Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอดตอนที่ 43 วางแผน
หลังจากรับม้วนสาส์นมาแล้วราชันย์อนธการอมตะก็หายตัวจากไป
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาหยิบเอาม้วนสาส์นมา ทว่ากลับตื่นตระหนกขึ้นในใจ “ถึงแม้ว่าในอดีตราชันย์อนธการอมตะผู้นี้จะให้ข้าช่วยจัดการธุระให้ แต่อย่างน้อยมองเผินๆ ก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้อยู่ คราวนี้ให้ข้าจัดการธุระให้ จัดการไม่สำเร็จก็จะทำลายรัฐเมฆทักษิณา โหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้! ช่างผิดแผกนัก!”
ผ่านไปชั่วครู่
ณ เมืองหิมะเหิน ร่างแยกหนึ่งของประมุขรัฐเมฆทักษิณามาถึงที่นี่เพื่อพบตงป๋อเสวี่ยอิง
“อาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงนั่งอยู่ใต้ศาลา พอเห็นอาจารย์มาถึงแล้วก็ลุกขึ้นต้อนรับ
“เสวี่ยอิง ข้าเพิ่งเคยพบราชันย์อนธการอมตะ รู้สึกว่าช่างผิดแผกนัก” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเล่าเรื่องให้ฟังรอบหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังจบแล้วก็เอ่ยว่า “ล้วนเป็นเพราะข้าทั้งสิ้น”
“เป็นเพราะเจ้าหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาประหลาดใจ
“เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะรู้สึกถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่เสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ “พูดขึ้นมาแล้วก็เป็นเพราะข้าสร้างชื่อเสียงเอาไว้ที่หุบเขาเขี้ยวหักมากพอสมควร”
“เจ้าสร้างชื่อเสียงเอาไว้ที่หุบเขาเขี้ยวหัก ชื่อเสียงอันใดกันหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายิ่งสงสัย ยามผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาอย่างพวกเขาอยู่ที่หุบเขาเขี้ยวหักก็ระมัดระวังตนเองเป็นอย่างยิ่ง เผชิญหน้ากับเผ่ามรณะทมิฬ พวกเขาก็ต้องระวัง เผชิญหน้ากับชนพื้นเมืองดั้งเดิมก็ต้องระวังเช่นเดียวกัน! แม้กระทั่งเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทาน ถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ ต่างก็มิกล้าพกเอาสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าไปด้วย
“เป็นเช่นนี้แหละ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่จำเป็นต้องปิดบังอาจารย์ จึงพูดอย่างละเอียดลออ
ประมุขรัฐเมฆทักษิณายิ่งฟังก็ยิ่งตกตะลึง
สวรรค์เอ๋ย!
ต่อสู้กับบรรดาแม่ทัพเทพ ถึงขนาดที่กล้าเป็นอริกับจักรพรรดิเป่ยเหอ! จักรพรรดิเป่ยเหอไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น ในทางตรงข้ามกลับมาเชื้อเชิญด้วยตนเอง รักษามารยาทเป็นอย่างมาก จักรพรรดิแต่ละท่านเชื้อเชิญ ‘จักรพรรดิวายุทิพย์’ ร่วมมือกับเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ข่มขู่ให้ ‘ราชันย์เหยี่ยน’ ผู้ที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสิบสามราชันย์ยอมก้มหัว
“เจ้า เจ้า…” วิสัยทัศน์ของประมุขรัฐเมฆทักษิณายิ่งกว้างขึ้น ขณะนี้เขามองดูลูกศิษย์ของตนอย่างหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง
น่ากลัวยิ่งนัก!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกา ก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์ก็ไม่มีใครเหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักเช่นนี้ได้มาก่อนเลย! แม้กระทั่งระดับขั้นอย่างจักรพรรดิแปดท่านและสิบสามราชันย์ก็ยังต้องแย่งกันผูกไมตรี
“วิถีเขตลวงโลกเทียมของเจ้าไปถึงขั้นสุดยอดแล้วหรือไม่ เคล็ดวิชาวิญญาณจึงได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยถามอย่างอดมิได้
