Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาค 35 ตอนที่ 38 จอมกระบี่ผู้น่าหวาดหวั่น
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ภาค 35 ตอนที่ 38 จอมกระบี่ผู้น่าหวาดหวั่น
“จอมกระบี่ เขาก็เป็นขั้นสุดยอดด้วยหรือ บรรลุตั้งแต่เมื่อใดกัน” เจ้าศิลาและจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตื่นตะลึงเหลือแสน ยามนี้พวกเขาย่อมมอง ออกอย่างแน่นอนว่าจอมกระบี่เป็นขั้นสุดยอดอย่างไร้ข้อกังขา อีกทั้งพลังก็ยังแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอีกด้วย!
ฟิ้ว
ร่างของจักรพรรดิจวินที่ถูกแทงทะลุแผ่นอกกลับแยกออกทันใด แปรเป็นแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอีกครั้งไกลออกไป เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่เบา
เขามองมองดูบุรุษอาภรณ์ขาวตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้า เจ้าทำร้ายข้าได้อย่างไรกัน ข้าเป็นถึงขั้นสุดยอด เจ้าออกกระบวนท่ามา แล้วข้าสัมผัสรับรู้มิได้ได้อย่างไรกัน”
“ขั้นสุดยอดก็ทำร้ายมิได้หรือ” จอมกระบี่กลับออกกระบี่อย่างเยียบเย็นไปอีกครั้ง
ฟิ้ว
ประกายกระบี่พาดข้ามท้องฟ้า ดูเหมือนว่าจะยังแลบแปลบปลาบอยู่ไกลออกไป แต่อันที่จริง ‘ดวงตา’ หลอกลวงตนเอง ประกายกระบี่ได้แทงเข้าไปในร่างกายแล้ว
“ตู้ม” สีหน้าของจักรพรรดิจวินเปลี่ยนแปรครั้งใหญ่ ก่อนร่างกายจะระเบิดออกอีกครั้งตามท่วงท่า เส้นสายจำนวนนับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวแล้วรวมตัวกันขึ้นอีกครั้งไกลออกไป
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ” จักรพรรดิจวินไม่อยากจะเชื่อ ตัวเขาเป็นผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอด แต่กลับไม่มีแม้แต่แรงจะตอบโต้ แต่ละกระบี่เขาล้วนได้รับบาดเจ็บไม่เบา
จอมกระบี่กลับเพียงแค่ยิ้มอย่างเยียบเย็นเท่านั้น
ฟิ้ว…
กระบี่หนึ่งฟาดฟันออกมาอีกครั้ง
ประกายกระบี่เหมือนจะใหญ่โตตระหง่านง้ำกว่าท้องฟ้าเสียอีก หัวจิตหัวใจของจักรพรรดิจวินสั่นคลอนไปหมดด้วยเหตุนี้ ปังงง…เขาถูกฟันอีกครั้งจนร่างกายแปรเป็นแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน รอยเลือดที่อยู่กลางอากาศล้วนกลายเป็นแสงสีดำไปหมด เคราะห์ดีที่เขาเป็นฝูงมารผลาญทำลาย! ฝูงมารผลาญทำลายเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาชีวิตเป็นอย่างยิ่งโดยกำเนิดอยู่แล้ว หากการรักษาชีวิตอ่อนแอกว่านี้สักหน่อย เกรงว่าอาการบาดเจ็บของเขาคงจะรุนแรงกว่านี้มาก
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เหตุใดข้าจึงมิอาจสกัดกั้นได้ เป็นไปได้อย่างไรกัน” จักรพรรดิจวินทั้งตกตะลึงทั้งโกรธเคือง ทั้งไม่ยอมจำนน
ครั้งนี้เขามิได้ทดลองอีก
หากแต่มิติรอบร่างกายบิดเบี้ยวไป แล้วเขาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอด หากจะหลบหนีไปก็ทำได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
“หนีรึ” จอมกระบี่รวบรวมสมาธิสัมผัสรับรู้ทั่วทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพละกำลังของฝูงมารผลาญทำลายนั้น เขาเร่งไปในทันใด ร่างกายกะพริบวาบคราหนึ่งก็แหวกอากาศไปราวกับประกายกระบี่สายหนึ่งทันที
ส่วนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์และเจ้าศิลาที่อยู่ไกลออกไปต่างก็มองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง
