Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 522
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 522
ตว้านซิงเจ๋อเห็นท่าทีไม่ดีเลยคิดที่จะหนีไป !
เขาไม่กล้าเก็บพันแม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เก็บพันแม่ ตว้านซิงเจ๋อเองจะตกเป็นเป้าหมาย จะถูกดวงวิญญาณทั้งหมดโจมตีโดยตรง
ลำตัวที่เหมือนก้อนเนื้อของพันแม่นั้นเริ่มเคลื่อนไหว พ่นหมอกพิษสีฟ้าอ่อนออกจากปากลึกลับ หมอกนี้ปิดบังสายตาของคนทั้งหมดในเสี้ยววินาที
ตอนที่ปล่อยหมอกพิษออกมา ก้อนเนื้อบนตัวพันแม่หลุดออกมาอีกก้อน ก้อนนี้กลายเป็นปีศาจแมลงตะกละผู้นำชั้นยอดอย่างรวดเร็ว
พันแม่ต้องใช้พลังงานถึงจะสร้างปีศาจแมลงตะกละออกมาได้ ปีศาจแมลงตะกละผู้นำชั้นยอดนี้นับว่าเป็นการกลายร่างของพลังสุดท้ายแล้ว!
ตว้านซิงเจ๋อกระโดดขึ้นหลังของปีศาจแมลงตะกละตัวนี้ เผยท่าทีไม่แยแสออกมาบนใบหน้า
มีคนจำนวนมากที่คิดจะฆ่าตว้านซิงเจ๋อ แต่สุดท้ายยังคงปล่อยให้เขาหนีไปอย่างง่ายดายอยู่ดีอย่างนั้นหรือ
ฆ่าจอมตะกละของเขาได้แล้วจะทำอะไรได้ แค่หนีครั้งนี้ไปได้ อีกไม่นาน ตว้านซิงเจ๋อจะสร้างปีศาจแมลงตะกละฝูงใหญ่ออกมาได้อีก ถึงตอนนั้นคนพวกนี้ก็ต้องตายลงอยู่ดี !
“ซัวะ !!! ”
ทันใดนั้น เงาสีดำอันหนึ่งพุ่งออกมา กริดกระดูกขาหน้าตวัดลงบนตัวปีศาจแมลงตะกละของตว้านซิงเจ๋อ !!!
ใบหน้าของตว้านซิงเจ๋อซีดขาวทันที คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า จะมีดวงวิญญาณปรากฏขึ้น !
สิ่งที่โจมตีปีศาจแมลงตะกละของตว้านซิงเจ๋อคือ อสูรนกสวนสงครามของเย้ชิงจือ !
ก่อนหน้านี้อสูรนกสวนสงครามได้อาศัยความสามารถอำพรางตัวเข้าใกล้ตว้านซิงเจ๋อแล้ว ในตอนที่ตว้านซิงเจ๋อคิดจะหนีไปจึงได้ลงมือโจมตี
ต่อให้ตว้านซิงเจ๋อรับรู้ถึงการมีอยู่ของอสูรนกสวนสงคราม ก็ยากที่จะทำการป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม เขาแทบไม่สามารถปล่อยทักษะวิญญาณออกมาได้
ชู่มู่มองไปยังเย้ชิงจือ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
นัยน์ตาของเย้ชิงจือส่องประกายงดงามเล็กน้อย ในตอนที่ชู่มู่สู้กับจอมตะกละ เย้ชิงจือที่มั่นใจในตัวชู่มู่อย่างมากได้สั่งให้อสูรนกสวนสงครามแฝงตัวข้างตว้านซิงเจ๋อแล้ว !
“จันทร์ สลายหมอกพิษ ! ” เย้ชิงจือออกคำสั่งไปยังวารีจันทรา
วารีจันทราแทบไม่ต้องร่ายคาถา ประกายแสงจันทร์สาดส่องลงจากฟากฟ้า ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด กลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับน้ำไหล
หมอกพิษสลายอย่างรวดเร็ว ดวงวิญญาณทั้งสามตัวของชู่มู่เล็งไปยังตว้านซิงเจ๋อทันที ต่างออกโจมตีไปยังตว้านซิงเจ๋อ !
