Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 55 ใครจะทำอะไรได้
ไม่นานนัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้เข้าไปในจวนมังกรเหล็ก จวนกว้างใหญ่ไพศาล เขาเดินไปตามการนำทางของทหารคุ้มกัน
“เอ๊ะ” ร่างกายของทหารคุ้มกันที่นำทางอยู่ข้างหน้าพลันสั่นสะท้านขึ้นมา เขาตกใจกลัวจนต้องโค้งคำนับด้วยความเคารพนบนอบโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งแล้วชะงักไปอย่างมิอาจควบคุม เขามองไปเบื้องหน้า
ตรงหน้ามีบุรุษสวมอาภรณ์สีเทาเรียบๆ อยู่คนหนึ่งกำลังเดินทอดน่องอยู่ในจวนพลางมองดูทิวทัศน์รอบด้าน สาวใช้และทหารคุ้มกันรอบด้านต่างพากันค้อมกายโดยมิกล้าเงยหน้าขึ้นมา บุรุษสวมอาภรณ์สีเทาเรียบๆ ผู้นี้ดูธรรมดาสามัญ มองไม่ออกว่ามีกลิ่นอายพิเศษใดๆ แต่บัดนี้วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุถึงระดับนี้แล้ว การสัมผัสรับรู้จึงไวต่อสัมผัสจนถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพละกำลังอันน่าหวาดหวั่นอันไร้ที่สิ้นสุดซึ่งแฝงอยู่ในกายของบุรุษสวมอาภรณ์สีเทาเรียบๆ ผู้นี้ นั่นเป็นพละกำลังที่แม้แต่เขาก็ยังต้องสั่นสะท้านโดยมิอาจควบคุมได้!
“เจ้าเมืองมังกรเหล็ก” ตงป๋อเสวี่ยอิงใจสะท้าน “ข้าก็เคยเห็นประมุขวังทะเลปีศาจจากระยะทางอันไกลโพ้น ประมุขวังทะเลปีศาจก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์เช่นเดียวกัน แต่เมื่อข้าสัมผัสรับรู้ ระดับการคุกคามก็ห่างจากเจ้าเมืองมังกรเหล็กผู้นี้ลิบลับ”
จากอันดับของรายนามจักรพรรดิเทพก็สามารถเห็นได้แล้วว่า
ในบรรดาผู้แกร่งกล้าซึ่งมีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์ ประมุขวังทะเลปีศาจจัดเป็นผู้มีบทบาทระดับล่าง
เจ้าเมืองมังกรเหล็กกลับจัดเป็นอันดับเจ็ดของรายนามจักรพรรดิเทพ!
ต้องรู้ไว้ว่า…
อย่างผู้ที่อยู่ในสิบอันดับแรกนั้น มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดหลายท่านซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากสามตระกูลราชันย์ ซึ่งล้วนแต่เป็นลูกหลานที่ใกล้ชิดที่สุดของบรรพเทวะคละถิ่นทั้งสาม! และยังมีสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดอีกด้วย เจ้าเมืองมังกรเหล็กถูกจัดเป็น ‘อันดับเจ็ด’ ได้นั้น เขาก็ย่อมมีส่วนที่น่าหวาดหวั่นเป็นธรรมดา
“เอ๊ะ” เจ้าเมืองมังกรเหล็กในอาภรณ์สีเทาเรียบๆ มองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่งด้วยความสงสัยเล็กน้อย เพียงมองปราดเดียวเขาก็มั่นใจว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้าย พลังระดับนี้เขาก็มิได้แยแส เพียงแต่ว่าเขาจำตัวตนของตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้! เห็นได้ชัดว่าเขาอาจจะปลอมแปลงตัวตนขึ้นมา
“เห็นที่จะเป็นแขกของอวิ๋นซานเหมือนกัน” เจ้าเมืองมังกรเหล็กมิได้ให้ความสนใจมากมายอีกต่อไป เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเขาล้วนมอบให้บุตรชายคนโตเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น ส่วนตัวเขาเองก็ตั้งใจใฝ่หาทางสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นต่อไป!
รอจนเจ้าเมืองมังกรเหล็กจากไปแล้ว
ทหารคุ้มกันจึงกล้ายืดตัวตรงขึ้นมา แล้วหันไปพูดกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ ว่า “จักรพรรดิเทพเมฆาเขียว ตามข้ามา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ในใจกลับพูดเบาๆ ว่า “ระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์เหมือนกัน พลังกลับมีความแตกต่างกัน อันดับหนึ่งของรายนามจักรพรรดิเทพอย่างเจ้าเมืองหงส์เมฆาผู้นั้นก็เคยสังหารจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์คนหนึ่งมาก่อน เกรงว่าคงจะสามารถเทียบได้กับผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์แล้ว เจ้าเมืองมังกรเหล็กผู้นี้ รับมือไม่ได้ง่ายๆ อย่างยิ่ง!”
ผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์…คงเกือบจะเป็นขีดจำกัดชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ ‘ต่ำกว่าผู้แกร่งกล้าคละถิ่น’ แล้ว
……
ภายในสวน
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นคุณชายใหญ่แห่งจวนมังกรเหล็กซึ่งยังคงสวมอาภรณ์หลวมโพรกเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ หลังจากเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว คุณชายใหญ่ผู้นี้ก็พูดยิ้มๆ ว่า “เมื่อวานเพิ่งจะได้พบพี่เมฆาเขียว นี่เพิ่งจะวันเดียวเท่านั้น เหตุใดพี่เมฆาเขียวจึงกลับมาหาข้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เล่า หรือว่ามีข่าวดี”
คุณชายใหญ่สงสัยมากอย่างแท้จริง
เนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก ตอนแรกที่ไปเก็บรวบรวมข้อมูลใช้เวลามากหน่อย ต่อมา หลังจากสังหาร ‘จักรพรรดิเทพเฮ่อต้ง’ แล้ว เพียงแค่กินข้าวปลาอาหารลงไปเล็กน้อยเท่านั้น ก็ไปได้ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองมาจากประมุขหอน้อยอวิ๋นหลิวแล้ว! จากนั้นก็อาศัยศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกามาที่นี่อย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิเทพเฮ่อต้งเพิ่งสิ้นใจไป หอจิตฟ้ายังคงสอบสวนสถานการณ์โดยละเอียด เพื่อหาว่าที่แท้แล้วฆาตกรคือใคร! หอจิตฟ้ายังมิทันได้เผยแพร่ข้อมูลออกไปภายนอกเลย
“ก่อนหน้านี้คุณชายใหญ่พูดไว้แล้วว่า หากอยากจะได้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศตนนั้น ก็ต้องนำใบไม้โลกเฉาหนึ่งใบบวกกับไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองเม็ดหนึ่งมาแลก ถูกต้องหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ถูกต้อง เงื่อนไขนี้ไม่มีอะไรให้ต่อรองอีก ลดไม่ได้อีกแล้ว!” คุณชายใหญ่พยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มออกมา “แน่นอนว่าหากท่านมอบสมบัติล้ำค่าที่ล้ำค่ากว่าสักหลายเท่าให้ข้า ข้าก็ไม่สนใจ”
ไม่ว่าจะเป็นไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองหรือว่าซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศตนนั้น ล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่าระดับยอดสุดของโลกเทพทั้งสิ้น
ต้องล้ำค่ากว่าหลายเท่าอย่างนั้นหรือ
เช่นนั้นก็ต้องเป็นวัตถุล้ำค่าที่มีส่วนช่วยในการบรรลุของระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์กระมัง โลกเทพคงไม่มีทางมีวัตถุล้ำค่าระดับนั้นเป็นแน่ สิงที่บรรพเทวะคละถิ่นทั้งสามท่านมอบให้สามตระกูลราชันย์ ย่อมไม่เผยแพร่สู่ภายนอกอย่างแน่นอน
“ข้าเตรียมใบไม้โลกเฉาและไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองมาพร้อมแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
คุณชายใหญ่สะดุ้ง
เขาปรายตามองไปด้านข้างแวบหนึ่ง สตรีสองนางที่อยู่ด้านข้างรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในสวนเหลือเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงและคุณชายใหญ่เพียงสองคนเท่านั้น
“เตรียมพร้อมแล้วหรือ” คุณชายใหญ่ไม่อยากจะเชื่อ เขาถึงขั้นสัมผัสรับรู้สิ่งมีชีวิตสามท่านผ่านเหตุปัจจัย…ประมุขหอน้อยอวิ๋นหลิว เจ้าเมืองปีกทองและจักรพรรดิเทพฉุนอวี๋ ทั้งโลกเทพใบนี้มีไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองอยู่เพียงสามเม็ดเท่านั้น ซึ่งตกอยู่ในมือของพวกเขาสามคน “เหตุปัจจัยของพวกเขาสามคนล้วนยังอยู่ เห็นได้ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่ดี”
“อีกทั้งเมื่อวานนี้เขาเพิ่งจะมาหาข้า วันนี้มาบอกว่าเก็บรวบรวมได้ครบแล้ว หรือจะบอกว่าเขาเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว” คุณชายใหญ่ครุ่นคิด “ก็ถูกต้องแล้ว เงื่อนไขของข้าก็เคยเสนอให้ผู้แกร่งกล้าคนอื่นที่อยากจะได้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนนั้นมาก่อนเช่นเดียวกัน เขาอาจจะเคยได้ข่าวมาแล้ว จึงได้เตรียมเอาไว้ก่อน เพียงแต่ใบไม้โลกเฉาเป็นสิ่งที่ข้าขอเพิ่มเติม เขาใช้เวลาเพียงวันเดียวในการเตรียมอย่างนั้นหรือ”
“ทั้งสามคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ดี!”