“เปล่าหรอกขอรับ เพียงแค่ไปถึงขีดจำกัดคอขวดเท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ข้ามีโอกาสในหุบเขาเขี้ยวหักอยู่บ้าง อาศัยสิ่งนี้ จึงได้ตระหนักรู้ท่าไม้ตายเขตลวงโลกเทียมกระบวนหนึ่งขึ้นมา! อาศัยท่าไม้ตายนี้จึงมีอิทธิพลเช่นนี้ได้”
“สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิมากมายภายในหุบเขาเขี้ยวหักจมดิ่งกันหมด ขั้นสุดยอดของพวกเราผู้บำเพ็ญเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า เกรงว่าพลังยุทธ์ต่างก็ต้องลดลงไปอย่างมหาศาล! เทพจักรวาลชั้นที่สองและบรรดาผู้เคารพโดยทั่วไป… เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าเกรงว่าต่างก็ต้องจมลงสู่ห้วงนิทราในทันใด รวมทั้งข้าด้วย” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีร่างแยกมากมาย แต่ความคิดเดียวของเจ้าก็สามารถผลาญร่างแยกทั้งหมดของข้าจนสิ้นได้แล้ว”
ในขณะนี้
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเกิดจิตใจหวาดหวั่นต่อลูกศิษย์ผู้นี้ขึ้นมาวูบหนึ่ง เคล็ดวิชาวิญญาณช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน ร่างแยกร่างหนึ่งจ่อมจมไป ความทรงจำของร่างแยกที่มีอยู่ทั้งหมดเชื่อมต่อกันด้วยเหตุนี้ ต่างก็สามารถเข้าสู่เขตลวงได้เช่นเดียวกัน!
แม้กระทั่งร่างแยกที่อยู่ไกลออกไปยังโลกกำเนิดอื่นๆ ในขณะนี้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ตัดสินใจว่าจะตัดการเชื่อมต่อความทรงจำของร่างแยกโลกาที่อยู่ไกลออกไป! เพราะโลกกำเนิดทีาแยกจากกัน การเชื่อมโยงความทรงจำนั้นเดิมทีก็กินแรงเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ขอเพียงแค่มิได้เชื่อมโยงกันอยู่ ก็ย่อมตัดขาดจากกันไปโดยธรรมชาติอยู่แล้ว “หลายปี ความทรงจำเชื่อมต่อกันครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้ร่างแยกเกิดอุปนิสัยที่แตกต่างกัน”
เคล็ดวิชาวิญญาณช่างชวนให้คนตกใจเหลือเกิน แม้กระทั่งประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้เป็นอาจารย์ผู้นี้ เป็นถึงผู้บำเพ็ญ ก็ย่อมต้องปกป้องตนเองโดยสัญชาตญาณอยู่แล้ว
“กับเทพจักรวาลชั้นที่สอง ก็น่าจะสามารถจัดการได้ภายในความนึกคิดเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ตอนนี้ผู้ที่เขาไม่สามารถจัดการได้บนดินแดนจิตโลกาก็มีเพียงแค่ขั้นสุดยอดเท่านั้น
“ราชันย์อนธการอมตะผู้นั้นคงจะรู้ข้อมูลนี้เข้าแล้ว เขาเกรงกลัวข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“เกรงกลัวเจ้าหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาฉงนใจ
“ใช่แล้ว เขาอยากจะเข้าไปยังหุบเขาเขี้ยวหัก แต่ข้าอยู่ที่หุบเขาเขี้ยวหัก ถ้าหากพบตัวเขาเข้า ส่งเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวก็สามารถเชิญตัวยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งมาล้อมสังหารเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “และยังเป็นเพราะว่าตอนนี้ข้าสามารถได้สมบัติล้ำค่าและโอกาสมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย บรรดาประมุขแสงดาวเหล่านั้นหรือแม้กระทั่งจักรพรรดิ ต่างก็พากันส่งสมบัติล้ำค่ามาให้ข้า ด้วยการสั่งสมวิถีอากาศของข้า และความสำเร็จของวิถีเขตลวงโลกเทียม ก็เป็นไปได้ที่เขาจะคิดว่าวิถีสองสายนี้ ไม่ว่าจะสายใดข้าก็มีความหวังที่จะไปถึงขั้นสุดยอดได้ทั้งสิ้น”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเห็นด้วย
ใช่แล้ว
เขาก็คิดว่าวิถีสองสายของลูกศิษย์ผู้นี้ ไม่ว่าสายใดต่างก็สามารถไปถึงขั้นสุดยอดได้ด้วยกันทั้งสิ้น! แน่นอนว่านี่ก็เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญบนดินแดนจิตโลกายังไม่รู้ว่าวิถีวิญญาณนั้นยากเย็นสักเพียงใด!
