Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 28 จักรพรรดิเป่ยเหอ
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 28 จักรพรรดิเป่ยเหอ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองชายหนุ่มในชุดเกราะกระดูกสีขาวหนีห่างออกไป รอจนการกดดันของแสงดาวอ่อนลงพอสมควรแล้วจึงฝืนฉีกห้วงอากาศเคลื่อนที่จากไป
“สามารถถูกจัดเป็นอันดับสองในสามสิบหกแม่ทัพเทพได้ ดูท่าทางก็สามารถนับได้ว่าเป็นสุดยอดผู้แกร่งกล้าของทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “มิน่าเล่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมและเผ่ามรณะทมิฬ สองเผ่าพันธุ์ใหญ่นี้ของหุบเขาเขี้ยวหักถึงมิใคร่จะเห็นผู้บำเพ็ญอยู่ในสายตานัก ความจริงแล้วความแตกต่างช่างมากมายนัก”
พูดขึ้นมาแล้ว
ผู้บำเพ็ญกับสองเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหุบเขาเขี้ยวหัก ทางด้านพลังยุทธ์ ‘ระดับจักรพรรดิ’ ก็น้อยลงไปขั้นหนึ่ง!
‘ไร้เทียมทาน’ ในบรรดาผู้บำเพ็ญ พูดถึงพลังรบก็นับได้เพียงว่าเป็นระดับอ๋องขั้นสมบูรณ์เท่านั้น! เพราะเคล็ดวิชาเร้นลับเพียงพอ จึงสามารถเทียบเคียงได้กับ ‘จักรพรรดิระดับต้น’ อย่างพอถูไถเท่านั้น เช่นจอมกระบี่ก็เทียบเคียงได้กับผู้อาวุโสใหญ่ผู้นั้นอย่างพอถูไถ! หรือแม้กระทั่งยามที่ ’จักรพรรดิ’ ที่แข็งแกร่งกว่าผู้นั้นลงมือ ก็อาศัยเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนแรก ทำให้ ’จักรพรรดิ’ ผู้นั้นพลังยุทธ์ลดลงอย่างมหาศาล จอมกระบี่เพียงแค่หนีเอาชีวิตรอดก็ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
อย่างเช่นจักรพรรดิเซี่ย วิถีสองสายนี้ต่างก็ไปถึงขั้นสุดยอดแล้ว ทั้งยังมีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าอยู่อีกด้วย! พูดถึงพลังรบก็เป็นขั้นจักรพรรดิระดับต้น! อาศัยเคล็ดวิชาอันเร้นลับก็สามารถต่อสู้กับ ’จักรพรรดิ’ ธรรมดาสามัญของเกาะลอยคว้างได้แล้ว หรือแม้กระทั่งเผชิญหน้ากับ ‘แปดผู้วิเศษ’ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นชั้นต่ำ ก็ยังมีความหวังที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้
ราชันย์อนธการอมตะ…ถ้าหากเผาผลาญโลหิตหัวใจ พลังรบก็สามารถเทียบเคียงได้กับแม่ทัพเทพ อาศัยเคล็ดวิชาอันเร้นลับก็สามารถต่อสู้กับ ‘แม่ทัพเทพโครงกระดูก’ ได้
“ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็มีเพียงแค่พวกเขา จักรพรรดิเซี่ยและราชันย์อนธการอมตะสองคนเท่านั้น พูดถึงพลังรบของผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก็อ่อนด้อยกว่าอยู่มากโข ความแตกต่างมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้าน้อยๆ
“น้องหิมะเหิน!” ด้านข้างมีเสียงตื่นเต้นของประมุขแสงดาวดังขึ้น
ผู้อาวุโสเก้าท่านของเผ่าแสงดาว สุดยอดผู้นำทัพมากมาย และชาวเผ่าที่อยู่ห่างไกลออกไปจำนวนมาก แต่ละคนมองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างตื่นเต้นและกระตือรือร้น
ในขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังตะลึงงัน ทอดถอนใจในความแตกต่างระหว่างผู้บำเพ็ญกับเผ่ามรณะทมิฬและกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมอยู่นั้น เผ่าโลกแสงดาวกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและนับถือต่อผู้บำเพ็ญ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นี้ ขณะเดียวกันในใจของพวกเขาทุกคนต่างก็ตื่นตระหนกไปด้วย
“พี่แสงดาว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ก่อนหน้านี้ข้าก็รู้สึกว่าเคล็ดวิชาวิญญาณของน้องหิมะเหินแกร่งกล้าเสียเหลือเกิน! เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะยังประเมินน้องหิมะเหินต่ำเกินไปเสียแล้ว” ประมุขแสงดาวมองตงป๋อเสวี่ยอิง แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ “แม้กระทั่งระดับจักรพรรดิ เมื่อเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชาวิญญาณของน้องหิมะเหิน ถ้าไม่จ่อมจม พลังยุทธ์ก็ต้องลดลงอย่างมหาศาล! นี่ช่างล้ำเลิศ ล้ำเลิศยิ่งนัก ตั้งแต่ดินแดนจิตโลกาและหุบเขาเขี้ยวหักกำเนิดขึ้นมา น้องหิมะเหินก็เป็นคนแรกเลยนะ!”
