Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 547
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 547
“ที่แท้เขาคือซือเทียน เจ้าคนลึกลับได้ปรากฏตัวสักที !” เย้หวันเชิงมองไปยังซือเทียน พูดพร้อมลูบคาง
เย้หวันเชิงฝ่าด่านอย่างราบรื่น ด่านที่เขาผ่านมาคล้ายกับชู่มู่อย่างมาก ด่านก่อน ๆ ได้รางวัลเกียรติสูงสุดอย่าบ้าคลั่ง เพิ่มความสามารถระหว่างการประลองฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า ตอนที่เขาได้เกียรติสูงสุดได้ใช้ดวงวิญญาณหลักด้วย แต่ในด่านหลังกลับได้เกียรติสูงสุดยากขึ้นมากแล้ว ส่วนในด่านหลัง ๆ เขาได้เลือกที่จะจัดการทุกอย่างเงียบ ๆ อย่างฉลาด ไม่ได้เกียรติสูงสุด แต่กลับเข้าสู่ด่านที่เก้าได้สำเร็จ
ดังนั้น กลุ่มฝ่าด่านที่เก้าในครั้งนี้มีทั้งหมดสี่คน ชู่มู่ ชิงจือ องค์หญิงจิ่งโหลว เย้หวันเชิง
เป้าหมายของเย้หวันเชิงเหมือนกับเย้ชิงจือ จะต้องได้คำสั่งเสียของอาจารย์ให้ได้ ไม่สนใจรางวัลอื่น หรือจะบอกว่า แค่ให้ได้คำสั่งเสียมา รางวัลอื่นแทบไม่อยู่ในสายตา
ส่วนองค์หญิงจิ่งโหลวไม่ได้บอกเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นแค่เพื่อนร่วมปฏิบัติการเท่านั้น
ชู่มู่เองแค่อยากได้เกียรตินี้ ไม่เพียงแต่เท่านั้น ต่อจากนี้คือ ระดับเก้า ระดับสิบ ตำแหน่งผู้อาวุโส การเสนอชื่อในการประลองฟ้าดิน ตำแหน่งทั้งสี่และท้ายที่สุด บัลลังก์ฟ้าดิน ล้วนเป็นสิ่งที่ชู่มู่จะชิงทีละก้าว !
แน่นอนว่า ตอนนี้นอกจากจะได้เกียรติสุดท้ายขั้นสองแล้ว ชู่มู่ยังต้องบุกเข้าพื้นที่อมตะอีกแห่งหนึ่ง เพื่อปล่อยดวงวิญญาณของท่านพ่อที่ถูกผนึกไว้ออกมา…
…
ตามการเจรจาตั้งกลุ่มของเหล่าผู้เข้าแข่งขัน เริ่มมีผู้เข้าแข่งขันกลุ่มอื่นมุ่งหน้าไปยังเมืองอมตะมากขึ้น
ทว่า กลับไม่มีใครที่เดินเข้าไปคนเดียวอย่างซือเทียน ท่าทางชื่อเสียงของซือเทียนไม่ได้มีแค่ชื่อ ดูจากท่าทางของเขาในด่านที่เก้านี้ก็รู้ถึงจุดแตกต่างของเขาจากคนอื่น
“ชู่มู่ ตามที่ข้าเข้าใจอย่างละเอียด วิธีผนึกดวงวิญญาณของท่านพ่อของเจ้าเรียกว่าการผนึกกระจายดาว การผนึกกระจายดาวแบบนี้ไม่สามารถเปิดออกอย่างลายเส้นผนึกทั่วไป เพราะลายเส้นผนึกทั้งหมดจะกระจายในที่ต่าง ๆ โดยปกติการผนึกแบบนี้จะเป็นการผนึกในเวลายาว ต่อให้มีคนคิดจะเปิดออก ก็ต้องใช้เวลาอย่างมาก” องค์หญิงจิ่งโหลวบอกกับชู่มู่
ชู่มู่ไม่เข้าใจลายเส้นผนึกนี้เท่าไร ในตอนนี้จึงได้ถามเรื่องเกี่ยวกับผนึกกระจายดาวกับผู้เฒ่าหลี
“ผนึกกระจายดาวเป็นผนึ่งในผนึกที่ยากจะคลี่คลายได้ เจ้าลองถามองค์หญิงงามคนนั้นว่าผนึกกระจายดาวนี้มีกี่ดาว”ผู้เฒ่าหลีบอก
ในตอนนี้ชู่มู่จึงได้ถามองค์หญิงจิ่งโหลว
“ผนึกดาวคู่ เท่ากับว่ามีจุดที่ผนึกกระจายอีกสองแห่งในพื้นที่อื่นต้องเปิดออก มิฉะนั้น ลายเส้นทั้งผนึกจะอยู่ในภาวะปิดตายตลอด แต่ว่า ข้าไม่อาจรู้จึดแน่ชัดของตำแหน่งดาวสองอันนี้ได้…” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดเสียงเบา
“ปัญหานี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ ส่งแผนที่ในมือเจ้าให้ข้า” เย้หวันเชิงฉีกยิ้มออก ทำท่าทีเต็มไปด้วยควมมั่นใจ