“เห็นทีเขาคงจะเคยติดต่อแลกเปลี่ยนกับสักคนหนึ่งในสามคนนั้นกระมัง” คุณชายใหญ่คาดเดา
ในสายตาของคุณชายใหญ่ หากมิได้สังหารเพื่อชิงทรัพย์ ก็ต้องใช้สมบัติล้ำค่าไปแลกเปลี่ยนมา
“ฮ่าฮ่า…” คุณชายใหญ่หัวเราะขึ้นมา “พี่เมฆาเขียวบอกว่าเตรียมมาพร้อมแล้ว ข้าขอดูสักหน่อยจะได้หรือไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วโบกมือคราหนึ่ง
ทันใดนั้นก็มีวัตถุสองชิ้นล่องลอยอยู่ตรงหน้า
ชิ้นหนึ่งคือใบไม้ที่ดูเหมือนจะเหี่ยวเฉาไม่มีชีวิตชีวาอันใด อักขระบนใบไม้แจ่มชัดหาใดเปรียบ แต่กลับมีพละกำลังอันแปลกประหลาดไหลเวียนอยู่รางๆ เหนือใบไม้อันเหี่ยวเฉานี้
อีกชิ้นหนึ่งก็คือไข่มุกซึ่งมีอสนีบาตสีทองไหลเวียนอยู่บนผิว ภายในไข่มุกเต็มไปด้วยความมืดหม่นยากจะส่องสำรวจได้ บนผิวของไข่มุกมีอักขระลับแห่งกฎเกณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ ด้วยอักขระลับแห่งกฎเกณฑ์ ทำให้พละกำลังภายในไข่มุกปรากฏเป็นอสนีบาตสีทองขึ้นมาตามธรรมชาติ พละกำลังที่แฝงอยู่ภายใน เพียงสัมผัสดูเล็กน้อยก็รู้ว่าแข็งแกร่งยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองนี้อีกครั้ง แล้วก็ยังคงอุทานด้วยความชื่นชม เนื่องจากพลังคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดที่แฝงอยู่ภายในไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง เมื่อมองผ่านตัวไข่มุกเอง พลังคละถิ่นกลับแปรเป็นอสนีบาตสีทอง! ช่างพิสดารหาใดเปรียบโดยแท้
“ดี” คุณชายใหญ่มองดูแล้วนัยน์ตาก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา เขาปรารถนาไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองมานานแสนนานแล้ว
“นับถือๆ พี่เมฆาเขียวเตรียมจนพร้อมได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว” คุณชายใหญ่พูดยิ้มๆ เขาพลิกมือคราหนึ่งแล้วหยิบที่เก็บสมบัติล้ำค่าอันหนึ่งออกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสมันอยู่ห่างๆ ยังคงมิได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด เขามองเห็นว่าภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ที่เก็บวัตถุนี้มีซากศพขนาดมหึมาราวกับเทือกเขาทอดกายอยู่ เขาอดเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมามิได้
“เช่นนั้นการแลกเปลี่ยนก็สำเร็จแล้วหรือ” คุณชายใหญ่มองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ
“แน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
คุณชายใหญ่หยิบที่เก็บสมบัติล้ำค่าออกมา มองดูวัตถุล้ำค่าทั้งสองที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงพลางยิ้มร่า มิได้พูดให้มากความอีกต่อไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจแจ่มแจ้ง เขาโบกมือคราหนึ่ง ใบไม้โลกเฉาและไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้าก็ลอยไป
“สุขใจนัก” คุณชายใหญ่ก็โบกมือตาม แต่ขณะที่โบกมือนั้นฝ่ากลับขยายออกแล้วคว้าใบไม้โลกเฉาและไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองเอาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว จากนั้นกลับมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“คุณชายใหญ่ นี่หมายความว่าอะไรกัน” สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปรไป
การแลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่าซึ่งกันและกันระหว่างผู้แกร่งกล้า หากเป็นระหว่างผู้บำเพ็ญด้วยกันอาจจะสามารถใช้สัตย์สาบานผูกมัดได้ แต่สำหรับผู้ที่บำเพ็ญสายเลือดเหล่านี้…กลับผูกมัดได้ยากมาก ทำได้เพียงพยายามแลกเปลี่ยนด้วยวิธีที่ปลอดภัยที่สุดเท่านั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่เมฆาเขียว สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ท่านเชื่อข้าเถี่ยหลงอวิ๋นซานได้อย่างไรกัน” คุณชายใหญ่พูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “น่าเสียดาย ที่ข้าเองก็ยังไม่เคยเชื่อใจตนเองขนาดนี้ สมบัติล้ำค่ามาอยู่ในมือข้าแล้ว ท่านก็อย่าคิดจะได้ไปอีกเลย”
“ท่านจะแย่งชิงไปอย่างนี้น่ะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“แย่งชิงไปแล้วอย่างไรเล่า ข้าขอเตือนให้ท่านรีบจากไปเสียโดยเร็ว ในเมืองมังกรเหล็กยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าเหิมเกริมกับข้ามาก่อน” คุณชายใหญ่ยิ้มหยัน ที่นี่คือเมืองมังกรเหล็ก! มีค่ายกลต่างๆ คอยช่วยเหลือ เขากล้าประมือกับระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์เสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นท่านพ่อก็ยังเป็นถึงอันดับเจ็ดของรายนามจักรพรรดิเทพ แม้การละโมบต่อสมบัติล้ำค่าจะชั่วร้ายน่าละอายสักหน่อย แต่ผู้ใดจะสามารถทำอะไรเขาได้เล่า
“โง่เง่า!” นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเย็นเยียบขึ้นมา
ตู้ม!
เขตลวงอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งเข้าปกคลุมคุณชายใหญ่ และลากจูงวิญญาณของคุณชายใหญ่ตรงเข้าไปภายในทันที
คุณชายใหญ่รู้สึกเพียงว่าฟ้าดินกำลังหมุนคว้าง วิญญาณราวกับกำลังจมดิ่งลงไป เขาพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แม้แต่การสัมผัสรับรู้กายหยาบก็ยังเลือนรางขึ้นมากทีเดียว เขาพยายามครองสติสายหนึ่งเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนกเหลือแสน “ท่านพ่อ ช่วยด้วย!” ด้วยสติสายหนึ่งนี้ เขาพยายามส่งสารให้เจ้าเมืองมังกรเหล็กผู้เป็นบิดา เขาสัมผัสได้เพียงว่าวิญญาณเจ็บปวดแสนสาหัส ภายใต้ความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ วิญญาณก็อ่อนแอลงจนมิอาจต้านทานได้อีกต่อไป เขาจมจ่อมลงไปทันที
จมดิ่งลงไป ลงไป ลงไป…
จมดิ่งลงไปยังโลกเขตลวงอันกว้างใหญ่ซึ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันไร้ที่สิ้นสุดนั้น
“ฟิ้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าออกไปแล้วก็คว้ากายหยาบของคุณชายใหญ่เอาไว้ เขาโบกมือคราหนึ่ง สมบัติล้ำค่าชิ้นแล้วชิ้นเล่าก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นใบไม้โลกเฉา ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง หรือว่าวัตถุต่างๆ ทั้งหมดภายในที่เก็บสมบัติล้ำค่าของคุณชายใหญ่เอง เขาเก็บขึ้นมาจนหมด “มั่นใจในตนเองเกินไปแล้วจริงๆ คิดจริงๆ หรือว่าอยู่ในเมืองมังกรเหล็กแล้วผู้ใดก็จะทำอะไรเจ้าไม่ได้น่ะ”
“ผู้ใดมาบังอาจในจวนมังกรเหล็กของข้า!”
น้ำเสียงเยียบเย็นดุจน้ำแข็งสายหนึ่งดังก้องขึ้นมา เงาร่างของบุรุษสวมอาภรณ์สีเทาเรียบๆ ผู้นั้นเลือนรางไป แล้วก็มาถึงในสวน เขาจ้องตงป๋อเสวี่ยอิงเขม็งด้วยสายตาเย็นชา แรงอาฆาตอันไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมเข้ามาราวกับคลื่นทะเลอันไร้ขอบเขตที่หอบม้วนฟ้าดินเอาไว้
…………………………………