Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 548
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 548
ลานกว้างเทียนเซี่ย
ผ่านไปสามวันแล้ว ในเมืองอมตะ มีข่าวออกมาสู่ด้านนอกบ้างแล้ว และในเวลาสามวันนี้ กลับมีคนถูกคัดออกมากถึงสี่สิบคนแล้ว
ตามข่าวที่ฝ่ายจัดการประลองแจ้งมา ในเวลาสามวันนี้ ไม่มีผู้เข้าแข่งขันคนใดเข้าสู่ครึ่งทางของจุดหมายสุดท้าย
ใครก็รู้ว่ายิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไรยิ่งอันตรายเท่านั้น และเดินไม่ถึงครึ่งทางของเส้นทางทั้งหมด ก็มีคนสี่สิบคนถูกคัดออกแล้ว จำนวนตัวเลขนี้น่ากลัวอย่างมาก !
“กลุ่มสามคนที่มีบันถัวเป็นหัวหน้า ได้เปิดผนึกสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าโดยบังเอิญ ถูกจักรพรรดิขั้นต่ำลักษณะสิบจำนวนสองตัวโจมตี !”
ผู้คุมดวงวิญญาณส่งข่าวได้บอกข่าวนี้ให้กับสมาชิกฝ่ายจัดการประลอง แล้วให้สมาชิกฝ่ายจัดการประลองบอกเรื่องนี้ให้กับคนที่คอยติดตามในลายกว้างเทียนเซี่ยแห่งนี้
“จักรพรรดิขั้นต่ำลักษณะสิบจำนวนสองตัว ต่อให้เป็นเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถเฉลี่ยก็ยังอยู่แค่ผู้นำชั้นยอดลักษณะสิบเท่านั้น นี่ห่างกันสองขั้นเต็ม ๆ อีกทั้งยังปรากฏทีเดียวสองตัว นี่พวกเขาตายแน่นอนไม่ใช่เหรอ !” เสียงวิจารณ์ดังขึ้นทันที
เหล่าผู้เข้าแข่งขันอำนาจต่าง ๆ มาจากเขตโลก เขตเมืองต่าง ๆ รวมถึงเหล่าผู้คุมดวงวิญญาณที่ไม่ใช่วัยหนุ่มซึ่งติดตามการประลองฟ้าดินมาตลอด ตามข่าวที่มีดวงวิญญาณแข็งแกร่งปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้คนแทบจะอยู่ในภาวะตกใจตลอดเวลา !
จักรพรรดิขั้นต่ำ ลักษณะสิบ วัยหนุ่มที่มีดวงวิญญาณระดับนี้จัดว่าอยู่ในวัยหนุ่มชั้นยอดแล้ว !
และแล้ว นี่เหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่พบเห็นมากที่สุดในเมืองอมตะแห่งนี้ ได้ยินการต่อสู้ระหว่างบางกลุ่มกับสิ่งมีชีวิตนี้ตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที เหมือนจะมีข่าวอีกอันกระจายออก เป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มสามคนที่มีบันถัวเป็นหัวหน้า
“สามคนฆ่าจักรพรรดิขั้นต่ำตัวหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้…ดับหมด !”
หลังจากผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองกระจายข่าวนี้ออก เกิดเสียงตกใจขึ้นอีกครั้ง ดับหมดแปลว่าดวงวิญญาณไม่รอด ผู้คุมดวงวิญญาณก็ไม่อาจรอดไปได้ !
…
“บนเส้นทางความตายชุลมุนเมืองอมตะ มีจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง !!!”
ในไม่ช้า ผู้คุมดวงวิญญาณส่งข่าวได้รับข่าวสารที่น่าตกใจยิ่งขึ้น !
จักรพรรดิขั้นกลาง !!! ไม่ต้องบอก ก็รู้ว่าสิ่งมีชีวิตในเมืองอมตะนี้ จะต้องอยู่ในลักษณะสิบแน่นอน !!!
นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าดวงวิญญาณของเหล่าผู้เข้าแข่งขันด่านที่เก้านี้ได้ในเสี้ยววินาที!หลังจากได้ยินข่าวนี้ ทั้งลานกว้างเทียนเซี่ยนี้ได้ระเบิดออก !!!