องค์หญิงจิ่งโหลวมองไปยังเย้หวันเชิงด้วยความสงสัย แม้เธอรู้ว่าผู้ชายที่ดูเหมือนไม่เอาไหนคนนี้เป็นพี่ชายของเย้ชิงจือ แต่องค์หญิงจิ่งโหลวกลับไม่คุ้นหน้าเขาอย่างมาก รวมถึงเย้ชิงจือ องค์หญิงจิ่งโหลวก็ไม่คุ้นหน้า
“ปกติเวลาที่ข้าไม่มีอะไรทำ จะศึกษาลายเส้นผนึก ผนึกดาวคู่นี้มีความยากค่อนข้างสูง แต่ถ้าเอาแผนที่ให้ข้าละก็ ข้ายังมีความมั่นใจจะเจอตำแหน่งของดาวสองอันนี้ได้” เย้หวันเชิงบอก
องค์หญิงจิ่งโหลวลังเลเล็กน้อย ยังคงส่งแผนที่เก่าในมือนั้นให้เย้หวันเชิง
เย้หวันเชิงถือแผนที่ หลังจากเจอตำแหน่งที่ดวงวิญญาณของชู่เทียนหมังถูกผนึกแล้ว กลับผลิกแผ่นที่ไปอีกด้านทันที
ท่าทีนี้ทำให้ทั้งสามคนประหลาดใจอย่างมาก ส่วนเย้หวันเชิงกลับยิ้มแล้วอธิบายว่า “ผนึกกระจายดาวนี้มีโครงสร้างจากล่างขึ้นบน เหมือนเวลาที่พวกเราระบายเพดาน จะระบายในบ้าน ดังนั้น จะหาจุดกระจายดาวได้ง่ายขึ้น…เอ่อ เมืองอมตะนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผนึกจริงด้วย โดยปกติจุดดาวของผนึกกระจายดาวนี้มีแค่ไม่กี่อัน แต่เมืองอมตะนี้กลับมีจุดดาวที่เหมาะสมกันหลายจุด จะหาตำแหน่งดาวคู่ที่เหมาะกันจากหลายจุดขนาดนี้ ยังมีความยากอยู่”
“มีโอกาสมากเท่าไรที่จะหาเจอ” ชู่มู่ถามโดยตรง
เย้หวันเชิงไม่ได้พูดอะไร แต่ผลิกดูแผนที่ขึ้นลงต่อเนื่อง แล้วใช้ความคิด แล้วดูแผนที่ต่อ
“องค์หญิง สัญลักษณ์นี้ของเจ้าใช่แท่นบูชาอสูรเลือดที่เป็นเกียรติสุดท้ายของขั้นสองใช่ไหม” เย้หวันเชิงชี้ไปยังตำแหน่งที่ทำสัญลักษณ์แล้วถามขึ้น
องค์หญิงจิ่งโหลวมองไปยังแผนที่ พยักหน้าตอบว่า “อืม”
“ถ้าอย่างนั้นไม่ดีแล้ว หนึ่งในตำแหน่งจุดดาวห่างจากตำแหน่งเกียรติสุดท้ายขั้นสองค่อนข้างไกล และในตำแหน่งนี้…”
เย้หวันเชิงวางแผนที่ไว้ตรงหน้าทั้งสามคน แล้วใช้นิ้วชี้ไปยังตำแหน่งจุดดาว แล้วพูดต่ออีกว่า “แต่ถ้าไปจุดที่เกียรติสุดท้ายอยู่ แล้วกลับมาหาจุดดาวนี้ พวกเราจะเสียเวลามากขึ้น เส้นทางจะทวีคูณหลายเท่า”
“โดยปกติผู้เข้าแข่งขันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันในการตามหาแท่นบูชาอสูรเลือด ถ้าไปถึงจุดดาวนี้ แล้วกลับไปยังสถานที่เกียรติสุดท้าย น่าจะเสร็จภายในเจ็ดวันได้” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามุ่งหน้าไปจุดดาวแรกก่อน แล้วค่อยมุ่งหน้าไปยังเกียรติสุดท้าย แล้วค่อยตามหาจุดดาวที่สอง” ชู่มู่พูดต่อ
“อืม” ทั้งสามคนต่างพยักหน้า
…
ในการอัญเชิญ ทั้งสี่คนต่างอัญเชิญดวงวิญญาณคนละหนึ่งตัว ชู่มู่อัญเชิญจั้นเย้ รับผิดชอบการต่อสู้กับศัตรูซึ่งหน้า นับว่าเป็นการโจมตีหลัก
เย้ชิงจือเป็นหน่วยเสริม ได้อัญเชิญภูตไม้หมุนออกมา ในเมืองอมตะมีดวงวิญญาณหมวดไม้มากมายอาศัยอยู่แน่นอน ดังนั้น ในกลุ่มจำต้องมีดวงวิญญาณหมวดไม้ตัวหนึ่งอยู่ จะได้รักษาความปลอดภัยให้ดวงวิญญาณและผู้คนได้มากที่สุด
องค์หญิงจิ่งโหลวได้อัญเชิญปีศาจจิ้งจอกผนึกน้ำแข็งพิฆาตออกมา การรวมตัวของการโจมตีและความเร็ว จะทำการโต้ตอบให้กลุ่มได้ไวที่สุด