ดวงวิญญาณของซ่างเหิงกับถิงหลันล้อมอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ตว้านซิงเจ๋อก็ไร้ทางหนี ใบหน้านั้นเริ่มเผยความหวาดกลัวออกมา
“ปล่อย…ปล่อยข้าเถอะ หากไม่ฆ่าข้า อย่าว่าแต่พันล้านเลย ต่อให้เป็นหมื่นล้านข้าก็ให้เจ้าได้” ตว้านซิงเจ๋อรีบกระโดดลงจากดวงวิญญาณของตัวเอง ทำท่าทีอ้อนวอน
ก่อนหน้านี้เจ้านี่ยังทำท่าทีเย่อหยิ่ง ใช้ท่าทีสบประหม่าต่อสู้กับคนทั้งหมดนี้ ตอนนี้เขากลับกลายเป็นขอทานที่หวาดกลัวคนหนึ่ง บางทีตว้านซิงเจ๋อเองก็ไม่คิดว่า ตัวเองจะแพ้ให้กับวัยหนุ่มคนหนึ่ง
“เชื่อข้า เชื่อข้า !!! ก่อนที่จะเข้าคุก ข้าซ่อนสมบัติที่ข้าขโมยมากับตว้านซิงเหอไว้ ฝังไว้ในโลกฟ้า มอบให้กับคนที่ชื่อเจิ้นหมั่นดูแล ของในนั้นมีค่าเท่ากับเมืองหนึ่ง เป็นชุดวิญญาณและวัตถุวิญญาณที่ล้ำค่ามาก” ตว้านซิงเจ๋อพูดอย่างรวดเร็ว กลัวว่า ชู่มู่จะฆ่าเขาในตอนที่กำลังพูดอยู่
“ชู่มู่ พี่น้องตว้านซิงเหอนี้เคยใช้ปีศาจแมลงตะกละปล้อนสมบัติมาจริง และเป็นเพราะเหตุนี้ถึงถูกตำหนักวิญญาณพวกเราไล่ล่า”ซ่างเหิงพูดกับชู่มู่เสียงเบา
ชู่มู่จับจ้องไปยังตว้านซิงเจ๋ออย่างเยือกเย็น กลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “พันล้านนี้ก็พอแล้ว”
ทุกคนที่กำลังจะตายจะใช้วิธีที่บอกว่าตัวเองยังมีประโยชน์ เพื่อร้องขอชีวิต แต่คนที่ชู่มู่คิดว่าต้องตาย ต่อให้สิ่งที่เขาพูดจะเป็นจริงหรือเท็จ ชู่มู่จะไม่ใจอ่อนแน่นอน อย่างไรก็ตาม มีเพียงให้ฝ่ายตรงข้ามตาย ถึงจะไม่เป็นภัยให้ตัวเองในวันข้างหน้า
ดังนั้น ชู่มู่ยังคงออกคำสั่งฆ่าตว้านซิงเจ๋อ ต่อให้เขามีสมบัติที่ซ่อนไว้มากถึงแสนล้าน ชู่มู่ก็ไม่ลังเล
“ซัวะ !!! ”
กรงเล็บของจั้นเย้ฉีกจากด้านหลังของตว้านซิงเจ๋อ กระดูกสันหลังของตว้านซิงเจ๋อถูกจั้นเย้กระชากออก ร่างกายขาดเป็นสองท่อน ล้มลงในกองเลือดพร้อมกับปีศาจแมลงตะกละของเขา
เพื่อแน่ใจว่าเจ้านี่ตายแล้วจริง ๆ ชู่มู่ให้จั้นเย้ตัดหัวของเขาออกมาทั้งเป็น
หลายคนที่ถูกตัดร่างออกอาจไม่ตาย ชู่มู่ไม่อยากให้ตว้านซิงเจ๋อมีชีวิตฟื้นขึ้นมาเพราะความประมาทของตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากปีศาจแมลงตะกละของตว้านซิงเจ๋อนี้ก่อร่างขึ้นมาจริง จะสร้างอันตรายให้ชู่มู่อย่างมาก
แหวนนักโทษขั้นเก้าไหลออกจากนิ้วของตว้านซิงเจ๋อ ชู่มู่เก็บมันขึ้นมา ฉีกยิ้มออกมา ได้เงินพันล้านมาอีกแล้ว ตอนนี้ตัวเขามีทั้งหมดสามพันห้าร้อยล้าน นับว่าได้ครึ่งหนึ่งของเป้าหมายแล้ว !