อันที่จริง
เคล็ดวิชาวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง แม้กระทั่งผู้แกร่งกล้าชนพื้นเมืองดั้งเดิม และจักรพรรดิระดับต้นโดยทั่วไปต่างก็ถูกกวาดล้างจนเรียบ
หัวหน้ามนุษย์สามตาผู้นั้น เพราะวิญญาณแข็งแกร่งเป็นพิเศษ จึงสามารถฝืนรักษาสติอันแจ่มชัดเอาไว้ได้
อย่างเช่นระดับแม่ทัพเทพที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วเหล่าแม่ทัพเทพที่อ่อนแอสักหน่อยยังมีความสามารถในการต้านทานไม่เท่าหัวหน้ามนุษย์สามตาเลย! อย่างเช่นแม่ทัพเทพควันวายุก็ยังจมดิ่งลงไปในทันที แม่ทัพเทพเขมือบเมฆาฝืนดิ้นรน มีเพียงผู้ที่โดดเด่นจับตาอย่าง ‘แม่ทัพเทพโครงกระดูก’ เท่านั้นจึงสามารถรักษาพลังรบเอาไว้ได้ถึงสามส่วน!
ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่แปลกใจกับสิ่งนี้เลย เพราะว่ายามที่เขากำลังบุกผ่านเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่า ’จักรพรรดิ’ ของเกาะลอยคว้างนั้น โดยทั่วไปแล้วต่างก็เป็นระดับแม่ทัพเทพทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าเผ่ามรณะทมิฬจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเชาวน์ปัญญาต่ำต้อยอย่างยิ่ง แต่พูดถึงจำนวนผู้แกร่งกล้า ก็มีข้อได้เปรียบยิ่งใหญ่กว่าอยู่มากในระดับอ๋องและระดับจักรพรรดิ หรือแม้กระทั่งเชาวน์ปัญญาต่ำต้อยยิ่งกว่า ยิ่งมุ่งขึ้นไปการบำเพ็ญก็ยิ่งยาก แต่ผู้ที่สำเร็จเป็นยอดเคารพก็มีอยู่แค่สามท่านเหมือนเดิม! มากกว่ากลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมอยู่คนหนึ่ง
เผชิญกับท่าไม้ตายของตงป๋อเสวี่ยอิง บรรดาราชันย์เหล่านั้นก็มีจำนวนมากที่ตกลงสู่ห้วงนิทราในทันที
บางส่วนสามารถรักษาสติตื่นรู้เอาไว้ได้เพราะตอนนั้นตนมิได้มีพวก ‘ประมุขแสงดาว’ ยื่นมือเข้าช่วย เพียงแค่ครองสติเอาไว้ได้ มีพลังยุทธ์หนึ่งหรือสองส่วน ก็สามารถทำลายร่างแยกร่างหนึ่งของตนได้อย่างง่ายดายแล้ว
“เพียงแต่เผ่ามรณะทมิฬมิได้ร่วมแรงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากพอ แม้กระทั่งเกาะลอยคว้างสองแห่งที่อยู่ใกล้ๆ… ก็มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันน้อยนิดเหลือเกิน เมื่อเทียบกันแล้วการปกครองของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมก็มีเสถียรภาพมากกว่า! ผู้แกร่งกล้าก็สามารถมารวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่รู้ว่า จักรพรรดิเป่ยเหอผู้นั้น ในภายหน้าจะมีปฏิกริยาโต้ตอบเช่นไรบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
