Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 523
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 523
เซี่ยกว่างหานขี่เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงเข้าใกล้ช้า ๆ ใบหน้าของเขาถูกเกราะสีทองปิดเอาไว้
เมื่อกี้มีคนเปิดขวดยา เซี่ยกว่างหานอาศัยโอกาสนี้เข้าใกล้พวกชู่มู่ได้พอดี รอให้ตอนที่ชู่มู่ไม่ทำการป้องกันใด ๆ แล้วจึงโจมตี จับชู่มู่เอาไว้
แต่ว่าเซี่ยกว่างหานไม่คิดว่ามั่วเย้ของชู่มู่จะจำกลิ่นของเขาได้ในตอนที่สู้ในบ้านแห่งภูตวิญญาณ ตอนนี้เขาเข้าใกล้ชู่มู่ เท่ากับได้เผยตัวตนโดยตรง
ชู่มู่จับจ้องไปยังชายที่สวมชุดเกราะสีทองคนนี้ เมื่อก่อน ชู่มู่รู้สึกว่าตัวเองเล็กเหมือนมดเมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้ แค่เขายกเท้าขึ้น ก็เหยียบชู่มู่ให้ตายได้แล้ว
ในตอนนั้น ชู่มู่อายุแค่สิบห้าปี ในวัยเท่านั้น ความสามารถของเซี่ยกว่างหายทำให้ชู่มู่หวาดกลัวอย่างมาก ไม่กล้าปีนป่าย
แต่ผ่านไปหลายปีแล้ว เซี่ยกว่างหานปรากฏตรงหน้าตัวเองอีกครั้ง ความสามารถของชู่มู่กับเขาไม่ห่างกันมากขนาดนั้นอีกแล้ว อีกทั้งชู่มู่ที่คิดว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจเห็นเขาปรากฏตัวอีกครั้ง กลับไม่รู้สึกเหมือนมีอันตรายที่เข้าใกล้ แต่เป็นความบ้าคลั่งที่คิดจะเหยียบเจ้าคนที่ยากจะก้าวข้ามผ่านนี้ไว้ใต้เท้าอย่างแรง !
“อู อู อู อู”
มั่วเย้มีความแค้นต่อเซี่ยกว่างหานระดับหนึ่ง ต่อให้ชู่มู่ให้มันคงความนิ่งไว้ แต่ดวงตาของมั่วเย้ยังคงเผยท่าทีอาฆาตยากจะปิดเอาไว้ออกมา !
มั่วเย้อยู่กับชู่มู่เป็นเวลานานที่สุด ผูกพันมากที่สุด ในตอนนั้นเซี่ยกว่างหานเกือบทำให้มันตัดขาดจากชู่มู่ ความเจ็บปวดจากสัญญาวิญญาณที่ขาดออกจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย ชู่มู่รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัวในขณะเดียวกัน วิญญาณของมั่วเย้ก็จะสั่นด้วยสัญญาวิญญาณที่ขาดออกจากกัน
ประสบการณ์ครั้งนั้น ความสามารถของมั่วเย้อ่อนแอ ทำได้แค่ปล่อยให้มือฉมังคนนี้ทำตามใจ ตอนนี้ ความสามารุของมั่วเย้เพิ่มขึ้นเยอะมาก อยู่ในลักษณะเก้าแล้ว มันอยากจะพุ่งเข้าไปทันทีทันใด ฉีกเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงตัวนั้นให้เป็นเศษ แล้วกัดเนื้อของเซี่ยกว่างหานออกทีละก้อน !
“พวกเจ้าฆ่าคนนี้เหรอ” เซี่ยกว่างหานจงใจกดเสียงให้ทุ้มต่ำ แล้วใช้นิ้วชี้ไปยังหัวของตว้านซิงเจ๋อที่อยู่ใต้เท้า
เซี่ยกว่างหานจำหัวนี้ได้ นี่เป็นนักโทษขั้นเก้า ตว้านซิงเจ๋อที่ถูกฝ่ายจัดการประลองตั้งไว้เป็นเกียรติสูงสุด ต่อให้ความสามารถของตว้านซิงเจ๋อถูกจำกัดเอาไว้แล้ว แต่สำหรับผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่แล้วยังยากที่จะรับมือได้ เซี่ยกว่างหานแปลกใจที่สี่คนนี้ฆ่าเขาได้อย่างไร !