ตว้านซิงเจ๋อตายลง พันแม่สูญเสียความมุ่งมั่นในการต่อสู้ทันที
ในไม่ช้า สิ่งมีชีวิตน่าขยะแขยงถูกดวงวิญญาณของคนทั้งหมดล้อมโจมตี สุดท้ายได้ตายลงท่ามกลางเปลวไฟร้อนระอุนี้ กลายเป็นเถ้าถ่าน
“นักโทษขั้นเก้า นี่น่าจะเป็นเจ้าคนที่มีระดับความยากสูงสุดในด่านที่แปดนี้แล้ว ฮะฮะ ถูกพวกเราฆ่าตายจนได้ ! ” ซ่างเหิงพูดอย่างสบายใจ
ตอนที่ตว้านซิงเจ๋อปรากฏตัวขึ้น ซ่างเหิงยังคิดว่าตครั้งนี้จะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง กลับไม่คิดว่าชู่มู่จะเผยความสามารถที่น่าตกใจแบบนี้ออกมา ฆ่าตว้านซิงเจ๋อที่เป็นเกียรติสูงสุดนี้ตายลง !
หลังจากฆ่าพันแม่แล้ว ถิงหลันเองก็สบายใจไม่น้อย เธอเกลียดตว้านซิงเจ๋อและดวงวิญญาณของเขาอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ถูกตว้านซิงเจ๋อจับจ้อง ทุกครั้งที่ถูกมอง ถิงหลันจะรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
แน่นอนว่า หลังจากผ่านการต่อสู้สองครั้ง ถิงหลันเกิดความสะเทือนใจไม่น้อย เป็นเพราะชู่มู่นั่นเอง
“ชิงจือ เขายังซ่อนความลับไว้มากเท่าไรเหรอ” ถิงหลันถามเสียงเบา
ถิงหลันก็รู้ว่าชู่มู่ไม่ชอบพูด ถ้าถามเขาโดยตรง คาดว่าชู่มู่ก็แค่ยิ้มแล้วไม่พูดอะไร
“ข้าก็ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่รู้ว่าเขามักจะทำอะไรที่ไม่ปกติ ดวงวิญญาณของเขาก็ไม่มีตัวใดที่ปกติเหมือนกัน” เย้ชิงจือมยิ้มเล็กน้อย
จิ้งจอกเก้าหางอัคคีร้ายมงกุฎเพลิงที่มีทักษะหลายกลุ่ม มั่วเย้ที่เพิ่มความสามรถขั้นหนึ่งได้แล้วยังมีการแตกหักงอกใหม่หกครั้ง รวมถึงมารนิรยขาวจักรพรรดิที่แข็งแกร่งยิ่ง ดวงวิญญาณหลักทั้งสามตัวของชู่มู่นี้ผิดปกติอย่างมาก เย้ชิงจือใช้คำว่าไปกติในการบรรยายนับว่าดีแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเขาสู้กับคนที่อยู่ในอันดับที่หนึ่งของอำนาจต่าง ๆ ได้แล้ว ทำไมข้ารู้สึกว่าเขายังไม่ได้เผยความสามารถทั้งหมดออกมา” ถิงหลันถามต่อ
ถิงหลันรู้จักชู่มู่มาหนึ่งปีแล้ว แม้จะคุยกันไม่กี่ครั้ง แต่เธอเห็นความสามารถของชู่มู่ที่เพิ่มขึ้นตลอด
หนึ่งปีนี้ ความสามารถของชู่มู่เพิ่มขึ้นเร็วจนน่ากลัวอย่างมากแล้ว แต่ที่คาดไม่ถึงคือ ดวงวิญญาณที่ถิงหลันเห็นก่อนหน้านี้ กลับไม่ใช่ดวงวิญญาณหลักของเขา ต่อให้ด่านแรก ๆ ของการประลองฟ้าดิน เขาก็ไม่เคยอัญเชิญออกมา จนถึงด่านท้ายนี้เขาถึงเผยท่าทีแท้จริงออกมา
ผู้แข็งแกร่งซ่อนตัวที่ว่า จากมุมมองของถิงหลัน ชู่มู่เป็นคนที่ซ่อนได้มิดชิดมากที่สุด คาดว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งอำนาจต่างๆไม่คิดว่าชู่มู่ที่ไม่อยู่ในรายชื่อบุคคลอันตรายของพวกเขา ในภาวะที่เผยความสามารถออกมาก่อนหน้านี้ กลับได้ซ่อนความสามารถเอาไว้ด้วย!
