Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ภาค 36 ตอนที่ 1 เรียนรู้จากกันและกัน
เมืองหิมะเหินกว้างใหญ่ไพศาล ภายในก็มียอดเขาและหุบเขามากมาย อย่างเช่นแม่เฒ่าอิงซานก็ถือครองทิวเขาแห่งหนึ่งแล้วสร้างที่พำนักอยู่ที่นั่น
ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลงปาถัวเฉิน และจอมกระบี่ พวกเขาสามคนกำลังประลองเรียนรู้จากกันและกัน
“ขวับ ขวับ ขวับ”
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินกะพริบร่างแปรเปลี่ยนไม่หยุดหย่อน ปีกของเขากระพือไหวคราหนึ่ง อัตราเร็วรวดเร็วถึงขีดสุด
ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็กุมหอกชิงเหอเอาไว้ในมือ ถึงแม้ว่าจะมิได้ควบคุมให้ค่ายกลเมืองหิมะเหินลงมือ แต่ก็ยังคงต่อตีจนบรรพชนแมลงปาถัวเฉินยับเยินอยู่บ้าง สถานที่มากมายในหุบเขาแห่งนี้กลายเป็นผุยผงไปหมดแล้ว แน่นอนว่าบริเวณรอบๆ ก็มีค่ายกลตัดแยกอยู่ ทำให้พวกเขาทั้งสามคนต่อสู้กันโดยไม่ส่งผลกระทบไปถึงโลกภายนอก
“หยุดๆๆ” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินตะโกนขึ้น “สมแล้วที่เป็นอาวุธเทพคละถิ่น ร้ายกาจๆ ดูท่าทางข่าวที่ราชันย์อนธการอมตะผู้นั้นปล่อยออกมาก็เป็นความจริงอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว!”
“จริงหรือ จริงกับผีน่ะสิ!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดลง อุปนิสัยของเขานับได้ว่าดีแล้ว แต่ก็ยังอดที่จะเอ่ยด่าออกมามิได้ “ยังพูดว่าอะไรอีก ไม่ว่าขั้นสุดยอดที่บำเพ็ญวิถีใดๆ ได้รับอาวุธเทพคละถิ่นมา ต่างก็สามารถเพิ่มพูนพลังยุทธ์ได้อย่างมหาศาล! พูดจาเหลวไหลได้เต็มปากเต็มคำนัก อาวุธเทพคละถิ่นนี่เป็นสิ่งที่ข้าหลอมขึ้นมาเองกับมือจึงสามารถหลอมแปรได้ นอกจากข้า เทพจักรวาลคนอื่นใดต่างก็ไม่มีทางหลอมแปรได้หรอก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาไปใช้เลย ข้อสอง นี่คืออาวุธที่ผสานรวมกับสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับที่ข้าได้มา ผู้ที่บำเพ็ญวิถีอื่นๆ ต่อให้สามารถหลอมแปรได้ก็ไม่สามารถใช้งานได้อยู่ดีนั่นแหละ! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าแค่หลอมแปรก็ยังทำมิได้เลย!”