“น้องหิมะเหิน ควรจะจัดการกับหัวหน้าห้าเผ่าและแม่ทัพเทพสองคนที่เป็นเชลยเช่นไรดี จะต้องชิงอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารของพวกเขาไปหรือไม่” ประมุขแสงดาวเอ่ยถามตงป๋อเสวี่ยอิง
“พี่แสงดาว ท่านตัดสินใจเอาเถิด ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องชิงไปแล้วล่ะ ปล่อยให้พวกเขาติดต่อกับโลกภายนอกไปเถิด” ประมุขแสงดาวรอคอย “เรื่องการต่อสู้ครั้งนี้แพร่หลายออกไป ก็จะทำให้ชื่อเสียงของน้องหิมะเหินเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล เชื่อว่าเพียงไม่นานโลกทั้งหุบเขาเขี้ยวหักจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะต้องให้ความสนใจกับน้องหิมะเหิน นี่ก็จะต้องเป็นเรื่องดีต่อน้องหิมะเหินแน่ บางทีอาจจะมีความวุ่นวายอยู่บ้าง แต่ผู้ที่สามารถเข้าสู่ดินแดนจิตโลกาได้ อย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงแค่จักรพรรดิระดับต้นเท่านั้น เกรงว่าพวกเขาคงไม่กล้าเข้าไป หากไปแล้วเผชิญกับเคล็ดวิชาวิญญาณของน้องหิมะเหิน เกรงว่าก็คงจะจมดิ่งลงไปในทันทีแล้วล่ะ”
“ฮ่าฮ่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “การเผยแพร่ออกไปคงจะเป็นเรื่องดีจริงๆ”
หุบเขาเขี้ยวหักไม่เห็นผู้บำเพ็ญอยู่ในสายตาเลย
ถ้าหากชื่อเสียงของตนแพร่กระจายออกไป สถานะที่หุบเขาเขี้ยวหักสูงมากพอ เช่นนั้นก็เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมากต่อการรวบรวมข้อมูลต่างๆ นานา และการสำรวจสถานที่อันตรายภายในหุบเขาเขี้ยวหักที่มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญของตน
“ต่อไปในภายหน้า ข้ากังวลว่าจักรพรรดิเป่ยเหอจะมาสังหารด้วยตนเอง” ประมุขแสงดาวถ่ายเสียงพูด “เท่าที่ข้ารู้ จักรพรรดิสี่ท่านที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพเฮ่ากู่ในตอนนี้ต่างก็มีพลังยุทธ์อยู่ในระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่น! และดูจากเดิมพันการประลองก่อนหน้านี้ จักรพรรดิเป่ยเหอก็จัดเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาจักรพรรดิทั้งสี่ท่าน พูดถึงพลังยุทธ์ก็ด้อยกว่ายอดเคารพอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือใต้บังคับบัญชาของเขามีสามสิบหกแม่ทัพเทพอยู่ ถึงแม้ว่าจะถูกพวกเราจับเป็นเชลยแล้วสองคน แต่ต่างก็จัดเป็นอันดับท้ายๆ เท่านั้น! อย่างเช่นแม่ทัพเทพโครงกระดูกก่อนหน้านี้ พวกเราก็ไม่สามารถจับตัวเอาไว้ได้ ”ประมุขแสงดาวถ่ายเสียงพูดด้วยความกังวลใจอยู่บ้าง “ถ้าหากจักรพรรดิเป่ยเหอนำแม่ทัพเทพกลุ่มหนึ่งบุกสังหารเข้ามา เช่นนั้นก็อันตรายแล้ว”
“ใช่” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบโดยสัญชาตญาณ “แม่ทัพเทพโครงกระดูกสามารถรักษาพลังรบเอาไว้ได้ถึงสามส่วนยามที่เผชิญกับข้า พลังยุทธ์ที่จักรพรรดิเป่ยเหอรักษาเอาไว้ได้ก็น่าจะสูงกว่าอยู่พอสมควร พลังคุกคามก็ยิ่งใหญ่กว่าอยู่มากจริงๆ”
“ใช่แล้ว ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง”
ประมุขแสงดาวถ่ายเสียง “ข้าสามารถติดต่อกับโลกอื่นๆ ได้ ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอต่อสู้กับโลกจำนวนมาก ผู้ที่ต่อต้านเขาก็มีอยู่มากมายนัก! มีน้องหิมะเหินอยู่ สามารถทำให้คนทางฝั่งจักรพรรดิเป่ยเหอแต่ละคนพลังยุทธ์ลดลงอย่างมหาศาล! แม้กระทั่งแม่ทัพเทพที่อ่อนแอสักหน่อยก็อาจจะจมดิ่งลงไปได้ และถ้าหากพวกเราประมุขโลกแต่ละแห่งร่วมมือกัน ก็มีความหวังที่จะต้านทานพวกเขาได้แล้ว เพียงแต่พวกเราขอให้ประมุขโลกอื่นๆ แต่ละท่านช่วยเหลือ ถ้าหากพวกเขาประสบกับอันตราย ข้าก็จะต้องไปช่วยเหลืออย่างแน่นอน นอกจากนี้ต้องการให้พวกเขาเข้าร่วม ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะคาดหวังให้น้องหิมะเหินช่วยเหลือพวกเขาในยามวิกฤติด้วย”
“เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
เขาไม่ชมชอบวิธีการอำมหิตเช่นนี้ของจักรพรรดิเป่ยเหอเช่นกัน
ทำตามข้ารุ่งเรือง ต่อต้านข้าต้องตาย!
หากกล้าต่อต้านก็ถึงกับทำลายเผ่าพันธุ์หนึ่ง ให้เผ่าพันธุ์ที่เชื่อฟังเขายึดครองและขยายเผ่าพันธุ์ ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงรู้สึกว่าสามารถช่วยเหลือโลกจำนวนหนึ่งได้
“ดีๆๆ มีคำพูดนี้ของน้องหิมะเหิน เชื่อว่าประมุขโลกจำนวนมากก็ต้องตื่นเต้นหาใดเปรียบ พวกเขาจำนวนมากต่างก็สิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง รอคอยให้วันนี้มาถึงกันอยู่นานแล้ว” ประมุขแสงดาวก็ตื่นเต้นเช่นกัน
เพียงแค่ประมุขโลกกลุ่มหนึ่งร่วมมือกันขึ้นมา
ทั้งยังมีตงป๋อเสวี่ยอิงด้วย พวกเขาก็มีความกล้าในการเปิดศึกซึ่งหน้ากับจักรพรรดิเป่ยเหอแล้ว!