เย้หวันเชิงได้อัญเชิญภูตปีศาจหิมะน้ำแข็ง ดวงวิญญาณธาตุหมวดน้ำแข็งระดับจักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเก้าขั้นกลางตัวหนึ่ง รับผิดชอบด้านการโจมตีระยะไกลและการโจมตีหมู่
หลังจากเข้าสู่เมืองอมตะแล้ว ชู่มู่ทั้งสี่คนได้ใช่เวลาสั้นมากออกจากตำแหน่งที่ผู้คนตามหา
เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน พวกเขาทั้งสี่คนได้เหยียบเข้าไปในลายเส้นสีแดงที่สลักอยู่บนพื้น
ลานเส้นสีแดงเป็นสัญลักษณ์ที่ฝ่ายจัดการประลองทำไว้เพื่อบอกกับเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่บุกเข้าไปในพื้นที่อื่น ความอันตรายจะเพิ่มขึ้นทันที
ความสามารถของทั้งสี่คนไม่อ่อน โดยเฉพาะดวงวิญญาณของชู่มู่ อยู่ในพื้นที่ผนึกน้อยหนึ่งวันเต็ม ทั้งสี่คนจัดการดวงวิญญาณที่ได้เจออย่างง่ายดาย อย่างไรในตอนที่ยังไม่ได้เข้าใจสถานการณ์อย่างดี พื้นที่ส่วนใหญ่ในตรงนั้นจะมีผู้นำลักษณะสิบฝูงใหญ่อยู่
…
…
“บึ้ง”
จักรพรรดิขั้นต่ำตัวหนึ่งล้มลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยหินสีดำ เลือดสดไหลออกจากเขี้ยวที่ถูกแช่แข็งอย่างช้า ๆ ลำตัวปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง
“เดินมุ่งหน้าอีกเล็กน้อย ตรงนั้นจะเป็นที่อยู่ของจุดดาวแล้ว”องค์หญิงจิ่งโหลวชี้ไปยังพื้นที่กว้างซึ่งเต็มไปด้วยซากเสาแล้วพูดขึ้น
“จุดดาวจะต้องมีสิ่งมีชีวิตเฝ้าอยู่แน่นอน ถ้าบอกว่าดวงวิญญาณที่ถูกผนึกเป็นระดับจักรพรรดิชั้นยอดละก็ ถ้าอย่างนั้นสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าอยู่จะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงได้มาก ต้องระวังให้ดี” เย้หวันเชิงเตือนคนทั้งหมด
“จั้นเย้ของข้าจะเผชิญหน้ากับมันเอง พวกเจ้าคอยเสริมการต่อสู้” ชู่มู่บอก
ความสามารถของปีศาจขาวในตอนนี้เทียบกับจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบได้แล้ว แต่อัญเชิญมารนิรยขาวออกมาเร็วเกินไปแบบนี้ การต่อสู้หลังจากนี้จะหมดแรง ดังนั้น จำต้องประหยัดพลังวิญญาณและแรงกายของดวงวิญญาณเอาไว้
ผนึกจุดดาวคลายออกได้ไม่ยากมาก แค่เดินไปตรงกลางลายเส้นนั้น ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากพอกระแทกจุดพลังงานของลายเส้นผนึก ทั้งลายเส้นผนึกนี้จะสลายไป
ร่ายวิญญาณของชู่มู่อยู่ในเจ็ดร่ายแล้ว ผนึกลายเส้นนี้ชู่มู่สลายได้ง่ายมาก
ในไม่ช้า ผนึกลายเส้นจุดดาวนี้ถูกสลายออก หินสีดำที่อยู่ใต้เท้าเกิดการสั่นสะเทือนชัดเจน ทำให้หน้าผา เสารอบ ๆ นั้นถล่มอย่างต่อเนื่อง กระแทกลงพื้นอย่างแรง
ชู่มู่กระโดดไปยังที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ให้จั้นเย้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าอยู่ซึ่งกำลังจะปรากฏตัวจากการผนึกนี้
“ชั้นเมฆกำลังกดต่ำลง อากาศแปรปรวน…” เย้ชิงจือสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทันที พูดขึ้นพร้อมการคาดคะเนว่า “น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหมวดสายฟ้า”
“โซ”
แทบเป็นวินาทีเดียวกับที่พูดจบ ท่ามกลางเมฆสีดำที่ลอยตัวต่ำลง มังกรสายฟ้างดงามอันหนึ่งทำลายเมฆสีดำนี้ ผ่าลงท่ามกลางลายเส้นที่ถูกชู่มู่คลายผนึกออก !!!