“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่หิมะเหิน ใครใช้ให้การต่อสู้ครั้งเดียวของท่านทำให้หวาดหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วดินแดนจิตโลกากันเล่า ทั้งยังฝังแค้นกับราชันย์อนธการอมตะด้วย เขาคิดบัญชีกับท่านก็เป็นเรื่องธรรมดานี่” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูดยิ้มๆ
“ก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก อยู่ที่เมืองหิมะเหิน แม้กระทั่งราชันย์อนธการอมตะก็ยังทำอะไรเสวี่ยอิงมิได้ บุคคลผู้ไร้เทียมทานคนอื่นๆ ก็ยังไร้ความหวังยิ่งกว่าอีก” จอมกระบี่พูด
แม้กระทั่งจักรพรรดิเซี่ยก็ยังอ่อนแอกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า “ก็ยังเกิดเรื่องยุ่งยากมากขึ้นอีกเป็นกอง”
จิตใจละโมบ…
บุคคลผู้ไร้เทียมทานที่ตกต่ำไปก่อนหน้านี้อย่างเช่นจักรพรรดิกลืนโลกาตายไปด้วยเหตุใดน่ะหรือ มีผู้ที่เข้าไปในหุบเขาเขี้ยวหักแล้วต้องตาย! แล้วก็มีผู้ที่ตายเพราะเผชิญกับการล้อมโจมตีของบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่ดินแดนจิตโลกา ตกอยู่ภายใต้การล้อมโจมตีเพราะเหตุใดน่ะหรือ พูดกันจริงๆ แล้วก็ล้วนเป็นเพราะ ‘ความละโมบ’ ทั้งสิ้น พูดให้น่าฟังหน่อยก็ล้วนเป็นเพราะแสวงหาทางเดินบนเส้นทางการบำเพ็ญให้ไกลยิ่งขึ้น
“เสวี่ยอิง เจ้ากับข้าก็มาประลองกันดูหน่อยสิ” จอมกระบี่พูดยิ้มๆ
“ได้เลย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกาย “เจ้าก็ระวังด้วยล่ะ”
พูดแล้วหอกชิงเหอในมือก็แทงออกมาในทันใด!
ฝีหอกนี้กระตุ้นห้วงอากาศจนทั้งห้วงอากาศต่างก็เปลี่ยนเป็นดำทะมึน พลังคละวิถีอันไร้ที่สิ้นสุดท่ามกลางความดำทะมึนพุ่งเข้าใส่จอมกระบี่ราวกับกระแสน้ำวนตามการพุ่งของหอกชิงเหอ
ปลายหอกไม่จำเป็นต้องปะทะถูกศัตรู พลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นของฝีหอกนี้ก็ทะลุผ่านอากาศแพร่ไปถึงจอมกระบี่นี้แล้ว
“พรึ่บ” ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนบนผิวกายของจอมกระบี่ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คุ้มกันกายตน ต้านทานการโจมตีนี้เอาไว้ ถึงแม้ว่าเคล็ดวิชาคุ้มกันร่างกายที่เขาตระหนักรู้จากในสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับจะร้ายกาจ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าพลังแทรกผ่านอันแปลกประหลาดบางส่วนแพร่มาถึงในร่างกายของเขา แต่ร่างกายของเขากลับดุจดังประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน บดทำลายพลังโจมตีอย่างรวดเร็วอยู่ภายใน เพียงแต่ว่าก็ยังอดที่จะร่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งมิได้
“วิถีอากาศช่างน่าสนใจจริงๆ” จอมกระบี่กลับหัวเราะเสียงดัง “เจ้าก็รับกระบี่ข้าด้วยล่ะ”
พรึ่บ
ประกายกระบี่กะพริบวาบ ประกายโลหิตสายหนึ่งกะพริบวาบแล้วก็มาถึงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง
ดูเหมือนจะเงียบงันไร้สุ้มเสียง แต่กลับทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงในทันใด แล้วหอกก็หมุนเบาๆ คราหนึ่ง จากนั้นห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่าจำนวนนับไม่ถ้วนก็ขัดขวางเอาไว้ ทว่าประกายโลหิตสายนั้นกลับน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ทะลุผ่านห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างง่ายดาย ห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่ากลับมิได้สูญสิ้นไป พลังคุกคามของประกายโลหิตอ่อนลงเพียงแค่สามสี่ส่วนเท่านั้นแล้วแทงทะลุเข้าไปภายในร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิง
ผ่านวิธีการถ่ายถอนพลังต่างๆ ของการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ทรวงอกของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมีบาดแผลปรากฏขึ้นรอยหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าปากแผลสมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
“ร่างกายนี้ของเจ้าช่างแข็งแกร่งเสียจริง” จอมกระบี่อดที่จะพูดขึ้นมิได้
“กระบี่ท่านนั่นแหละที่ยากจะต่อกร” หอกยาวในมือตงป๋อเสวี่ยอิงหมุนปั่นคราหนึ่ง ฟ้าดินก็ปั่นป่วนหมุนวนขึ้นมา…
……
สองฝ่ายขับเคี่ยวกัน
ฝ่ายหนึ่งเป็นวิถีทำลายล้าง วิธีการที่สำแดงออกมาก็แฝงเอาไว้ด้วยสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ ส่วนอีกฝ่ายก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงที่กุมอาวุธเทพคละถิ่นไว้ในมือ เคล็ดวิชาวิถีอากาศที่สำแดงออกมาก็ใกล้เคียงกันเลยทีเดียว
แต่ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด!
