Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 33 สมบัติล้ำค่าที่กองเป็นภูเขาเลากา
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 33 สมบัติล้ำค่าที่กองเป็นภูเขาเลากา
“แม้ข้ารับปากว่าจะช่วยแล้ว แต่เขากลับกลัวว่าในยามคับขัน จะไม่ทำสุดกำลังแล้วลอบคิดบัญชีกับเขาอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิดในใจ ขณะเดียวกันเขาก็ต้อนรับกองกำลังจากโลกต่างๆที่มาเยี่ยมเยียน เหล่าประมุขโลกและผู้อาวุโสทั้งหลายที่นำกองกำลังมานั้น ต่างพากันมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยสายตาซาบซึ้งเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างเอ่ยวาจาแสดงความขอบคุณออกมา
“จ้าวท่านมีบุญคุณใหญ่หลวง ช่วยเผ่าของข้าเอาไว้ โลกฝูหนีของข้าไร้สิ่งตอบแทน ต่อแต่นี้ไป หากจ้าวท่านมีบัญชาอันใด ขอแค่เอ่ยมาคำเดียว โลกฝูหนีของเราจะไม่รอช้าอย่างแน่นอน!”
“จ้าวหิมะเหิน ก่อนหน้านี้ข้าและคนอื่นๆ ไม่เคยรู้จักกับจ้าวท่านมาก่อน แต่จ้าวท่านก็ยังเมตตา ยอมช่วยเหลือข้าและเผ่าบ้านเกิดเอาไว้…”
คนที่มาเยี่ยมคารวะเหล่านี้ ล้วนมีความรู้สึกล้นเหลือกว่าวาจาที่เอ่ยมา
บ้างก็นัยน์ตาแดงก่ำ ถึงขั้นน้ำตาไหลรินออกมาก็มี! พวกเขาหลั่งน้ำตา มิใช่เพียงเพราะความซาบซึ้งเท่านั้น แต่เพราะนึกถึงชาวเผ่ามากมายที่ต้องเสียสละไปในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ด้วย!
ยากลำบากเกินไปแล้ว
เคราะห์ดีที่มีจ้าวหิมะเหินออกหน้า ช่วยเหลือโลกมากมายเอาไว้
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้วางมาดแต่อย่างใด หากแต่ต้อนรับทีละคนๆ วันนั้นยังถึงกับจัดงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาด้วย กองกำลังของโลกทั้งหลายต่างก็เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้กันถ้วนหน้า
“จ้าวหิมะเหินไม่ธรรมดาจริงๆ”
“สถานะอย่างเจ้าท่าน แม้แต่พวกแม่ทัพเทพที่อ่อนแอหน่อยก็ยังต้องจมดิ่งและล้มลงไปทันทีต่อหน้าเขา พวกแม่ทัพเทพโครงกระดูกต่างก็พลังเสียหายเป็นอย่างมาก พลังอย่างจ้าวท่าน ยังปฏิบัติต่อพวกเราด้วยความเกรงอกเกรงใจถึงเพียงนี้”
“ได้ยินว่าเมื่อจ้าวท่านอยู่ในดินแดนจิตโลกาก็ได้ปราบปรามมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยพลังของตัวคนเดียว และช่วยเหลือสรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้”
“โอ้ เมื่อจ้าวท่านอยู่ในดินแดนจิตโลกา มีเรื่องอันใดบ้าง พอจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
แต่ละแห่งในงานเลี้ยงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
พวกเขามาจากโลกคนละแห่ง ที่ผ่านมาบางคนไม่เคยติดต่ออะไรกันมาก่อนถึงขั้นมีความแค้นต่อกัน! แต่วันนี้พวกเขาต่างก็มีผู้มีพระคุณคนเดียวกัน…จ้าวหิมะเหินนั่นเอง! เรื่องนี้ทำให้พวกเขา พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ บรรยากาศภายในงานเลี้ยงดีเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่า นับแต่นี้ไป บ้านเกิดก็จะไม่ถูกโจมตีอีกต่อไปแล้ว
ขอเพียงจักรพรรดิเป่ยเหอไม่โจมตี!