“ใช่ ถูกชู่เฉิงตำหนักวิญญาณของพวกข้าฆ่าตาย ความจริงพวกข้าแทบไม่ได้ออกแรงอะไร” ซ่างเหิงมีท่าทีจะชื่นชมชู่มู่
“อ้อ ใช้ได้ทีเดียว” เซี่ยกว่างหานเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ข่าวที่เซี่ยกว่างหานได้มาก่อนหน้านี้ว่า ความสามารถของชู่มู่ยากที่จะอยู่ในสิบอันดับแรกของอำนาจใหญ่ได้ เซี่ยกว่างหานเองไม่สามารถเข้าร่วมการประลองได้ แต่ชู่มู่ก็ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักวิญญาณมาตลอด เซี่ยกว่างหานจึงให้จั่วเถิงมาจัดการชู่มู่แทน
ที่ทำให้เข้าแปลกใจคือ ชู่มู่กลับมีความสามารถที่จะจัดการนักโทษขั้นเก้าตว้านซิงเจ๋อได้ ถ้าอย่างนั้น เขาได้ซ่อนความสามารถไว้แน่นอน
ทว่า เซี่ยกว่างหานแปลกใจก็จริง เขากลับไม่กังวลอะไร ตว้านซิงเจ๋อที่ถูกควบคุมความสามารถกับเซี่ยกว่างหานในตอนนี้แทบไม่อยู่ในระดับเดียวกัน แค่ให้เซี่ยกว่างหานมีโอกาสได้ลงมือ ชู่มู่ก็ต้องตายอยู่ดี !
ชู่มู่ไม่พูดอะไร แค่ยืนอยู่ข้างเย้ชิงจือ กำลังคิดวิธีรับมืออย่างใจเย็น
ก่อการต่อสู้ทันทีไม่ได้แน่นอน ด้วยความสามารถของเซี่ยกว่างหาน ต่อให้ตัวเขาเอาชนะเขาได้ ดวงวิญญาณจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน แค่ให้ดวงวิญญาณตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ชู่มู่ก็ยากที่จะฝ่าด่านต่อไปได้แล้ว
เย้ชิงจือที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของชู่มู่ ต่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้จะเล็กน้อยมากเพียงใดก็ตาม
เธอมองไปยังผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองที่สวมชุดเกราะสีทองนี้ แล้วมองไปยังชู่มู่ พบว่าชู่มู่กับเจ้านี่มักเว้นระยะห่างเอาไว้ ระยะห่างนี้คือระยะในการต่อสู้พอดี !
เย้ชิงจือไม่เข้าใจ ทำไมชู่มู่ถึงหวาดระแวงต่อผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองคนหนึ่งแบบนี้ ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองส่วนใหญ่คัดจากอำนาจต่าง ๆ คนเหล่านี้จำต้องปฎิบัติตามกฎของฝ่ายจัดการประลองอย่างเคร่งครัด หน้าที่ของผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองในครั้งนี้คือคอยปกป้องผู้เข้าแข่งขัน ห้ามไม่ให้นักโทษทำร้ายผู้เข้าแข่งขัน น่าจะไม่มีเหตุที่จะต้องให้พวกเขาหวาดระแวงแบบนี้
“ชู่มู่ ทำไมเหรอ” เย้ชิงจือใช้ร่ายวิญญาณถามชู่มู่
“เขาคือศัตรูที่ข้าเคยบอก” ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณบอกกับเย้ชิงจือ
เย้ชิงจือเผยสีหน้าตกใจออกมาทันที เขาไม่คิดว่า ศัตรูฉกาจของชู่มู่จะปรากฏตัวด้วยผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลอง ถ้าอย่างนั้น ศัตรูของชู่มู่ไม่ใช่สมาชิกรุ่นวัยหนุ่ม !