พวกเขาสองคนชะงักค้างไป
มองจนตาลายไปหมดแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไรกัน” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์รู้สึกวิงเวียนไปหมด
“พลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เจ้าศิลาไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง “ต่อให้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ก็ไม่ควรจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้กระมัง แข็งแกร่งกว่าพวกเราตั้งขุมใหญ่”
ส่วนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ใบหน้าบูดเบี้ยวขึ้นมา “เป็นไปได้อย่างไรกัน จักรพรรดิจวินผู้นั้นก็เป็นขั้นสุดยอด เหตุใดจึงไม่มีแม้แต่แรงต้านทานจนถูกเหยียบย่ำอย่างสิ้นเชิงเช่นนั้นเล่า”
หากเปลี่ยนเป็นเขา จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องถูก ‘จอมกระบี่’ เหยียบย่ำตามอำเภอใจเช่นเดียวกัน
ขณะเข่นฆ่า แต่ละกระบี่ของจอมกระบี่ เขา จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนหลบไม่พ้น! เขาถึงขั้นต้องสูญเสียพลังชีวิตไปกับทุกกระบี่ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็จะถูกโจมตีจนตายไปต่อหน้าต่อตา
นอกเสียจากจะหลบหนี
“อานุภาพประกายกระบี่ของเขาเก็บงำไว้ภายใน เมื่อปะทุออกมากลับน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ต่อให้ข้าแผดเผาร่างแปรทิพย์โบราณออกมาโจมตีสุดกำลังก็ทำได้เท่านี้เอง” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าหัวใจสั่นสะท้านไปหมด หากแผดเผาร่างแปรทิพย์โบราณออกมาโจมตีสุดกำลัง ก็จะสำแดงออกมาได้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น! แต่จอมกระบี่กลับดูเหมือนจะสบายมาก แต่ละกระบี่ล้วนแต่น่าสะพรึงกลัว
ต่อสู้อย่างผ่อนคลายมาก แต่อานุภาพกลับใหญ่โตเสียจนทำให้เจ้าศิลาและจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ใจสะท้านไปหมด
“หากข้าฝืนต้านทานเอาไว้ ก็ต้องได้รับบาดเจ็บ” เจ้าศิลาก็เข้าใจในจุดนี้ดี กระบวนท่าเช่นนี้มิอาจฝืนต้านทานได้เด็ดขาด “คิดไม่ถึงว่าในโลกกำเนิดแห่งนี้ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งจะเป็นจอมกระบี่ผู้นี้ไปได้”
“เขาแข็งแกร่งกว่าข้ามากมายยิ่งนัก” ทันใดนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกทั้งอดสูทั้งโมโห
เขาคุ้นชินกับการเป็นผู้สูงส่งเหนือใคร
คุ้นชินกับการที่สิ่งมีชีวิตทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านจำนวนนับไม่ถ้วนหวั่นเกรงเขา แต่วันนี้พลังของจอมกระบี่กลับเหนือกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง
……
ครั้งนี้จักรพรรดิจวินมาอย่างรวดเร็วเฉียบพลันเกินไปแล้ว
นอกจากโลกทิพย์นิจนิรันดร์แล้ว ก็มีเพียงผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดอย่าง ‘เจ้าศิลา’ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘จอมกระบี่’ ที่สามารถสัมผัสรับรู้ทั่วทั้งโลกกำเนิดได้ตลอดเวลาเท่านั้นที่สัมผัสได้ทันที พวกเขาเร่งมาในทันใด
อย่างตงป๋อเสวี่ยอิง แม้จะรับรู้เคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งเจ็ดกระบวนคละถิ่นและคิดค้นยุทธวิธีหิมะเหินขึ้นมาได้ ทำให้พลังของเขาไม่ย่อหย่อนไปกว่าขั้นสุดยอดเลย แต่ส่วนที่น่าอัศจรรย์ทั้งหลายกลับสู้ไม่ได้ เช่นวิธีการรักษาชีวิต เช่นการสัมผัสรับรู้โลกกำเนิด ก็ห่างจากขั้นสุดยอดอยู่ขุมใหญ่ เขาแค่มีพลังในการต่อสู้ซึ่งหน้าที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งเท่านั้นเอง
ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิง ส่วนใหญ่ล้วนกำลังเก็บตัวเพื่อบำเพ็ญอยู่
มีร่างแยกจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่ร่างเท่านั้นที่รับผิดชอบเรื่องสัพเพเหระอยู่
ใน ‘วังทวีสูญ’ แห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา เขาก็เตรียมร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้ที่นี่
“อะไรนะ”
“จักรพรรดิจวินสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้ว อยากจะทำลายล้างโลกทิพย์นิจนิรันดร์ แต่ถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสศิลาและจอมกระบี่ขัดขวางอย่างนั้นหรือ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสศิลาต่างก็ขัดขวางเอาไว้ไม่ได้ จอมกระบี่สำแดงสามกระบี่ออกไปต่อเนื่องกัน แต่ละกระบี่ล้วนทำให้จักรพรรดิจวินบาดเจ็บสาหัส จักรพรรดิจวินจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอย่างนั้นหรือ”
เทพจักรวาลเช่นตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนเทียนอวี๋ บรรพชนห้วงอากาศ ราชันย์มีด ประมุขเหยากวงและท่านบรรพชนคีรีมารต่างก็ได้รับข่าว พวกเขาอดตกตะลึงจนตาค้างไม่ได้
จักรพรรดิจวินสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้วหรือ
จอมกระบี่ก็เป็นขั้นสุดยอดหรือ นอกจากนี้พลังยังเหนือกว่าเจ้าศิลา จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดิจวินอีกหรือ
“นี่มันเรื่องอันใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงการส่งถ่ายทลายโลกาออกไปสอดส่องดู หมายจะจับตาดูการต่อสู้
……
จักรพรรดิจวินปรากฏกายขึ้นท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่าน พลางมองดูแผ่นดินอลหม่านตรงหน้า บนแผ่นดินอลหม่านมีสิ่งมีชีวิตอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน
“ทำลายให้หมดเถิด” จักรพรรดิจวินโบกมือคราหนึ่ง ตู้มมม ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดินอลหม่านในพริบตา แผ่นดินอลหม่านแห่งนี้สลายไปในทันทีโดยไม่เหลือไว้แม้แต่ซาก! เห็นได้ชัดว่าภายใต้การโจมตีของขั้นสุดยอด ทั้งแผ่นดินอลหม่านไม่มีอะไรโชคดีเหลือรอดมาได้เลย รวมไปถึงอาวุธต่างๆ ด้วย
“ไป” จักรพรรดิจวินหนีไปอีกทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
สวบ
อากาศด้านข้างบิดเบี้ยว จักรพรรดิจวินหายวับไป
แคว่ก จักรพรรดิจวินเพิ่งจะอันตรธานไป ก็มีประกายกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วรวมตัวขึ้นเป็นจอมกระบี่
“สมควรตาย” จอมกระบี่มองไปทางด้านข้าง ตามที่บันทึกเอาไว้ในแผนที่ดาวของอากาศอันสับสนอลหม่าน มีแผ่นดินอลหม่านแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่นี่แท้ๆ บัดนี้กลับหายไปแล้ว
“ไล่ตามไป” จอมกระบี่ไล่ตามต่อไป
จักรพรรดิจวินหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง
ระหว่างหลบหนีก็เก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดเอาไว้ จอมกระบี่จึงยากจะค้นพบได้ นี่เป็นเรื่องปกตินัก เหมือนอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงที่เก็บซ่อนกลิ่นอาย สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็หาไม่พบเช่นกัน!
