Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 509
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 509
“หลีจ่าน ! ” ถิงหลันนิ่งอึ้ง ดวงตาที่เป็นสีแดงนั้นจับจ้องไปยังหลีจ่านที่อยู่ด้านล่าง !
ประกายแสบตากำลังหมองลง เงาของหลีจ่านค่อย ๆ ปรากฏท่ามกลางดวงวิญญาณของเหล่านักโทษ ตามการปล่อยทักษะนี้ของหลีจ่าน ดวงวิญญาณทั้งหมดของนักโทษเต็มไปด้วยความโกรธ แล้วกักตัวหลีจ่านเอาไว้ !
ประกายแสงของทักษะต่าง ๆ ดวงวิญญาณยี่สิบกว่าตัวของนักโทษต่างปล่อยโจมตีที่คร่าชีวิตของหลีจ่านไปพร้อมกัน !!!
ทักษะไม่น้อยอยู่ในพลังขั้นเก้าแล้ว ความสามารถของหลีจ่านเองต่อให้แข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของดวงวิญญาณมากมายขนาดนี้ได้ !!!
“โครม โครม โครม !!!! ”
ชั้นเหวนี้สั่นสะเทือนอย่างแรง ภายใต้การปกคลุมของทักษะมากมาย หลีจ่านกับดวงวิญญาณทั้งสามตัวของหลีจ่านถูกการโจมตีทำลายล้างนี้กลืนกินจนหมด !
ด้านล่างเหวระเบิดออกทันที สร้างพลังรุนแรงที่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง !!!
การโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ นอกจากว่าจะมีการป้องกันถึงขั้นเก้า มิฉะนั้น แทบไม่สามารถมีชีวิตรอดมาได้ !
เสียงระเบิดรุนแรงสะเทือนแก้วหูของถิงหลัน อีกทั้งแทบไม่สามารถได้ยินระดับเสียงอื่นได้ จิตของถิงหลันนิ่งอึ้ง กลายเป็นรูปปั้น…
ถิงหลันไม่คิดว่า หลีจ่านจะหลอกเธอแบบนี้ และผลที่หลอกเธอ กลับทำให้ผู้ชายคนนี้ต้องทนรับต่อการโจมตีของยมทูต นี่เป็นคำหลอกลวงที่โหดร้ายและน่าเจ็บใจมากเพียงใด !
“ฮะฮะฮะฮะ” หลังจากเสียงระเบิดสงบลง เหล่านักโทษหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
“เป็นคนโง่จริง ยอมแพ้ทันทีก็ได้ แบบนั้นก็คงไม่ต้องตายแล้ว !!!”
“ใช่ ฮะฮะ เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงแบบนี้มีทุกเมื่อ ตอนที่จะตัดใจก็ต้องตัดใจ วัยหนุ่มเหล่านี้คงไม่มีสมอง ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า ทำทุกวิถีทาง ! ”
มองดูศพของหลีจ่านที่กองอยู่ในหินด้านล่าง เหล่านักโทษต่างส่งเสียงหัวเราะเย้ย
หลีจ่านเป็นสมาชิกขั้นสอง ความสามารถอยู่ในลำดับที่สามของตำหนักวิญญาณ มีอนาคตที่ดี แม้แต่เหล่านักโทษก็รู้ว่า ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย ผู้เข้าแข่งขันคนนี้จะขยี้พวกเขาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย !
แต่เสียดาย ความมุ่งมั่นแบบนี้เป็นสิ่งที่ขอไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องแลกด้วยชีวิตตัวเอง
เหล่านักโทษไม่สนเรื่องจริยธรรมแล้ว ไม่รู้ว่าชีวิตของคนอื่นมีความหมายอะไรต่อพวกเขา ดังนั้น จากมุมมองของพวกเขา การสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นของหลีจ่านแบบนี้เป็นการกระทำที่ปัญญาอ่อนอย่างมาก
เสียงหัวเราะแสบแก้วหูของเหล่านักโทษพวกนั้น ทำให้ดวงตาของถิงหลันแทบจะพ่นไฟออกมา ความโกรธนี้ได้ครอบงำสติของเธอแล้ว !
