนท่านี้เป็นประจำ เมื่อหนีไปแล้วก็ยากนักที่จะไล้สังหารได้อีก
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การต่อสู้ในครั้งนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า นับแต่นี้ไป ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาก็คือจ้าวหิมะเหินผู้นี้ ส่วนราชันย์อนธการอมตะ เมื่อได้เห็นจ้าวหิมะเหินก็คงต้องเผ่นแน่บไปแล้วกระมัง” ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์กัน พวกเขาต่างก็เชื่อว่าศึกครั้งนี้ได้สำเร็จลงแล้ว
“หรือว่าเขาหนีไปแล้ว เรื่องนี้ก็ยุติลงแล้วอย่างนั้นหรือ” มีหลายคนรอเห็นราชันย์อนธการอมตะสิ้นใจมิได้ เมื่อเห็นเข้าก็รู้สึกไม่ยอมจำนน
แต่พวกเขาก็เข้าใจดี
ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอด จะเอาชนะนั้นง่าย แต่จะสังหารนั้นยาก!
“หนีรึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศพลางกุมอาวุธเทพคละถิ่นหอกชิงเหอเอาไว้ในมือ สติรับรู้ของเขาหลอมรวมเข้าไปกับระลอกคลื่น และปกคลุมทุกหนแห่งทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา และเพื่อป้องกันมิให้ราชันย์อนธการอมตะหนีพ้น เขาจึงได้ปกคลุมบริเวณทั้งหมดแม้แต่อาณาเขตของจักรพรรดิเซี่ย ผู้พเนจรและเจ้าเมืองอนันต์ด้วย จะมัวแต่กลัวพวกเขาแตกตื่นมิได้แล้ว
บริเวณปกคลุมทุกบริเวณทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา
ร่องรอยการหลบหนีของราชันย์อนธการอมตะ ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนสามารถ ‘มองเห็น’ ได้ชัดเจนแจ่มแจ้งทั้งสิ้น
……………………………….