“ถ้าหากวิถีเขตลวงโลกเทียมของข้าไปถึงขั้นสุดยอด เคล็ดวิชาวิญญาณร้ายกาจยิ่งขึ้น บางทีอาศัยเคล็ดวิชาวิญญาณก็อาจจะสามารถล้างผลาญเขาได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ถึงแม้ว่าจะสังหารไม่ได้ ก็เกรงว่าพลังยุทธ์ของเขาคงเหลือเพียงแค่สองสามส่วนเท่านั้น การสังหารเขาก็ยิ่งง่ายดายขึ้นแล้ว”
ตอนนี้เคล็ดวิชาวิญญาณร้ายกาจถึงเพียงนี้ หากไปถึงขั้นสุดยอดก็ต้องยิ่งล้ำเลิศ
ผลาญสังหารในความคิดเดียว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกได้รางๆ ว่ามีหวัง!
“ถ้าหากเป็นวิถีอากาศไปถึงขั้นสุดยอด! อาศัยอาวุธเทพคละถิ่น แล้วไปเสาะหาความช่วยเหลืออีกสักหน่อย ข้าก็มีความหวังที่จะสังหารเขาได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาลอบพรั่นพรึง
เจ้าลูกศิษย์ของตนผู้นี้…ช่างล้ำเลิศ ร้ายกาจยิ่งนัก! เพียงพริบตาเดียวก็สามารถคุกคามไปถึงชีวิตของราชันย์อนธการอมตะได้!
“ดังนั้นเขาจึงต้องการจะดิ้นรน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ข้าเองก็ไม่อยากจะเร่งรัดเขา ขอเพียงแค่เขาไม่ทำการสังหารใหญ่โต ข้าก็ถึงขนาดที่เต็มใจสาบานว่าจะไม่ลงมือกับเขา น่าเสียดายนัก สิ่งที่เขาไขว่คว้าก็คือการสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ข้อเรียกร้องที่เสนอขึ้นมาจึงบ้าคลั่งเหลือเกิน ข้าก็ย่อมไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้อยู่แล้ว ดังนั้นเกรงว่าเขาคงจะวางแผนอะไรบางอย่าง เขาย่อมมิได้ยืนรอความตายอยู่เฉยๆ อย่างแน่นอน”
“อืม เขาไม่มีทางยืนรอความตายอยู่เฉยๆ หรอก” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด
……
ณ ปราการเมืองขนาดใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่ง
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ราชันย์อนธการอมตะมาถึงด้านบนของปราการเมืองแห่งนี้ เขามองลงไปยังปราการเมืองแห่งนี้อย่างเย็นชา
ภายในปราการเมืองมีผู้บำเพ็ญจำนวนมากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มีทั้งชายและหญิง เด็กและผู้เฒ่า มีผู้บำเพ็ญตามลำพัง มีผู้ที่ไปเป็นผู้ดูแล เป็นคนรับใช้ เพื่อให้ได้มาซึ่งแก้วผลึกจักรวาล
“เฮือก!”