“นักโทษร้ายอย่างพวกเจ้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้า !!! ” ถิงหลันตะโกนสุดเสียง
ร่ายคาถาขึ้น ในตอนนี้ถิงหลันอยากฆ่าแค่นักโทษที่ไร้ความเป็นมนุษย์เหล่านี้ แค่อยากแก้แค้นให้กับหลีจ่านที่เสียสละเพื่อตัวเอง !
นักโทษผมฟูที่อยู่กลางอากาศเห็นถิงหลันร่ายคาถาขึ้น นัยน์ตาเผยท่าทีได้ใจออกมา
เขาเป็นคนเริ่มเยาะเย้ยหลีจ่านก่อน จุดประสงค์หลักก็เพื่อกระตุ้นความโกรธของถิงหลันที่อยู่กลางอากาศ ให้เธอเสียสติจนต้องบินลงมาต่อสู้
และแล้ว ผู้หญิงคนนี้เสียสติ เธอลืมไปแล้วว่า พลังอ่อนแอของตัวเองไม่สามารถต่อต้านนักโทษมากมายขนาดนี้ได้ !
“ตะตะตะ ตะตะตะ”
ทันใดนั้น เสียงวิ่งประหลาดดังขึ้นจากกลางอากาศ !
เงาสีดำลึกลับวิ่งผ่านเหนือหัวของดวงวิญญาณเหล่านักโทษด้วยความเร็วสูง กลายเป็นเงาสีดำพิเศษ
นักโทษทั้งหมดเงยหน้าขึ้น เห็นท่ามกลางเงาสีดำสง่านี้มีหางสีขาวเส้นหนึ่งปลิวผ่าน สิ่งมีชีวิตลึกลับนี้กลับซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของเหวสูง ยากที่จะสะกดรอยได้ !
เหล่านักโทษเห็นถิงหลันที่เต็มไปด้วยความโกรธจะสู้ต่อ และแล้วเงาสีดำนี้กลับเหยียบกลางอากาศมาตรงหน้าของเธอ ห้ามการกระทำของเธอ
ถิงหลันหยุดลงทันที มองไปยังชายชุดดำที่ขี่ดวงวิญญาณสีดำทั้งตัวนี้ด้วยความอึ้ง !
สายตาของเขาเยือกเย็น แต่กลับเต็มไปด้วยพลัง นั่นเป็นความแน่นิ่งที่เกิดจากประสบการณ์นับไม่ถ้วน !
“ชู่เฉิง…” ดวงตาสีแดงคู่นั้นของถิงหลันมองไปยังชู่มู่ เธอที่ใจร้อนกลับไม่รู้ว่า ต้องพูดอะไรแล้ว
“พวกเขาไม่ได้หัวเราะเย้ยความโง่ของหลีจ่าน แต่กำลังเยาะเย้ยเจ้า ! ” เสียงของชู่มู่แหลมอย่างมาก
ถิงหลันนิ่งอึ้ง ประโยคนี้แทงเข้าไปในหัวของเธอราวกับดาบที่เย็นเยียบ ทำให้สมองของเธอเย็นลงทันที
เธอเข้าใจความหมายประโยคนี้ของชู่มู่ แต่ว่าความตายของหลีจ่านยังคงทำให้เธอหยุดน้ำตาไม่ได้
ประสบการณ์ของถิงหลันไม่มากเท่าผู้คุมดวงวิญญาณอื่น เธอเติบโตได้ด้วยการประลองทางการ ผู้คุมดวงวิญญาณแบบนี้ไม่สามารถทนต่อผลกระทบอันร้ายแรงของการประลองฟ้าดินแบบนี้ได้ !
·ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวกับพวกผู้แข็งแกร่งที่อยู่อย่างสบายจะมีความแตกต่างที่ตรงนี้ ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็จะคงความนิ่งไว้ ต่อให้ในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธมากเพียงใดก็ตาม !