“เสวี่ยอิง มิใช่ว่าเจ้ามีร่างแยกมากมายหรือไร รวมเคล็ดลับที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาพร้อมกันเลยสิ!” จอมกระบี่เอ่ยกระตุ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเป็นฝ่ายต้องการเองนะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะเสียงดัง
ด้านข้างมีดอกบัวเพลิงห้วงอากาศขนาดมหึมาดอกหนึ่งปรากฏขึ้นมาพร้อมกันในทันใด บนดอกบัวเพลิงห้วงอากาศอันจับตามีตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่เก้าคน แต่ละคนต่างก็สำแดงเคล็ดวิชาออกมาพร้อมกัน
ถ้าหากพูดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกชิงเหอเอาไว้ในมือ มีพลังสามส่วนของบรรพชนราตรีนิรันดร์
เช่นนั้นร่างแยกทั้งเก้าผสานรวมกับดอกบัวเพลิงห้วงอากาศก็พอๆ กันกับพลังสามส่วนของบรรพชนราตรีนิรันดร์! เพราะร่างแยกทั้งเก้าทุกร่างต่างก็มีวิญญาณเจ็ดส่วนของระดับขั้นสูงสุด เพราะเคยดูดซับโลหิตหัวใจของ ‘มารดามังกรหมื่นสัมผัส’ มาก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นวิญญาณเจ็ดส่วน ร่างแยกทุกร่างล้วนไม่ด้อยไปกว่าวิญญาณของขั้นสุดยอดโดยทั่วไปเลย พลังจิตก็เพียงพอสำหรับสำแดงเคล็ดวิชาโดยทั่วไปแล้ว
พลังรบขั้นสุดยอดเก้าคน ทั้งยังมีพลังแห่งโลกาของดอกบัวเพลิงห้วงอากาศส่งเสริมอีกด้วย! สิ่งที่สำคัญก็คือในดอกบัวเพลิงห้วงอากาศแฝงเอาไว้ด้วย ‘วิถีอากาศขั้นสุดยอด’ ผ่านเคล็ดการร่วมโจมตีที่วิถีอากาศขั้นสุดยอดติดตั้งอยู่ทำให้ร่างแยกทั้งเก้าร่วมมือกันขึ้นมา ผลลัพธ์จึงจะดีเยี่ยมเป็นที่สุด จึงทำให้พลังยุทธ์เพิ่มขึ้นกว่าตอนที่ไม่มีดอกบัวเพลิงห้วงอากาศหลายเท่า
ตอนนี้มีอาวุธเทพคละถิ่นแต่ก็มีส่วนที่ติดขัดอยู่บ้าง
ก็คือมี ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่น อยู่เพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น! พลังยุทธ์ที่ร่างแยกที่ถือหอกชิงเหอสำแดงออกมาเหนือกว่าร่างแยกอื่นๆ มากมายนัก (ร่างแยกอื่นๆ เก้าร่าง ผนวกรวมกับดอกบัวเพลิงห้วงอากาศจึงจะสามารถเทียบเท่าได้) ความแตกต่างมากเกินไป การผสานรวมก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าใดนัก
อย่างเช่น ‘เมืองหิมะเหิน’ ก็แตกต่างกันแล้ว
ค่ายกลมากมายที่ติดตั้งอยู่ภายในเมืองหิมะเหินก็เป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น อย่างเช่นจวนจ้าวก็มีค่ายกลอยู่ ถึงขนาดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องพกแก่นสำคัญติดตัวเอาไว้
เขานึกคิดคราหนึ่ง
ก็สามารถเหนี่ยวนำค่ายกลมากมายได้แล้ว จากนั้นตนเองก็สำแดงท่าไม้ตายอันแข็งแกร่งที่สุดออกมา
ค่ายกลเหล่านี้…ต่างก็ผสานรวมเจ็ดกระบวนคละถิ่นคิดค้นออกมา ต่างก็เป็นเลิศในการกระตุ้นพลังคละวิถี! ผสานรวมกันขึ้นมากับอาวุธเทพคละถิ่น…ก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างแท้จริง!