“ใคร…ใครอยู่ตรงนั้น”
“ไม่ว่าใครอยู่ตรงนั้น มีเพียงคำเดียว ตาย !”
และแล้ว ข่าวกระจายออกอย่างรวดเร็ว กลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งได้เข้าสู่เส้นทางแห่งความตายชุลมุนนี้โดยไม่รู้ตัว ผ่านไปไม่กี่นาที ข่าวการตายของคนกลุ่มนี้ได้กระจายออก
“เมืองอมตะน่ากลัวมากจริง ๆ ไม่รู้ว่า พวกชู่เฉิงเป็นอย่างไรบ้าง ผ่านไปสามวันแล้ว ทำไมไม่มีดวงวิญญาณส่งข่าวตัวใดรับรู้สถานการณ์ของพวกเขา” ซ่างเหิงบอก
“พวกเขาเดินผิดทางหรือเปล่า มิฉะนั้น ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่มีข่าวเกี่ยวกับพวกเขา” ถิงหลันพูดด้วยความกังวล
ในเมืองอมตะน่าจะมีดวงวิญญาณหมวดปีกส่งข่าวมากมายที่มีจิตเชื่อมกับผู้คุมดวงวิญญาณอยู่ ดวงวิญญาณเล็ก ๆ เหล่านี้จะไม่ถูกโจมตีแน่นอน อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้แทบไม่มีกลิ่นไออะไร ดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งมองว่าพวกมันเป็นเหมือนยุงแมลงวันหมด
“เห้ย ตรงนั้นมีข่าวเกียวกับชู่เฉิงส่งมาแล้ว !” จ้าวเฉิงร้องขึ้นทันที
ถิงหลัน ซ่างเหิง จ้าวเฉิงต่างเป็นคนที่มีตำแหน่งในตำหนักวิญญาณ พวกเขาต่างจากพวกผู้เข้าแข่งขันที่ยืนรอข่าวในลานกว้างเทียนเซี่ย พวกเขามีที่นั่งของตัวเอง อีกทั้งจะได้รับรู้สถานการณ์ในด่านที่เก้าจากผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองในวินาทีแรก
“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณปรากฎตัวในเส้นทางแห่งความตายชุลมุน ท่าทางจะกวาดล้างเส้นทางความตายชุลมุน !!!”
หลังจากข่าวกระจายออก เหล่าผู้คนตื่นเต้นขึ้นทันที !
ข่าวของเหล่าผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในดันดับสองอย่างชู่มู่
ทันทีที่ชื่อของ “ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ” ปรากฏขึ้น เสียงผู้คนในลานกว้างเทียนเซี่ยดังสนั่นทันที
“บนเส้นทางความตายชุลมุนมีจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวไม่ใช่เหรอ หรือว่าเขาคิดจะบุกเข้าไป”
“มารนิรยขาวของเขาเติบโตถึงลักษณะเก้าขั้นสูงแล้ว ความสามารถเทียบเท่าจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบ น่าจะจัดการจักรพรรดิขั้นกลางได้ไม่มีปัญหา”
ผู้คนเริ่มคาดเดาว่า ชู่มู่จะจัดการจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวในเส้นทางความตายชุลมุนนี้ได้หรือไม่ !
ในไม่ช้า ข่าวกระจายอีกครั้ง
“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ ฆ่าจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวนั้นตายแล้ว กลยุทธ์ดวงวิญญาณของเขา…”
“พระเจ้า ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ เขากลับเอาชนะจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวด้วยควบคุมเดี่ยว !!!”
หลังจากผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองกระจายข่าวนี้ออก ทั้งลานกว้างเทียนเซี่ยสะเทือนทันที !!!
จักรพรรดิขั้นต่ำตัวหนึ่งก็เพียงพอที่จะให้กลุ่มบางกลุ่มของผู้เข้าแข่งขันดับหมด ส่วนจักรพรรดิขั้นกลางเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งทำลายล้างมากขึ้น เดิมผู้คนคิดว่าต่อให้ความสามารถของชู่เฉิงจะแข็งแกร่งมากเพียงใด อย่างน้อยก็ต้องสู้กับจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวนี้หลายร้อยรอบ
และแล้ว ที่ทำให้คนทั้งหมดสะเทือนใจคือ เขากลับฆ่าจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวนี้ที่ในบรรดาขั้นสองที่ไม่มีใครต้านทานได้นี้ด้วยการควบคุมเดี่ยว !!!