“ใคร” นักโทษเล็งไปยังชู่มู่ที่ขัดขวางกลางอากาศ
“เป็นผู้เข้าแข่งขันอีกคน ครั้งนี้ฆ่าไม่ได้แล้ว ต้องจับเป็น ! ” หัวหน้านักโทษพูดอย่างจริงจัง
“วางใจได้ ผู้หญิงคนนั้นจะจับทั้งเป็นเหมือนกัน ! ” นักโทษที่มีดวงวิญญาณหมวดปีกหลายคนหัวเราะออกมา
ช่วงเวลาที่กระตุ้นให้ถิงหลันโกรธเคืองก็เพียงพอที่จะให้นักโทษที่มีดวงวิญญาณหมวดปีกเหล่านี้บินขึ้นฟ้าแล้ว ถิงหลันอย่าคิดที่จะหนีออกจากที่นี่ได้
“พวกเขา…พวกเขามาแล้ว” ในตาของถิงหลันยังเต็มไปด้วยน้ำตา สายตาจับจ้องไปยังดวงวิญญาณหมวดปีกที่บินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจัดการดวงวิญญาณหมวดปีกสามตัวได้ไหม” ชู่มู่ไม่รีบร้อน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“ได้ แต่ว่า…แต่ว่าพวกเขามีคนเยอะขนาดนั้น ชู่เฉิง เจ้ารีบหนีเถอะ อย่าเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย ข้าไม่อยากให้มีคนตายอีก…” คำพูดคมคายนั้นของชู่มู่ทำให้ถิงหลันได้สติกลับมา เธอรู้ว่า เมื่อกี้ตัวเองทำเรื่องที่โง่เขลาอย่างมาก ถ้าพุ่งลงไปในภาวะเสียสติแบบนั้น จะทำให้หลีจ่านเสียสละเพื่อตัวเองไปเปล่า ๆ
ในเมื่อชู่มู่ปรากฏตัวได้ ไม่มีทางที่จะไม่สนใจ แต่ว่าต่อให้ชู่มู่ปรากฏตัวในตอนนี้ก็ยากที่จะต่อสู้กับนักโทษมากมายขนาดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ถิงหลันรู้ความสามารถของชู่มู่เป็นอย่างดี ความสามารถของสมาชิกท้าทายข้ามขั้นย่อมไม่เท่าหลีจ่าน
แน่นอนว่า ถิงหลันเชื่อในความสามารถของชู่มู่ เขาพาเธอหนีจากการไล่ล่าของเหล่านักโทษได้ ดังนั้น หนีจากที่นี่เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
“ถ้าได้ละก็ เจ้าจัดการดวงวิญญาณหมวดปีกสามตัว” ชู่มู่พูดขึ้น
“แต่ว่า…” ถิงหลันคิดจะพูดรั้งชู่มู่
“ทำตามที่ข้าบอกก็พอแล้ว” ชู่มู่ไม่พูดอะไรกับถิงหลันอีก ขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรีเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
ถิงหลันมองไปยังชู่มู่อย่างสติหลุดลอย สิ่งที่เธอเห็นจากสายตาของชู่มู่ไม่ใช่การหนี แต่เป็นอารมณ์ที่เยือกเย็นอย่างหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่ถิงหลันสงสัยมาตลอดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ นี่เป็นพลังที่เกิดจากการต่อสู้และความอาฆาต !!!
·และแล้ว เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว นัยน์ตาของชายคนนี้กลับรุนแรงกว่าตอนที่สู้กับหลั่วผงหลายเท่า สายตาแบบนี้ทำให้คนอื่นไม่กล้าสบตากับเขา นี่ไม่รู้ว่า เป็นพลังฆ่าล้างที่เกิดจากการฆ่าล้างมากี่ครั้ง !
·ถิงหลันรู้สึกว่า เหมือนชู่มู่ได้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง เขากำลังใช้สายตาที่เหมือนยมทูตมองดูคนตายไปยังนักโทษเหล่านี้ !!!
“ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่า ตัวเองได้กลายเป็นอสูร ข้าจะใช้วิธีที่ปฏิบัติกับสัตว์มาใช้กับพวกเจ้า ! ” ชู่มู่เต็มไปด้วยความอาฆาต เสียงเยือกเย็นดังเข้าหูของนักโทษแต่ละคน !
นองเลือด ดุร้าย ฆ่าล้าง ในตอนที่ระหว่างจิตของคน ๆ หนึ่งกำลังเติบโต กลับต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้ทุกวัน ในตอนที่เขาเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว นิสัยแท้จริงแบบนี้จะถูกซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกของเขา !
ชู่มู่กำลังพยายามควบคุมนิสัยนองเลือดที่ทำให้ตัวเองเติบโต เขาไม่อยากกลายเป็นเครื่องมือฆ่าคนที่ไร้ความรู้สึก ยิ่งไม่อยากให้ปีศาจในใจของตัวเองเติบโตไปตามความดุร้ายนี้ แล้วกลืนกินความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
และแล้ว การพยามยามควบคุมไม่ได้แปลว่า ชู่มู่จะลืมนิสัยนี้ไปได้ !