ทว่าพลังแห่งโลกาของ ‘ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ’ กับหอกชิงเหอผสานรวมกันขึ้นมา ผลลัพธ์กลับย่ำแย่ลงไปเป็นอันมาก
“ปัง ปัง ปัง…”
ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศและร่างแยกทั้งเก้าสำแดงเคล็ดการร่วมโจมตี!
ร่างแยกอีกร่างหนึ่งที่กุมหอกชิงเหอเอาไว้ในมือก็ลงมือเช่นกัน ร่วมมือกัน แต่ก็ยังคงถูกจอมกระบี่โจมตีจนยับเยินอยู่บ้าง ถึงอย่างไรจอมกระบี่ระเบิดพลังยุทธ์อย่างสุดกำลังก็มีแปดส่วนของบรรพชนราตรีนิรันดร์แล้ว
“ยังสำแดงเคล็ดวิชาเขตพลังร่วมกับหอกชิงเหอก็จะเหมาะสมกว่า” หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทดสอบหลายครั้งแล้วจึงได้เปลี่ยนแปลงเคล็ดวิชา
พรึ่บ…
ร่างแยกทั้งเก้าสำแดงเคล็ดการร่วมโจมตี สำแดงเคล็ดวิชาเขตพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
ตัวดอกบัวเพลิงห้วงอากาศเองก็เป็นสมบัติของโลกอยู่แล้ว ก็เชี่ยวชาญทางด้านเขตพลังเป็นที่สุด
“ครืน…” เขตพลังอันแกร่งกล้าราวกับคลื่นใต้น้ำบีบตัวออกมาแล้วโอบล้อมจอมกระบี่เอาไว้ เพียงพริบตา จอมกระบี่ก็เผชิญกับการกดดันของเขตพลังตลอดเวลา อีกทั้งเขตพลังคุกคามก็แปรเปลี่ยนไม่หยุดหย่อน ทำให้พลังยุทธ์ของจอมกระบี่ได้รับผลกระทบ
ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกชิงเหอเอาไว้ในมือ พลังยุทธ์บีบคั้นจอมกระบี่
ถึงแม้ว่าจะยังคงไม่สามารถครองความเหนือกว่าได้เช่นเดิม แต่ก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะขึ้นมาในที่สุด
“เขตพลังนี้ของเจ้าช่างทำให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างแท้จริง” จอมกระบี่ก็รู้สึกว่ายากจะรับได้เป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะได้ครอบครองสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับแล้วก็มีเคล็ดเขตพลัง แต่กลับมิอาจสู้กับ ‘ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ’ ที่เดิมทีก็เป็นสมบัติของโลกอยู่แล้ว ภายใต้การร่วมมือกันของร่างแยกทั้งเก้า เขตพลังนี้ก็แกร่งกล้าอย่างแท้จริง
ทั้งสองฝ่ายหยุดมือแล้วร่อนลงบนพื้นดิน
“ต่อให้อยู่ที่โลกภายนอก ประมือกับพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์ เจ้าก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ แล้ว” จอมกระบี่พูดยิ้มๆ
“น่าเสียดาย เพียงแค่ข้าเคลื่อนไหวใหญ่โตข้างนอกนั่น ราชันย์อนธการอมตะผู้นั้นก็จะต้องมาสังหารข้าอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “ถึงแม้ว่าเขตพลังของข้าจะนับว่าร้ายกาจ แต่ในสายตาของบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่เชี่ยวชาญทางด้านเขตพลังอย่างแท้จริงก็ยังคงไม่แข็งแกร่งพอหรอก เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ‘โลกแห่งความตาย’ ของเขาเคลื่อนลงมา ก็เพียงพอที่จะกดดันเขตพลังของข้าแล้ว เขตพลังก็ย่อมไม่สามารถช่วยเหลือข้าได้ ข้าถืออาวุธเทพคละถิ่นเอาไว้ในมือแล้วสู้กับเขา ถ้าหากหลบหนีช้าก็อาจจะถูกเขาสังหารเอาก็ได้ ร่างแยกร่างหนึ่งสูญสลายก็สลายไปเถิด แต่การที่อาวุธเทพคละถิ่นถูกช่วงชิงไปนั้นต่างหากจึงจะเป็นสิ่งที่ข้ามิอาจทนรับได้”
จอมกระบี่พยักหน้า
เขตพลังกดดันศัตรู ก็ต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากเป็นเขตพลังของศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า… เช่นนั้นเคล็ดเขตพลังที่สำแดงออกมาก็เป็นผลจากการถูกกดดัน!