“กลับไม่ได้อัญเชิญมารนิรยขาวออกมา ! ดวงวิญญาณของชู่มู่เกินไปแล้ว !!!” จ้าวเฉิงเองยังรู้สึกว่าตัวเองฟังผิด !
ตำหนักวิญญาณมีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเข้าสู่ด่านที่เก้าเช่นกัน จ้าวเฉิงก็รู้จักคนไม่น้อย สำหรับพวกเขาแล้วจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบคือจุดจบของพวกเขา !!!
แต่ก่อนที่จะมีข่าวว่าชู่มู่ได้เจอกับจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวนั้น ใช้เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที นั่นหมายความว่าเวลาห้านาทีก็เพียงพอที่จะให้ชู่มู่จัดการสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าที่ทำให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันหวาดกลัวสองตัวนั้นได้ หรือนี่ไม่พอที่จะอธิบายทุกอย่างเหรอ !
“เป็นไปได้อย่างไร มั่วเย้ของชู่เฉิงอยู่แค่ลักษณะเก้าขั้นกลางไม่ใช่เหรอ ข่าวที่ผู้ส่งสารกลับบอกว่าความสามารถของมั่วเย้ตัวนี้อยู่ในลักษณะสิบ จักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบ !!!”
“จักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบ ชู่เฉิงมีดวงวิญญาณแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร หรือว่าเขายังซ่อนดวงวิญญาณหลักอีกตัวหนึ่ง ความสามารถของดวงวิญญาณหลักตัวนี้ไม่ด้อยไปกว่ามารินรยขาวไร้เทียมทานของเขาตัวนั้นแม้แต่น้อย !!!”
วินาทีนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างคิดว่า ชู่มู่มีมั่วเย้สองตัวแน่นอน ตัวหนึ่งอยู่ที่ลักษณะเก้าขั้นกลาง มีความสามารถแตกหักงอกใหม่ ส่วนอีกตัวหนึ่ง คือจักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะสิบ !!!
เสียงคึกคะนองนี้ดังนานมาก ๆ !!!
ใครก็ไม่คิดว่า ชู่มู่ที่ปรากฏตัวอย่างน่าสะเทือนใจด้วยมารนิรยขาวยังซ่อนจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบไว้ตัวหนึ่ง
เท่ากับว่าต่อให้ถึงด่านที่แปด ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณยังไม่ได้เผยดวงวิญญาณหลักทั้งหมดของเขาออกมา !!!
ในที่นั่งตำหนักวิญญาณ ซ่างเหิง ถิงหลัน จ้าวเฉิงทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน จ้าวเฉิงถึงทำลายความเงียบพูดขึ้นว่า “ชู่มู่น่าจะมีมั่วเย้แค่ตัวเดียวใช่ไหม”
“อืม มั่วเย้ลักษณะสิบ…น่าจะเป็นตัวเดียวกัน” ถิงหลันบอก
“เป็นตัวเดียวกันแน่นอน ตอนที่สู้กับเซิ่นอีเฉิง มั่วเย้ตัวนั้นของชู่มู่ได้เพิ่มความสามารถจากลักษณะแปดขั้นต่ำจนถึงลักษณะแปดขั้นสูงมาตลอด ตอนนี้มั่วเย้ตัวนี้อยู่ในลักษณะสิบ คาดว่ามั่วเย้ลักษณะเก้าขั้นกลางของชู่มู่ได้เพิ่มความสามารถด้วยทักษะกลุ่มบางอย่างแน่นอน !” ซ่างเหิงพูดด้วยความตกใจ
“มั่วเย้ของเขายังสวมเกราะวิญญาณขั้นเก้า ตอนอยู่ในลักษณะเก้าขั้นกลาง ปีศาจแมลงตะกละจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบยังยากที่จะทำลายการป้องกันของมันได้ และในตอนนี้เพิ่มขึ้นจนอยู่ในจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบ เท่ากับว่าแม้แต่จักรพรรดิขั้นสูงก็ยากที่จะทำลายการป้องกันของมันแล้ว !!!”