ราชันย์อนธการอมตะสูดลมหายใจเข้าปากคราหนึ่งในทันใด
ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมทั่วทั้งปราการเมืองในทันที เหล่าประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนภายในเมืองแต่ละคนต่างก็ไม่สามารถต้านทานได้ แต่ละคนวิญญาณลอยออกจากร่าง ราชันย์อนธการอมตะกลืนกินจนเกิดเป็นหุบเหวลึกดำมืด วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนเหินลอยไปยังกลางหุบเหวลึกดำมืดอย่างไม่หยุดหย่อน ภายในปราการเมืองนี้มีประชากรบางส่วนที่มีร่างแยกอยู่ข้างนอก ก็ได้แพร่กระจายข่าวสารออกไป
ความเคลื่อนไหวอันใหญ่โตเช่นนี้ ราชันย์อนธการอมตะก็รังเกียจที่จะปิดบังเอาไว้
ไม่เพียงแต่มีประชากรเท่านั้นที่ส่งข่าว ความเคลื่อนไหวนี้ก็ทำให้สุดยอดผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่งรู้สึกได้ด้วยเช่นกัน
“หืม ราชันย์อนธการผู้นี้ทำอะไรกัน” บรรพชนฝานรับสัมผัสอยู่ห่างๆ สังเกตการณ์ที่นี่แล้วก็มีความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “ต่อให้อยากจะจับวิญญาณกลุ่มใหญ่ เขาคิดวิธีดึงดูดผู้อ่อนแอบางคนให้ไปจับก็ใช้ได้แล้ว เหตุใดจึงต้องลงมือเองด้วยเล่า”
แต่เขากลับไม่รู้ว่า
ราชันย์อนธการอมตะต้องการจับมาทำการทดสอบในระยะเวลากระชั้นที่สุด และการดึงดูดมารที่อ่อนแอให้ไปจับนั้นต้องสิ้นเปลืองเวลา! จะได้วิญญาณกลุ่มแรกมาไว้ในมืออย่างรวดเร็วที่สุด ก็ย่อมต้องลงมือด้วยตนเองอย่างรวดเร็วที่สุด!
“เฮือก”
ในที่สุดราชันย์อนธการอมตะก็ดูดวิญญาณทั้งหมดที่มีอยู่เข้าไปในร่างกายจนหมด เข้าไปยังมิติภายในร่างกาย
เขารอคอยอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ ในที่สุดด้านข้างก็มีหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
“ราชันย์อนธการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังปราการเมืองเบื้องล่าง ร่างกายของประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนสูญเสียดวงวิญญาณกันไปจนหมดสิ้น กลายเป็นเมืองมรณะแห่งหนึ่ง เขาอดที่จะมองไปทางราชันย์อนธการอมตะอย่างโกรธแค้นมิได้ “ท่านเตรียมจะทำอะไรกัน”
เพียงแค่เมืองแห่งหนึ่ง การบูชายัญย่อมไม่เพียงพออย่างแน่นอน
“ข้าทำอะไรหรือ”
“เจ้าไม่เหลือทางให้ข้าเดิน ข้าก็ได้แต่เปิดเส้นทางเดินให้ตัวเองแล้วล่ะ” ราชันย์อนธการอมตะยิ้มเย็นให้ตงป๋อเสวี่ยอิงคราหนึ่ง “จ้าวหิมะเหิน จ้าวหิมะเหินผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ ในภายหน้าเกรงว่ายังสามารถเป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาได้ น่าเสียดายที่เจ้าต้านทานข้าเอาไว้มิได้”
พูดจบแล้วเงาร่างของราชันย์อนธการอมตะก็หายลับจากไป
เขาจงใจรั้งอยู่ที่นี่ก็เพื่อรอตงป๋อเสวี่ยอิง!