……
และที่อีกด้านหนึ่ง
ณ โลกเป่ยเหอ ภายในโถงตำหนักขนาดใหญ่อันสูงตระหง่านตระการตา ขณะนี้มีแม่ทัพเทพสิบกว่าคนมารวมตัวกันอยู่แล้ว เพราะว่าข่าวแพร่กระจายรวดเร็วเกินไป ประมุขตระกูล แม่ทัพเทพควันวายุ และแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาที่ถูกคุมขังอยู่ต่างก็กำลังติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็อยากจะมีชีวิตรอด
“น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียว”
“แม่ทัพเทพควันวายุยังมิทันได้ต้านทานก็จมดิ่งลงไปเสียแล้ว ได้ยินว่าแม่ทัพเทพเขมือบเมฆาเหลือพลังยุทธ์อยู่เพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น เช่นนั้นถ้าหากข้าเผชิญกับเคล็ดวิชาวิญญาณเช่นนี้ คาดว่าก็คงจะเหลือพลังยุทธ์อยู่เพียงแค่หนึ่งหรือสองส่วนเช่นกันกระมัง แม้กระทั่งจักรพรรดิระดับต้นก็ยังสู้มิได้เลย”
แม่ทัพเทพเหล่านี้ถ่ายเสียงระหว่างกันอย่างเงียบเชียบ
จักรพรรดิเป่ยเหอในอาภรณ์เขียวตลอดร่างนั่งสูงอยู่บนบัลลังก์พลางมองอย่างเย็นชาลงมาเบื้องล่าง
เบื้องล่างเต็มไปด้วยความเงียบงัน ทุกคนเพียงแค่ถ่ายเสียงกันเท่านั้น ไม่มีใครกล้าส่งเสียงเลย! จักรพรรดิเป่ยเหอนั้นมีชื่อเสียงในด้านการฆ่า เขาสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมามากมายเหลือเกิน ทุกคนต่างก็เชื่อว่า แม่ทัพเทพโครงกระดูกจะสามารถหนึกลับมาได้อย่างปลอดภัย กำลังของจักรพรรดิเป่ยเหอเพียงคนเดียว… ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอลงเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับเคล็ดวิชาวิญญาณ เกรงว่าก็ยังสามารถกดดันประมุขแสงดาวได้ สามารถสังหารหมู่โลกแสงดาวตามอำเภอใจได้กระมัง
นอกจากนี้ ใครจะไปรู้ว่าจักรพรรดิเป่ยเหอมีท่าไม้ตายซ่อนเร้นเอาไว้อีกหรือไม่
วันใดที่จักรพรรดิเป่ยเหอระเบิดออกมาแล้วเทียบได้กับยอดเคารพ พวกเขาก็คงไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นผู้ที่ใกล้เคียงกับยอดเคารพที่สุดในบรรดากลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมแล้ว ถึงอย่างไรการที่สามารถเอาชนะจักรพรรดิสามท่านที่มีสายโลหิตแตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง ก็พิสูจน์ถึงความน่าหวาดหวั่นของจักรพรรดิเป่ยเหอได้แล้ว
“จ้าวหิมะเหินหรือ”
จักรพรรดิเป่ยเหอนั่งอยู่ด้านบนอย่างเงียบๆ
พรึ่บ
ทันใดนั้นจักรพรรดิเป่ยเหอก็ยืนขึ้น
เหล่าแม่ทัพเทพสิบกว่าคนที่อยู่เบื้องล่างต่างก็พากันตกใจพลางมองไปทางหัวหน้าของพวกเขา
จะเปิดฉากสังหารแล้วอย่างนั้นหรือ
ถึงอย่างไรในประวัติศาสตร์ เมื่อจักรพรรดิเป่ยเหอเผชิญกับความยุ่งยาก วิธีการที่ใช้เป็นประจำก็คือ ฆ่า ฆ่า แล้วก็ฆ่า!
“จ้าวหิมะเหินตัวดี” จักรพรรดิเป่ยเหอเอ่ยปาก เสียงสะท้อนก้องทั่วทั้งโถงตำหนัก” คิดไม่ถึงว่าในบรรดาผู้บำเพ็ญจะมีผู้แกร่งกล้าเช่นนี้อยู่ด้วย พูดถึงเคล็ดวิชาวิญญาณ ก็เป็นคนแรกของดินแดนจิตโลกาและหุบเขาเขี้ยวหัก การมีผู้แกร่งกล้าเช่นนี้อยู่ช่างทำให้ข้ามีความสุขนัก ไปๆๆ ติดตามข้าออกเดินทางไปยังโลกแสงดาว ข้าจะไปเชิญจ้าวหิมะเหินไปเป็นแขกของโลกเป่ยเหอของข้าด้วยตัวเอง”
เหล่าแม่ทัพเทพสิบกว่าคนที่อยู่เบื้องล่างต่างก็ตกตะลึง ปากอ้าตาค้างไปในทันที
ไปเชิญด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ
เป็นแขกหรือ
……………………………………………