เย้ชิงจือส่ายหัวเบา ๆ ความจริงเย้ชิงจือก็ไม่รู้ว่าความสามารถของชู่มู่อยู่ในระดับใดแล้ว เพราะตั้งแต่การประลองฟ้าดิน เธอยังไม่เห็นดวงวิญญาณหลักทั้งสามตัวของชู่มู่ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา
“อู อู อู อู”
ทันใดนั้น มั่วเย้ส่งเสียงร้องขึ้น เหมือนกำลังจะบอกบางอย่างให้ชู่มู่
ชู่มู่เก็บแหวนที่ตว้านซิงเจ๋อเหลือไว้ จับจ้องไปยังทิศทางที่มั่วเย้บอกกับตัวเอง
ในไม่ช้า ดวงวิญญาณหมวดปีกตัวหนึ่งปรากฏในสายตาของชู่มู่
ดวงวิญญาณที่บินมาคือเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงที่มีขนสีทองเหลือง ด้วยการสาดส่องของแสงอาทิตย์ ตอนที่เหยี่ยวตัวนี้กางปีกออก ยิ่งเต็มไปด้วยพลัง
ผู้คุมดวงวิญญาณหลายคนมีความชื่นชอบต่อเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรูปร่างภายนอกสูงส่งสง่างามนั้น อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงมีความสามารถที่จะบินเหินฟ้าได้อย่างที่ผู้คุมดวงวิญญาณทั้งหมดหวังไว้
และแล้ว ชู่มู่กลับไม่ชอบเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงเท่าไร สาเหตุหลักเป็นเพราะเซี่ยกว่างหานเองมีเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงตัวหนึ่ง
ในตอนที่อยู่ในบ้านแห่งภูตวิญญาณ เซี่ยกว่างหายได้ขี่เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงหนีไป ชู่มู่เป็นคนปกติคนหนึ่ง ถ้ามีคนที่เกลียดอย่างมาก จะเกลียดดวงวิญญาณของเขาคนนั้นไปด้วย
“ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองมาแล้ว พอดีพวกเราอยู่ในด่านที่แปดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์เท่าไร ไปก่อนแล้ว” ซ่างเหิงมองขึ้นไป แล้วพูดขึ้น
ถิงหลันตกใจไม่น้อย ต้องการรักษาตัวพอดี ดังนั้น เธอไม่คิดที่จะสู้ต่อไป คิดจะออกจากการประลองฟ้าดินนี้พร้อมกับผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลอง
“อูอูอู อูอูอู”
ทันใดนั้น เสียงของมั่วเย้แหลมขึ้น !
ดวงตาของมันจับจ้องไปยังเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงและชายเกราะสีทองที่ขี่เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงตัวนั้น แยกเขี้ยวออก เผยท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างที่สุด !
“มั่วเย้ ทำไมเหรอ” ชู่มู่ถามอย่างไม่เข้าใจ
“อู อู อู อู !!!” มั่วเย้รีบบอกกลิ่นที่ตัวเองรับรู้ให้กับชู่มู่รู้
กลิ่นนี้มั่วเย้ไม่มีวันลืมลงได้ นี่เป็นเจ้าคนที่บังคับให้มันเลิกสัญญาวิญญาณกับชู่มู่ในตอนนั้น !
สีหน้าของชู่มู่เปลี่ยนไปทันที ไม่คิดว่าคนนี้จะปรากฏตัวด้วยตำแหน่งของผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลอง !
เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงที่เขาขี่ตัวนี้เป็นจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบ ชู่มู่ก็รู้ว่า ดวงวิญญาณที่เขาอัญเชิญตอนต่อสู้ยังไม่นับว่าเป็นดวงวิญญาณรองด้วยซ้ำ อีกทั้งเซี่ยกว่างหานผ่านเวลาที่ได้รับบาดเจ็บนานแล้ว เวลานานขนาดนี้ ความสามารถของชู่มู่ที่เพิ่มขึ้น ความสามารถของเขาไม่มีทางที่จะไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ในตอนที่ยังไม่รู้ความสามารถของเขาแล้วสู้กับเขาเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดคือ เขากลับกล้าปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสี่คนนี้ เท่ากับว่าเขาไม่หวาดกลัวอะไรทั้งนั้น !
“มั่วเย้ ใจเย็น ! ” ชู่มู่พูดกับมั่วเย้ ให้มั่วเย้ซ่อนอารมณ์ไว้ก่อน
ดวงวิญญาณกลุ่มจิ้งจอกมีความสามารถด้านการสะกดรอยตามกลิ่น โดยเฉพาะจะจำกลิ่นไอได้ มั่วเย้จำกลิ่นของเซี่ยกว่างหานได้ตั้งนานแล้ว ต่อให้เขาซ่อนกลิ่นอย่างไร แค่เขาเข้าใกล้ จะรับรู้ได้ทันที !