เช่นนั้นบ้านเกิดก็จะปลอดภัยมากแล้ว เนื่องจากนี่คือดินแดนที่เป็นของจักรพรรดิเป่ยเหอ จักรพรรดิคนอื่นๆ ล้วนไม่มีสิทธิ์ลงมือ
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รู้จักประมุขโลกมากมาย และได้รับของกำนัลมากมายยิ่งนัก
“ของกำนัลมากมายถึงเพียงนี้”
“กองเป็นภูเขาเลากาเลยทีเดียว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ในงานเลี้ยงพลางสัมผัสสมบัติล้ำค่าที่กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ในโลกคูหาสวรรค์สำหรับเก็บวัตถุ
สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ มีหลายชิ้นที่กลิ่นอายเกรียงไกรหาใดเปรียบ
มีสมบัติลับอันสูงส่งสองชิ้น! มีสมบัติลับระดับยอดสุดหนึ่งร้อยหกชิ้น! วัตถุพิสดารต่างๆ ยิ่งมีมากมายเสียจนนับไม่หวาดไม่ไหว
“บ้าไปแล้วๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกชาหนึบขึ้นมาบ้างแล้ว “ตอนนี้ข้าคงนับได้ว่าเป็นผู้ที่มั่งคั่งที่สุดคนหนึ่งในบรรดาผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาแล้วกระมัง”
ว่ากันว่าภายในหุบเขาเขี้ยวหักมีโอกาสหาสมบัติล้ำค่าพบจำนวนนับไม่ถ้วน แต่อันที่จริงแล้วเผ่าชนพื้นเมืองมีพลังแข็งแกร่งกว่า พวกเขาบุกฝ่าครั้งแล้วครั้งเล่า จนได้สมบัติล้ำค่ามากมายไปอยู่ในมือก่อนแล้ว! อย่างสมบัติลับอันสูงส่งหรือสมบัติลับระดับยอดสุดนั้น…กลิ่นอายไม่ธรรมดาเพียงใด แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสมบัติล้ำค่า! แม้ชนพื้นเมืองจะลองแล้วลองอีก แต่เนื่องจากพวกเขาล้วนแต่ฝึกพลังสายเลือด จึงมิอาจใช้งานสมบัติลับระดับยอดสุดและสมบัติลับอันสูงส่งได้!
แต่ถึงจะใช้งานไม่ได้ หากพบเข้าแล้วก็ต้องเก็บเอาไว้!
อย่างพวกบรรพชนนิจรัตติกาลที่เคยกลืนกินชนพื้นเมืองตามอำเภอใจมาก่อน และได้ชิงเอาสมบัติล้ำค่ามาจากชนพื้นเมือง และเคยมีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูมาเจรจาแลกเปลี่ยนเอาไป! เพียงแต่สิ่งที่เผ่าชนพื้นเมืองต้องการนั้นล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง โดยทั่วไปแล้วล้วนแต่มีส่วนช่วยพลังสายเลือดเป็นอย่างมาก ตามปกติแล้ว เผ่ามรณะทมิฬก็ต้องการสมบัติล้ำค่าพรรค์นี้เช่นเดียวกัน!
ในเกาะลอยคว้าง การจะได้สมบัติล้ำค่าระดับนั้นมา ยังยากกว่าการตามหาสมบัติลับระดับยอดสุดมากมายนัก!
“โลกทั้งหลายได้ค้นพบสมบัติลับอันสูงส่งสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นทางสายเปลวเพลิง ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นทางสายพละกำลัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิด อย่างประมุขเกาะจันปาผู้นั้นเป็นทางสายพละกำลัง หากได้พลองยาวอันเร้นลับชิ้นนี้ไป ก็จะกลายเป็นไร้ศัตรูในทันที! หรืออย่าง ‘เจ้าเมืองอัคคีทิพย์’ ผู้นั้นก็บำเพ็ญทางสายเปลวเพลิง
เพียงแต่เจ้าเมืองอัคคีทิพย์และประมุขเกาะจันปาล้วนแต่เป็นมารร้ายตัวฉกาจ ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีทางแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างแน่นอน
“จักรพรรดิเซี่ยบำเพ็ญทางสายเปลวเพลิงและอากาศควบคู่กันกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิด จักรพรรดิเซี่ยก็มีสมบัติลับอันสูงส่งทางด้านอากาศเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น!
“สมบัติลับระดับยอดสุด…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มเยาะตนเอง
สมบัติลับระดับยอดสุดมากมายนัก! อย่างรัฐโบราณคิมหันตวายุ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในหกรัฐโบราณ สกุลฝานมีมหาเคารพหกท่าน สกุลเซี่ยมีมหาเคารพเก้าท่าน สกุลชางมีมหาเคารพเจ็ดท่าน และยังมีจอมเคารพซึ่งมิใช่คนจองสามตระกูลใหญ่อีกโขยงหนึ่ง ต่อให้มีส่วนหนึ่งที่มีสมบัติลับระดับยอดสุดหลายชิ้น เช่นมหาเคารพฝูอี่ก็ตาม แต่เมื่อรวมๆ กันแล้ว ก็มีสมบัติลับระดับยอดสุดเพียงไม่กี่สิบชิ้นเท่านั้น
ตนเพียงคนเดียวก็เกินร้อยชิ้นแล้ว! มากกว่าที่รัฐโบราณแห่งหนึ่งสั่งสมมาตลอดคืนวันอันยาวนานเสียอีก!