“ในวันหน้าที่เจ้าออกไป ไม่คิดจะเอาอาวุธเทพคละถิ่นไปด้วยหรือไร” จอมกระบี่เอ่ยถาม
“ไม่ล่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “รอให้ถึงวันที่ข้าสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด จึงจะเป็นเวลาที่อาวุธเทพคละถิ่นออกจากเมืองหิมะเหิน!”
“ถูกต้อง ราชันย์อนธการอมตะผู้นั้นก่อให้เกิดคลื่นลม แพร่ข่าวลือออกไป การต่อสู้ครั้งนั้นของพี่ใหญ่หิมะเหินก็ชวนให้คนตกตะลึงเกินไป ผู้ที่เกิดจิตใจละโมบขึ้นมาจะต้องมีมากมายอย่างแน่นอน! พวกเขาไม่กล้ามารนหาที่ตายที่เมืองหิมะเหิน แต่ถ้าหากออกไป… ก็ยุ่งยากเสียแล้วล่ะ” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็เห็นด้วย
“อืมๆ เสวี่ยอิง การบำเพ็ญของเจ้าสั่งสมมาอย่างแน่นหนาอย่างยิ่งแล้ว นึกอยากจะบรรลุไปถึงขั้นสุดยอดก็ต้องการเพียงแค่จุดวิกฤติให้บรรลุอีกครั้งก็ใช้ได้แล้ว” จอมกระบี่พูด
“บรรลุอีกครั้งหรือ ข้าก็รู้ว่าบรรลุอีกครั้งก็ใช้ได้แล้ว แต่การบรรลุก้าวสุดท้ายนี้ยากเย็นขนาดไหน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า
“เค่อชิงเฟยเสวี่ย”
น้ำเสียงสายหนึ่งดังขึ้นที่บริเวณรอบๆ ในทันใด
ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่ และบรรพชนแมลงปาถัวเฉินต่างก็หันไปมอง เห็นเพียงว่าด้านข้างตรงที่ว่างกลางอากาศมีพลังฟ้าดินรวมตัวกัน รวมตัวกันออกมาเป็นเงาร่างสามสายของพวกจักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชาง แต่นี่ก็เป็นพลังฟ้าดินรวมตัวกัน เป็นเพียงแค่ร่างแปรเท่านั้น! เห็นได้ชัดว่าพวกจักรพรรดิเซี่ยส่งร่างแปรมา ก็หมายความว่าไม่มีจิตคิดเป็นปรปักษ์
มิฉะนั้นหากร่างจริงมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จะต้องตื่นตัวระแวดระวังอย่างแน่นอน!
“จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน จักรพรรดิชาง” ตงป๋อเสวี่ยอิงทักทายพลางพูดยิ้มๆ “ทั้งสามท่านมายังเมืองหิมะเหินของข้า ช่างเป็นเกียรติแก่เมืองหิมะเหินของข้าจริงๆ”
“ฮ่าฮ่า… ตอนนี้ใต้หล้า ใครจะไม่รู้จักชื่อมหาเคารพหิมะเหินบ้างเล่า ที่เมืองหิมะเหิน แม้กระทั่งราชันย์อนธการก็ยังต้องล่าถอยเลย” จักรพรรดิเซี่ยพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มรับแขกผู้มาเยือน
ทว่าในใจก็เข้าใจรางๆ ว่าการที่อีกฝ่ายมานั้น เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับอาวุธเทพคละถิ่น
…………………………………………..