เย้ชิงจือไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่ เธอปิดบังไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้เซี่ยกว่างหานสังเกตเห็น
ในเมื่อยังไม่จุดชนวนการต่อสู้ เท่ากับว่าฝ่ายตรงข้ามยังมีความหวาดหวั่นอยู่ ยังไม่กล้าโจมตีในทันที่
เพื่อความปลอดภัย เย้ขิงจือได้ออกคำสั่งต่อดวงวิญญาณของตัวเองอย่างลับๆ ให้พวกมันเล็งไปยังเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงของเซี่ยกว่างหาน ทันทีที่เกิดบางอย่างขึ้น ดวงวิญญาณของเธอจะโจมตีไปยังเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงทันที
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ควรทำอะไร ต่อสู้เหรอ” เย้ชิงจือใช้ร่ายวิญญาณถามชู่มู่
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถิงหลันกับซ่างเหิงอยู่ที่นี่ เขาอาจยังไม่กล้าลงมือ” ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณตอบ
เซี่ยกว่างหานเป็นผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลอง นอกจากว่าเขาจะฆ่าชู่มู่ทั้งสี่คนในครั้งเดียวได้ มิฉะนั้น หลังจากเรื่องนี้เขาจะถูกฝ่ายจัดการประลองลงโทษ
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นชู่มู่หรือถิงหลัน ทั้งสองคนมีตำแหน่งที่สูงมากในตำหนักวิญญาณ ถ้าเซี่ยกว่างหานมีโอกาสสำเร็จไม่สูงมากนัก จะไม่ลงมือแน่นอน
“ผู้เฝ้าท่านนี้ ส่งพวกข้าลงเถอะ พวกข้าต้องการจะออกจากการแข่งขัน” ถิงหลันบอก
เซี่ยกว่างหานพยักหน้า พูดกับถิงหลันกับซ่างเหิงว่า “เก็บดวงวิญญาณของพวกเจ้า ขึ้นมาบนเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงของข้าเถอะ”
ถิงหลันกับซ่างเหิงไม่มีท่าทีจะสู้ต่อไปแล้ว สำหรับพวกเขา ด่านที่แปดนี้เป็นขีดจำกัดแล้ว ถ้าฝืนต่อไป อาจถูกนักโทษทำร้ายได้
“อย่าเก็บดวงวิญญาณ ! ” และแล้ว ในตอนที่ทั้งสองคนจะเก็บดวงวิญญาณ ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับพวกเขาทันที
ถ้าให้ถิงหลันกับซ่างเหิงเก็บดวงวิญญาณ แล้วนั่งบนเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงของเซี่ยกว่างหานละก็ เขาจะฆ่าพวกเขาทั้งสองคนได้ทันที เซี่ยกว่างหานเป็นคนที่โหดร้ายคนหนึ่ง ถ้ากำจัดพวกเขาทั้งสองคนในคราวเดียวได้ เขาจะลงมือแน่นอน
ถิงหลันอึ้งเล็กน้อย ใช้ร่ายวิญญาณถามชู่มู่ทันทีว่า “ทำไมเหรอ ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองปรากฏตัวแล้ว พวกเราปลอดภัยมาก”
“พวกเจ้าทั้งสองคนฟังให้ดี อย่าเผยสีหน้าตกใจออกมา “ชู่มู่ทำท่าทีเหมือนกำลังคุยกับเย้ชิงจือ แต่ความจริงกลับใช้ร่ายวิญญาณพูดกับถิงหลันและซ่าเหิงว่า “ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองคนนี้เป็นศัตรูของข้า เขาจะใช้วิธีที่โหดร้ายทารุณ คิดจะฆ่าข้ามาตลอด ถ้าพวกเจ้าเก็บดวงวิญญาณ เขาจะลงมือกับพวกเจ้าทันที ฆ่าพวกเจ้าทั้งสองให้ตาย แล้วอัญเชิญดวงวิญญาณอื่นมาจัดการข้า!”
ต่อให้ชู่มู่บอกถิงหลันกับซ่างเหิงอย่าเผยสีหน้าตกใจออกมา แต่ตอนที่รู้ว่าผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองคิดจะฆ่าพวกเขา นัยน์ตาของพวกเขายังคงเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย…
เซี่ยกว่างหานเป็นคนที่ช่างสังเกตอย่างมาก เขาคอยมองดูสีหน้าของชู่มู่กับคนเหล่านี้มาตลอด ในไม่ช้า เขาพบว่าบรรยากาศเริ่มไม่ปกติแล้ว
“หรือว่าเขาสังเกตเห็นข้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ ข้าได้ซ่อนกลิ่นไอทั้งหมดของข้าแล้ว เขาแทบไม่เห็นใบหน้าของข้า” เซี่ยกว่างหานแอบคิดในใจ
ถ้าถูกชู่มู่พบเห็น เซี่ยกว่างหานต้องลงมือทันที ต่อให้จะถูกลงโทษก็ห้ามพลาดโอกาสที่จะได้ดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องครั้งนี้ไป !
ในขณะที่เซี่ยกว่างหานกำลังสังเกตสายตาและสีหน้าของคนอื่น ชู่มู่ก็สังเกตเขามาตลอด ในไม่ข้า ชู่มู่พบว่านัยน์ตาของเซี่ยกว่างหานเริ่มเผยท่าทีพร้อมจะระเบิดออกมาแล้ว !