“เพราะถึงอย่างไรก็มีโลกชนพื้นเมืองตั้งมากมายมอบให้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ เมื่อรวมกับวัตถุล้ำค่าจำนวนมากแล้ว ตนก็ร่ำรวยจนแทบจะเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั้งหมดแล้ว ต่อให้เป็นราชันย์อนธการอมตะซึ่งโจมตีเส้นทางสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ตนได้!
“ในบรรดาสมบัติลับระดับยอดสุด มีวิถีอากาศมากถึงเก้าชิ้นด้วยกัน ที่แข็งแกร่งกว่าดอกบัวเพลิงห้วงอากาศมีถึงสามชิ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
สมบัติลับระดับยอดสุดในดินแดนจิตโลกา บ้างก็ได้มาจากวังเทพจิตโลกา บ้างก็ได้มาจากหุบเขาเขี้ยวหัก บ้างก็เป็นสิ่งที่เหล่าผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดหลอมขึ้นมา!
ส่วนภายในหุบเขาเขี้ยวหัก…
ต้องเป็นสิ่งที่ ‘หยวน’ ทิ้งไว้ให้แทบจะทั้งหมด
หยวนทิ้งโอกาสเอาไว้มากมาย
ก็เพราะอยากให้เหล่าผู้บำเพ็ญไปฝ่าฟันกันหรือถึงขั้นช่วงชิงกับชนพื้นเมือง! ไหนเลยจะไปคิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะทำให้ชนพื้นเมืองทั้งหลายซาบซึ้งหาใดเปรียบ และพากันพลิกหาสิ่งที่เผ่าของตนสั่งสมไว้ เพื่อหาสิ่งที่อาจจะมีประโยชน์ต่อผู้บำเพ็ญแล้วส่งมาจนหมด! หากจะมอบสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชนพื้นเมืองมาก พวกเขาก็อาจจะเจ็บปวดใจนัก แต่หากจะมอบวัตถุสำหรับผู้บำเพ็ญที่พวกเขาใช้งานไม่ได้ให้ พวกเขาก็ยินดีเป็นอย่างมาก
สมบัติลับอันสูงส่งนั้นล้ำค่า แต่พวกเขาใช้งานไม่ได้! อย่างมากที่สุดก็แค่นำไปแลกเปลี่ยนกับผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาเท่านั้น เพื่อแสดงความซาบซึ้งในบุญคุณอันใหญ่หลวงที่ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์เอาไว้ จึงมอบให้เสียเลย!
*******
งานเลี้ยงยุติลง
ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา เพื่อส่งสมบัติล้ำค่าจำนวนมากกลับไปยังเมืองหิมะเหิน
“ต่อไปควรจะไปที่ใดดีหนอ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกดูรายงานเกาะลอยคว้างฉบับแล้วฉบับเล่าซึ่งโลกต่างๆ มอบให้เขา เมื่อรวมรายงานจำนวนมากเข้าด้วยกัน ก็เรียกได้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจเกาะลอยคว้างในหุบเขาเขี้ยวหักเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนจิตโลกาทันที!
“โอ้โฮ”
“มีดวงตาอันเร้นลับถึงหนึ่งพันสองร้อยแห่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ลำพังแค่พลังของเผ่าเซวี่ยเหยียนเพียงเผ่าเดียว ก็รู้อะไรน้อยนัก ข้ายังต้องคิดหาวิธีสืบเสาะให้ทั่วทั้งหนึ่งพันสองร้อยแห่งให้ได้”
“ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่รีบร้อน แม้การบำเพ็ญวิถีเขตลวงโลกเทียมจะสำคัญ แต่กลับสำคัญสู้วิถีอากาศมิได้”
โลกกำเนิดบ้านเกิดยิ่งขยายใหญ่ขึ้น เข้าใกล้การแตกสลายครั้งใหญ่เข้าไปทุกทีๆ
จะต้องสำเร็จวิถีอากาศขั้นสุดยอดให้ได้ก่อนการแตกสลายครั้งใหญ่จะมาถึง!
“ที่มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญวิถีอากาศของข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิด “ที่บันทึกเอาไว้ในรายงาน ก็มีเกาะลอยคว้างหลายแห่งที่มีโอกาสทางด้านวิถีอากาศ แต่ข้อแรก โอกาสเหล่านั้นช่วยเหลือข้าได้อย่างจำกัดนัก สู้ ‘บุปผาโลกา’ ที่เจ้าเมืองหลัวมอบให้ข้ามิได้เลย! ข้อสอง ก่อนหน้านี้เมื่อบุกฝ่าเกาะลอยคว้างห้าร้อยแห่ง ก็ได้พบโอกาสมากมาย ตอนนี้สำหรับข้าแล้ว ต้องการสงบจิตบำเพ็ญเป็นที่สุด”
“และหากพูดถึงการสงบจิตบำเพ็ญแล้ว ภายในหุบเขาเขี้ยวหักมีสมบัติชั้นยอดอยู่อย่างหนึ่ง”
“เจดีย์เจ็ดระฆัง!”
นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเปล่งประกาย
เจดีย์เจ็ดระฆังเป็นสมบัติล้ำค่าจำพวกเดียวกันกับ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ และ ‘ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิม’ ในดินแดนจิตโลกา ที่ไม่จำเป็นต้องควบคุมแต่อย่างใด
เจดีย์เจ็ดระฆังแข็งแกร่งกว่าต้นไม้เทพผลาญจิตและตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมมากนัก ถึงขั้นที่อยู่ในหุบเขาเขี้ยวหัก ถูกขนานนามว่าเป็น ‘สมบัติชั้นยอดอันดับหนึ่งด้านการสงบจิตบำเพ็ญ’ ต่อให้ไม่ได้สำคัญกับเผ่าชนพื้นเมืองและเผ่ามรณะทมิฬที่ฝึกพลังสายเลือดสักเท่าใดนัก แต่ก็ยังคงก่อให้เกิดการช่วงชิงอย่างบ้าคลั่ง ท้ายที่สุดก็ถูก ‘จักรพรรดิวายุทิพย์’ ชิงมาไว้ในมือจนได้
เจดีย์เจ็ดระฆังนั้นพิเศษมาก มีระฆังเจ็ดใบแขวนอยู่ข้างเจดีย์ เมื่อควบคุมพลังไปผลักมันเบาๆ ระฆังทั้งเจ็ดก็จะดังขึ้นมาต่อเนื่องกัน และเหนี่ยวนำให้ผู้บำเพ็ญเข้าสู่เขตการบำเพ็ญที่พิสดารเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่า ทุกๆ ล้านล้านปี จึงจะสามารถลั่นระฆังทั้งเจ็ดได้ครั้งหนึ่ง
หลังจากลั่นระฆังแล้ว หากผลักระฆังอีกครั้ง ก็จะไม่เกิดเสียงขึ้น จะต้องรออีกล้านล้านปีให้หลัง ระฆังจึงจะเตรียมพละกำลังอันพิสดารขึ้นมาจนพร้อมอีกครั้ง
เหล่าจักรพรรดิที่ฝึกฝนสายเลือด ไปจนถึงบรรดายอดเคารพเหล่านั้น ล้วนแต่เคยเจรจากับ ‘จักรพรรดิวายุทิพย์’ เพื่อจะฝึกฝนสักครั้งกันทั้งนั้น! เพราะภายใต้สภาพจิตใจเช่นนั้น ก็จะรู้แจ้งสายเลือดของตนเองได้แจ่มชัดขึ้น
“ข้ารู้สึกว่า การสั่งสมทางด้านวิถีอากาศของข้าหนาแน่นพอ มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง และยังคิดค้นท่าไม้ตายทั้งห้าขึ้นมา และยังผ่านการฝึกฝนจากเกาะลอยคว้างถึงห้าร้อยแห่ง หากเก็บตัวสงบจิตบำเพ็ญ อาจจะสามารถบรรลุได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิด หากเก็บตัวอยู่ใน ‘สมบัติชั้นยอดอันดับหนึ่งด้านการสงบจิตบำเพ็ญ’ ของหุบเขาเขี้ยวหักก็ เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยมากขึ้น
“ไปพบจักรพรรดิวายุทิพย์ดีกว่า!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงทิ้งร่างแยกเอาไว้ที่เผ่าแสงดาว ขณะเดียวกันก็มุ่งหน้าไปยัง ‘โลกวายุทิพย์’ อย่างเงียบเชียบ
จักรพรรดิวายุทิพย์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพเฮ่ากู่เช่นเดียวกัน! พลังรบของเขาแข็งแกร่งจนเทียบได้กับระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่าง แต่ในศึกเดิมพันก่อนหน้านี้ไม่นานนัก จักรพรรดิทั้งสามรวมถึงตัวเขาก็ได้พ่ายแพ้ให้กับจักรพรรดิเป่ยเหอต่อเนื่องกัน! วิธีดำเนินศึกเดิมพันของพวกเขามิได้เผยแพร่สู่ภายนอก หากห้ำหั่นเอาเป็นเอาตายกันขึ้นมาจริงๆ พลังก็แตกต่างกันไม่มากนัก ยากมากที่จะตัดสินแพ้ชนะได้
………………………………………….