หากจักรพรรดิจวินจะเก็บงำกลิ่นอายเพื่อซ่อนตัว จอมกระบี่ก็มิอาจพบได้จริงๆ แต่ขอเพียงมีระลอกคลื่นมากพอ จอมกระบี่ก็สามารถพบได้ แต่เมื่อพบเข้าและเร่งตามมานั้น กลับช้าไปก้าวหนึ่ง!
“ฮ่าฮ่าฮ่า จอมกระบี่ พลังของเจ้ายอดเยี่ยม แต่ก็สังหารข้าไม่ได้หรอก หากข้าตั้งใจจะทำลาย…เจ้าก็ต้านทานเอาไว้ไม่ได้หรอก” เสียงของจักรพรรดิจวินเหมือนประทับเอาไว้กลางอากาศอันสับสนอลหม่านรอบด้านอย่างไรอย่างนั้น มันสะท้อนไปมาไม่หยุด ทำให้จอมกระบี่ที่เร่งมาถึงสีหน้าคล้ำเขียวไปหมด
สวบ
……
ครั้งนี้จักรพรรดิจวินปรากฏกายขึ้นในโลกทิพย์กิเลนบูรพา
“ตู้ม!”
จักรพรรดิจวินเพิ่งปรากฏกาย ก็หมายจะโบกฝ่ามือหนึ่งไปยังตัวเมืองเบื้องล่างทันที
“ฟิ้ว”
ประกายกระบี่สายหนึ่งพลันวาดผ่านร่างจักรพรรดิจวินไป ทำให้ร่างกายของเขาถูกตัดเฉือนออก ร่างกายของจักรพรรดิจวินแยกออกจากกันทันที พลังทำลายล้างอันชั่วร้ายรวมตัวขึ้นอีกครั้งไกลออกไป เขามองดูจอมกระบี่ที่อยู่ไกลออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “เจ้า เจ้าไล่ตามข้าทันได้อย่างไรกัน”
ก่อนเขาจะลงมือก็เก็บงำกลิ่นอายเอาไว้ตลอด
“ไม่ใช่สิ อาวุธไม่เหมือนกันเสียหน่อย” จักรพรรดิจวินมองไปทางจอมกระบี่ที่อยู่ไกลออกไปแล้วยิ้มพูดเสียงต่ำว่า“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า จอมกระบี่จะยังมีร่างแยกอีกร่างหนึ่งด้วย ทำไมรึร่างแยกของเจ้าร่างนี้มีไว้เพื่อปกป้องทั้งโลกทิพย์กิเลนบูรพาอย่างนั้นหรือ ก็ใช่สินะ วังทวีสูญพรรคของเจ้าตั้งอยู่ในโลกทิพย์กิเลนบูรพา เจ้าจะจัดร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้คุ้มกันที่นี่ก็เป็นเรื่องปกตินัก เพียงแต่ข้าอยากรู้มากว่า เจ้ามีร่างแยกสักกี่ร่างกัน”
สวบ
จักรพรรดิจวินหายวับไป เขาเร่งมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์นิจนิรันดร์แล้ว
ยามนี้โลกทิพย์นิจนิรันดร์กลับไม่มีจอมกระบี่คอยคุ้มกันอยู่ จักรพรรดิจวินปรากฏกายขึ้นในโลกทิพย์นิจนิรันดร์ แล้วก็รีบร้อนซัดฝ่ามือหนึ่งออกไปตามอำเภอใจ จากนั้นก็หนีไปทันที
ฟิ้ว จากนั้นจอมกระบี่ก็ปรากฏกายขึ้น
“จักรพรรดิจวินผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นอกจากข้าจะต้องมีร่างแยกหลายร่างประจำการอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มิเช่นนั้นก็มิอาจขัดขวางเขาได้เลย” จอมกระบี่โกรธแค้น น่าเสียดาย อันที่จริงเขามีร่างแยกเพียงร่างเดียวเท่านั้น ทั้งยังเป็นเพราะเคล็ดวิชาศาสตร์โบราณอีกด้วยจึงมีร่างแยกได้หนึ่งร่าง
“พวกเจ้าศิลาและจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ แม้จะเป็นขั้นสุดยอดเหมือนกัน แต่พวกเขาล้วนแต่ไม่เชี่ยวชาญวิธีการจำพวกบริเวณทั้งสิ้น ยากที่จะคุ้มกันโลกทิพย์แห่งหนึ่งได้” จอมกระบี่ลอบส่ายหน้า