“โซ !!!”
พื้นดินสีดำระเบิดออกทันที เศษหินนับไม่ถ้วนกระจายออก พลังสายฟ้ากลายเป็นลายเส้นสายฟ้าไปตามพื้น กระจายไปทั่วทุกทิศ !
ทั้งสี่คนต่างรีบถอยหลัง ถอยออกไปประมาณร้อยกว่าเมตร และแล้วพื้นที่พวกเขาถอยออกไปนี้ พื้นหินทั้งหมดกลับเกิดรอยแยกมากมายออก หินและเสาที่กระจายไปทั่วพื้นกลับถูกสายฟ้าในเมื่อกี้สะเทือนจนกลายเป็นเศษผง พลังน่ากลัวอย่างมาก !
“สิงโตงูสายฟ้า !!!”
ชู่มูมองไปยังร่างแข็งแรงที่ปรากฏท่ามกลางสายฟ้าด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เพิ่งได้สู้กับสิงโตงูสายฟ้าตัวหนึ่ง วันนี้กลับได้เจอสิ่งมีชีวิตดุร้ายนี้อีกครั้ง!
สิงโตงูสายฟ้าของเจียงอี้เถิงเป็นจักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเก้าขั้นสูง แต่สิงโตงูสายฟ้าที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้กลับเป็นจักรพรรดิขั้นสูง ลักษณะสิบ ความสามารถห่างกันถึงสี่ขั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่รับมือยากแน่นอน !
“โครม !!! ”
ดวงตาสีม่วงดุร้ายของสิงโตงูสายฟ้าเล็งไปยังจั้นเย้ที่กล้าท้าทายมันทันที ร่างกายแข็งแรงหมอบลง ราวกับกลุ่มสายฟ้าที่พร้อมจะโจมตี กลับปรากฏตรงหน้าจั้นเย้ในเสี้ยววินาที !!!
“ป้าบ !!!”
กรงเล็บที่แนบด้วยสายฟ้าตะบบออก ความเร็วในการโจมตีว่องไวอย่างมาก !!!
จั้นเย้ไม่มีแม้แต่ความสามารถในการหลบ ถูกกรงเล็บสายฟ้านี้ตีจนปลิวออกไป ความสามารถในการโจมตีแทบไม่อยู่ในระดับเดียวกัน !
จั้นเย้เป็นลักษณะเก้าขั้นกลาง ความสามารถของจั้นเย้อ่อนกว่าสิงโตงูสายฟ้าถึงห้าขั้นเต็ม !!!
ต่อให้เกราะวิญญาณขั้นเก้าจะเสริมการป้องกันได้ จนเหลือความห่างประมาณสามขั้น แต่การโจมตีเต็มพลังของสิงโตงูสายฟ้าแบบนี้ ด้วยความสามารถที่ห่างกันสองขั้นแบบนี้ อาจทำให้จั้นเย้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ !
“ถ้าเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเก้าขั้นสูงของคนอื่น การโจมตีเดียวก็ฆ่าในเสี้ยววินาทีได้แล้ว !!! มีเพียงเสืออมตะตัวนี้ของชู่มู่ที่มีการโจมตีผิดปกติกับพลังชีวิตที่ผิดปกติถึงจะต้านทานได้” เย้หวันเชิงสูดหายใจเข้า
จักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเก้าขั้นสูงน่าจะเป็นดวงวิญญาณหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้เข้าแข่งขันอำนาจต่าง ๆ แล้ว แม้แต่ดวงวิญญาณหลักของผู้เข้าแข่งขันแข็งแกร่งที่สุดยังถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีได้ พลังของจักรพรรดิขั้นสูงนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง !!!