“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู”
ทันใดนั้น ลมพัดอย่างบ้าคลั่งมาจากกลางฟ้าลงมา ก่อเป็นความกดอากาศที่พัดพาเสื้อและผมของผู้คนเหล่านี้
เงากลางอากาศขยายมากขึ้นอย่างช้า ๆ ตอนที่เซี่ยกว่างหานกับชู่มู่กำลังเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีไม่ดี ดวงวิญญาณหมวดปีกตัวหนึ่งพุ่งลงจากฟ้าลงมา จอดลงต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย
บนดวงวิญญาณหมวดปีก ชายที่สวมชุดเกราะสีทองคนหนึ่งกระโดดลงจากดวงวิญญาณหมวดปีกตัวนี้
ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองคนนี้ไม่ได้ปิดหน้าเหมือนเซี่ยกว่างหาน แต่หลังจากที่เห็นพวกชู่มู่ ได้เปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่สง่านั้น
“พวกเจ้าอยู่นี่ ข้าหาตั้งนาน ข้าได้ยินเพื่อนร่วมกลุ่มขอกว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่กำลังเจอกับนักโทษฝูงใหญ่ แล้วให้ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองมา”ชายคนนี้ฉีกยิ้มพูดกับทั้งสี่คน
หลังจากพูดจบ ชายคนนี้มองไปยังเพื่อนร่วมทางที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มเล็กน้อยเพื่อทักทาย
“พี่หลีเหิง ! ” ถิงหลันเห็นชายคนนี้ปรากฏตัว ฉีกยิ้มออกมาทันที
ชู่มู่เห็นหลีเหิงปรากฏตัวขึ้น สบายใจขึ้นมาบ้าง
ต่อให้ตอนนี้ชู่มู่อยากจะฆ่าล้างกับหลีเหิงมาก แต่ชู่มู่ยังคงรอหาโอกาสหลังจากจบการประลองฟ้าดินค่อยฆ่าเซี่ยกว่างหายทิ้ง การประลองฟ้าดินนี้ใกล้กับช่วงที่มั่วเย้จะแปรเปลี่ยนอย่างมากแล้ว ทันทีที่มั่วเย้แปรเปลี่ยนสำเร็จ เซี่ยกว่างหานจะต้องตายลง !
“ชู่เฉิง เย้ชิงจือ พวกเจ้าได้ช่วยชีวิตน้องชายข้าเอาไว้ หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าเรียกใช้ข้าหลีเหิงได้เสมอ ข้าจะมาถึงให้ไวที่สุดแน่นอน ! ” หลีเหิงเดินมาตรงหน้าชู่มู่ พูดกับชู่มู่อย่างซาบซึ้งใจ
สีหน้าของเซี่ยกว่างหานหมองคล้ำลงมาก ตอนที่หลีเหิงปรากฏตัว เขาได้ถอยไปด้านข้างเล็กน้อย เพราะเขาจำต้องคำนึงว่า ถ้าชู่มู่รู้ตัวตนของเขา จะให้หลีเหิงลงมือกับเขาทันที
ถ้าไม่กี่ปีก่อนวิญญาณของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บ้านแห่งภูตวิญญาณ เซี่ยกว่างหานจะไม่เกรงกลัวต่อหลีเหิงแน่นอน แต่เขาในตอนนี้แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลีเหิง
ชู่มู่เห็นเซี่ยกว่างหานถอยหลังไปอย่างฉลาด และรู้ว่าจะให้หลีเหิงฆ่าเขาคงมีความลำบากระดับหนึ่ง
ในตอนนี้ ชู่มู่ได้ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับหลีเหิงว่า “พี่หลีเหิง ข้ามีเรื่องจะร้องขอ คนที่สวมชุดเกราะสีทองเหมือนเจ้าคือเซี่ยกว่างหานวังมารนิรย เขากับข้ามีความแค้นต่อกัน เมื่อกี้เขาคิดจะลงมือกับข้า โชคดีที่เจ้ามาได้ทันเวลา”
“อ้อ มีเรื่องแบบนี้ ข้าช่วยเจ้ากำจัดข้าสะ ! ” หลีเหิงหันหลังให้เซี่ยกว่างหาน แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เขาจงใจหนีไปแล้ว เจ้าลงมือเขาอาจหนีไปทันที ยากที่จะจับไว้ได้ เดี๋ยวตอนที่เจ้าพาถิงหลันกับซ่างเหิงลงเขา ให้เขาจากไปด้วย จับตามองเขาไว้ให้ได้ อย่าให้เขาก่อกวนข้าในตอนนี้” ชู่มู่บอก
ชู่มู่จำต้องฝ่าด่านต่อไป ถ้าถูกคัดออกในด่านที่แปดนี้ ชู่มู่ก็จะไม่ได้คำสั่งเสียที่เย้ชิงจืออยากได้ ยิ่งไม่มีทางที่จะเจอหุ่นเชิดของเด็กสาวทรยศแล้ว และจะไม่เจอหลักฐานที่เกี่ยวกับเด็กสาวทรยศมากกว่านี้