“สมควรตาย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าไม่น่าดู มารธรรมดาๆ ลงมือ เขาก็ยังสามารถสังหารได้ แต่ราชันย์อนธการอมตะลงมือนั้น เขาก็ย่อมทำอะไรมิได้อยู่แล้ว
……
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ตงป๋อเสวี่ยอิงสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่เอาไว้ที่หุบเขาเขี้ยวหัก ในที่สุดข่าวสารมากมายก็แพร่ออกไปยังบรรดาระดับยอดสุดของดินแดนจิตโลกาแล้ว จักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิเทพผลาญโลกา ประมุขรัฐเสียดฟ้า บรรพชนฝาน บรรพชนราตรีนิรันดร์ และบรรพชนนิจรัตติกาล หลังจากที่แต่ละคนได้รู้แล้วต่างก็ปากอ้าตาค้าง บรรพชนฝานก็ยิ่งเอ่ยอย่างตกใจว่า “วิถีเขตลวงโลกเทียมของเขาอ อย่างน้อยก็ไปถึงขีดจำกัดคอขวด หรือแม้กระทั่งเป็นไปได้ที่จะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้ว!”
พวกเขาถึงขนาดที่ล่วงรู้ได้แล้ว
เหล่าจักรพรรดิต่างก็เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นแขกรับเชิญ!
สิบสามราชันย์ต่างก็หวั่นเกรงจ้าวหิมะเหินผู้นี้!
ประมุขโลกกลุ่มใหญ่ต่างก็เคยพากันส่งสมบัติล้ำค่าจำนวนมากมาให้ สมบัติลับล้ำค่านั้นว่ากันว่ามีแม้แต่สุดยอดสมบัติลับล้ำค่าอยู่ด้วย!
บ้าไปแล้ว!
ระดับยอดสุดของทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็พากันพรั่นพรึงด้วยเหตุนี้ ขั้นสุดยอดจำนวนหนึ่งที่ไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าต่างก็อิจฉาตาร้อนจนแทบคลั่ง อิจฉาริษยา! แต่ก็ทำอะไรมิได้
ยามที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานและเหล่าขั้นสุดยอดมาเยี่ยมเยียนตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับกำลังให้ความสนใจกับข่าวคราวของราชันย์อนธการอมตะ
ราชันย์อนธการอมตะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์มิใคร่จะดีนัก
ระยะเวลาเพียงแค่สามปี
นอกจากราชันย์อนธการเองที่ปล้นชิงวิญญาณกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งแล้ว ต่อมาท่ามกลางความมืดก็มีวิญญาณไม่น้อยถูกปล้นชิงอยู่เป็นประจำ ตอนนี้ทั้งดินแดนจิตโลกาและหกรัฐโบราณต่างก็ไว้หน้าตงป๋อเสวี่ยอิงกันเป็นอย่างยิ่ง เขาอาศัยข้อมูลของแต่ละฝ่ายตรวจสอบ วิญญาณที่มาปล้นชิงเหล่านั้น…ทั้งหมดทั้งมวลต่างก็ขึ้นตรงต่อราชันย์อนธการอมตะผู้นั้น!
“ราชันย์อนธการ ปล่อยเอาไว้ไม่ได้!” ตงป๋อเสวี่ยอิงขบกราม “จะต้องคิดหาวิธีกำจัดเขา!”
หากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปก็ไม่รู้จริงๆ ว่ายังต้องตายกันอีกมากมายเท่าใด
ยังหวังว่า ‘หยวน’ จะมาหรือ ด้วยอุปนิสัยของหยวน เกรงว่าถ้าหากยังไม่ตายจนถึงขนาดที่ส่งผลกระทบต่อระเบียบของทั้งดินแดนจิตโลกาก็ไม่มีทางมาลงโทษเขาหรอก
…………………………………………….