มีเพียงซ่างเหิงกับถิงหลันที่เคยเห็นความสามารถพิเศษของมั่วเย้ชู่มู่ มีเพียงพวกเขาที่รู้ว่า ชู่มู่มีมั่วเย้แค่ตัวเดียว เมื่อมันระเบิดความสามารถออกมา จะกวาดล้างข้ามขั้นได้ !
…
ในเมืองอมตะ
จั้นเย้ที่เต็มไปด้วยเลือดคลานกลับมาจากศพยักษ์ใหญ่ของจักรพรรดิขั้นกลางสองตัว ยืนนิ่งอยู่ข้างดวงวิญญาณของเย้ชิงจือ ให้เย้ชิงจือรักษาแผลให้มัน
จะเข้าสู่วันที่สี่แล้ว หลังจากพวกชู่มู่จัดการสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าดาวที่หนึ่งได้ ก็เดินทางกลับสู่เส้นทางหลักทันที แล้วเริ่มไล่ตามผู้เข้าแข่งขันอื่นอย่างบ้าคลั่ง
ระหว่างทาง จั้นเย้ได้ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถเพิ่มขึ้นจนอยู่ในลักษณะสิบแล้ว !
อีกทั้งบนตัวมั่วเย้ยังมีเกราะวิญญาณขั้นเก้าอยู่ แม้แต่ดวงวิญญาณจักรพรรดิขั้นสูงยังต้องใช้เวลาอย่างมากในการทำลายการป้องกันของมั่วเย้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวนี้แล้ว
ดังนั้น จั้นเย้จัดการดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวนี้ได้ไม่ยาก บวกกับการเสริมของเย้ชิงจือ พูดได้ว่าง่ายดายอย่างมาก
“ชู่มู่ กลิ่นไอของมั่วเย้เจ้าในตอนนี้รุนแรงเกินไปแล้ว อาจล่อให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งล้อมโจมตี ข้าให้อสูรนิมิตของข้าเก็บกลิ่นไอของมั่วเย้เจ้าหน่อย” เย้ชิงจือบอกกับชู่มู่
“อืม” ชู่มู่พยักหน้า
ในภาวะปกติ หลังจากที่จั้นเย้ใช้พลังหมดลง ไม่ว่าดวงใจแห่งมังกรหาญเพิ่มขึ้นถึงระดับใด ความสามารถจะลดลงทันที
ทว่า เย้ชิงจือได้ปรุงยาเสริมกำลังให้จั้นเย้พอดี และได้รักษาแผลให้จั้นเย้ต่อเนื่อง ทำให้กำลังของจั้นเย้คงอยู่ต่อไป
เดิมความอดทนของจั้นเย้ก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ต่อสู้ พักผ่อน ต่อสู้พักผ่อน การโคจรแบบนี้ ความสามารถของจั้นเย้เพิ่มขึ้นและลดลงต่อเนื่อง ในภาวะปกติยังทำให้จั้นเย้อยู่ในระหว่างลักษณะเก้าชั้นยอดกับลักษณะสิบได้
ที่ชู่มู่ได้อัญเชิญให้จั้นเย้ต่อสู้ต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาในเมืองอมตะ ก็เพื่อเพิ่มความสามารถของจั้นเย้ก่อน รอให้ถึงตอนที่ต้องต่อสู้จริง ๆ ด้วยผลของลายเส้นปีศาจอสูรเกราะเขา ภาวะคลั่งเลือดและดวงใจแห่งมังกรหาญ จะทำให้จั้นเย้ระเบิดพลังต่อสู้จนอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบได้ !
แน่นอนว่า ชู่มู่รู้ดีว่า คิดจะให้จั้นเย้คงอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โอกาสที่จั้นเย้จะระเบิดความสามารถมีแค่ครั้งเดียว หลังจากระเบิดออกมาแล้ว ความสามารถจะลดลงทันที ดังนั้น ต้องคุมโอกาสนี้ให้ดี !