ทันทีที่เขารู้สึกว่าไม่จำต้องเมตตาปรานี ตอนที่ควรจะฆ่าล้าง เขาจะไม่ควบคุม เพราะต่อให้ตัวเองเต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบ นั่นก็ยังเป็นตัวเขาเอง !
“อู อู อู อู อู !!! ”
สัมผัสได้ถึงความอาฆาตในใจของชู่มู่ มั่วเย้ที่อยู่ในช่องว่างดวงวิญญาณส่งเสียงขึ้นทันที !
“เย้ กลับมาเถอะ ! ” ชู่มู่ร่ายคาถาขึ้น เก็บอสูรสายฟ้านิมิตราตรีกลับเข้าช่องว่างดวงวิญญาณ !
หลังจากเก็บอสูรสายฟ้านิมิตราตรี ไฟปีศาจเก้าวิญญาณลุกโชนขึ้นบนตัวชู่มู่อย่างช้า ๆ ไฟปีศาจพิเศษแบบนี้ทำให้ชู่มู่ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับปีศาจคลั่ง จับจ้องไปยังนักโทษอย่างเยือกเย็น !
ร่ายคาถาขึ้น เลือดอัคคีทั้งเก้ากับไฟปีศาจอัคคีร้ายลุกโชนขึ้นข้างชู่มู่อย่างช้า ๆ !
“อู อู อู อู !!! ”
เหมือนจะไม่ได้ฆ่าล้างสะใจแบบนี้มานานแล้ว ตอนที่ลำตัวของมั่วเย้ปรากฏท่ามกลางเปลวไฟทั้งเก้าอย่างช้า ๆ กลิ่นปีศาจของจิ้งจอกอัคคีเก้าหางนั้นพัดพาราวกับพายุ !!!
หลังจากที่มั่วเย้ผ่านการต่อสู้ในด่านที่เจ็ดได้เพิ่มขึ้นจนอยู่ในลักษณะเก้าขั้นสามแล้ว แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างแผ่วเบานั้น ทำให้ขนสีเงินและเปลวไฟของมั่วเย้ปกคลุมด้วยแสงจันทร์ !
ผลของแสงจันทร์ทำให้ความสามารถของมั่วเย้เพิ่มขึ้นอีกขั้น อยู่ในลักษณะเก้าขั้นหก !!!
หางเก้าเส้นกางออกกลางอากาศ สยายเป็นเงาสีเงินใต้ราตรีสีดำอันทรงพลัง !
สี่เท้าของมั่วเย้ที่มีลุกโชนด้วยมงกุฎเพลิงหยุดกลางอากาศ ดวงตาคู่นั้นของมันสะท้อนอารมณ์เช่นเดียวกับชู่มู่ จับจ้องไปยังศัตรูทั้งหมด ราวกับราชันเก้าหางที่อยู่เหนือทุกอย่าง !
“เป็นจิ้งจอกอัคคีเก้าหางจักรพรรดิขั้นสูง ลักษณะเก้าขั้นกลางตัวหนึ่ง !!!” เหล่านักโทษต่างเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา ดวงตาเหล่านั้นถูกเปลวไฟของมั่วเย้สะท้อนจนเป็นสีแดง
“ยังไม่ถึงลักษณะสิบ ไม่มีอะไรต้องกลัว ดวงวิญญาณของข้าจัดการได้ !!! ” หัวหน้านักโทษผมฟูพูดอย่างสบแต่ประหม่า
“แต่ว่ามันยังมีเลือดอัคคีกับไฟปีศาจอัคคีร้าย มีหมวดรองเป็นมงกุฎเพลิง พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งขั้น นี่เป็นจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะเก้าตัวหนึ่ง ! ” ความสามารถในการประเมินของนักโทษวัยผู้ใหญ่เหล่านี้แข็งแกร่งอย่างมาก ได้ประเมินความสามารถของมั่วเย้ออกมาได้ทันที !
“วัยหนุ่มในด่านที่แปดนี้เต็มไปด้วยคนประหลาด แม้แต่ดวงวิญญาณในระดับนี้ก็ยังมี ! ” นักโทษเหล่านี้ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