……
ชั่วขณะที่จักรพรรดิจวินมาถึงโลกทิพย์กิเลนบูรพา ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงได้มองเห็นจักรพรรดิจวินเข้าจริงๆ แล้วก็เห็นกระบี่หนึ่งของจอมกระบี่ทำให้จักรพรรดิจวินผู้นั้นบาดเจ็บด้วย
“พลังของจอมกระบี่ร้ายกาจยิ่งนัก รู้สึกว่าน่าจะมีพลังสามส่วนของสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองแวบหนึ่งก็สามารถตัดสินได้แล้วว่า เนื่องจากตัวเขาเองมีอาวุธคละถิ่น ‘หอกชิงเหอ’ อยู่ในมือ จึงมีพลังราวสามส่วนของสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูเช่นกัน แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูที่นี่…ยึดเอาปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เป็นมาตรฐาน ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ดีที่สุด
ในอากาศอันสับสนอลหม่าน
ทุกคนล้วนไม่มีสมบัติลับอันสูงส่ง ไม่มีอาวุธคละถิ่น จอมกระบี่มีพลังเช่นนี้ ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงอดสงสัยไม่ได้…ว่าจอมกระบี่ก็ได้รับเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งเช่นกัน!
“ทุกคนระวังเอาไว้ อยู่ในโลกทิพย์กิเลนบูรพา อย่าได้ออกไปเด็ดขาด จักรพรรดิจวินผู้นั้นหลบหนีไปทั่วทุกแห่งในอากาศอันสับสนอลหม่าน และเข่นฆ่าไปทั่วทุกหนแห่ง ข้ามีร่างแยกเพียงร่างเดียวซึ่งสามารถปกป้องโลกทิพย์กิเลนบูรพาเอาไว้ได้ตลอดเวลา ส่วนโลกทิพย์อื่นๆ…ข้ากลับมิอาจปกป้องได้แล้ว ร่างจริงของข้ายังต้องไล่ตามเขาต่อไป เพราะหากไม่ไล่ล่า เกรงว่าเขาก็คงจะยิ่งทำลายล้างตามอำเภอใจเข้าไปใหญ่” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูด
เขาไล่ตามตลอดเวลา
จักรพรรดิจวินก็ทำได้เพียงทำลายล้างชั่วครู่แล้วหนีไปทันที ระดับการทำลายล้างก็ยังนับว่าค่อนข้างต่ำ
หากทำลายล้างเป็นระยะเวลายาวนาน…โลกทิพย์แห่งหนึ่งก็สามารถแตกทำลายได้เลยทีเดียว
“อะไรกัน”
“ยังทำลายล้างอยู่อีกหรือ”
“ทำอย่างไรดี จักรพรรดิจวินผู้นั้นทำลายที่แห่งหนึ่งแล้วก็หลบหนีไปทันที หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านจะต้องถูกทำลายจนเป็นอะไรไปแล้ว หรือการทำลายล้างครั้งใหญ่จะมาถึงเร็วกว่ากำหนดเล่า”
เทพจักรวาลแต่ละคนพากันร้อนรน
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจความยุ่งยากของจอมกระบี่ทันที จอมกระบี่มีร่างเพียงสองร่าง ร่างแยกร่างหนึ่งประจำการ ส่วนร่างจริงก็กำลังไล่ล่า มีหลายสถานที่ที่จอมกระบี่มิอาจประจำการเพื่อคุ้มกันได้
“จอมกระบี่ ข้าจะช่วยท่านอีกแรงหนึ่งเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูดทันที
…………………………………………