Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 552
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 552
มีปีกสีดำเล็ก ๆ ดวงวิญญาณตัวเล็กที่เหมือนทั้งค้างคาวและนกบินวนอยู่เหนือเมืองอมตะ
ดวงวิญญาณเล็ก ๆ เหล่านี้เป็นดวงวิญญาณส่งสาร พวกมันไม่มีพลังโจมตีใด ๆ เป็นดวงวิญญาณนักสืบที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด ปัญญาของพวกมันต่ำมาก กลับสามารถเชื่อมกับจิตของผู้คุมดวงวิญญาณนำสิ่งที่เห็นทั้งหมดส่งไปยังผู้คุมดวงวิญญาณรับสารได้
ในตอนนี้ บนแท่นบูชาอสูรเลือดก็มีดวงวิญญาณส่งสารแบบนี้ตัวหนึ่ง พวกมันลงจอดบนเสาอย่างแผ่วเผา ดวงตาสีดำจับจ้องไปยังชู่มู่กับซือเทียน
“ชู่มู่ตำหนักวิญญาณได้เจอกับซือเทียนองค์กรวิญญาณที่แท่นบูชาอสูรเลือดแล้ว !”
ดวงวิญญาณส่งสารได้ส่งข่าวนี้ไปยังผู้คุมดวงวิญญาณรับสารแล้ว ส่วนผู้คุมดวงวิญญาณนี้ได้ประกาศข่าวนี้ไปยังลานกว้างเทียนเซี่ย ทำให้ผู้คนทั้งหมดได้รับรู้สถานการณ์ในเมืองอมตะนี้ !
“ทั้งสองคนนี้ได้เจอกันในที่สุด ! น่าตื่นเต้นเหลือเกิน !!!”
“การต่อสู้ระหว่างแข็งแกร่งที่หนึ่งกับแข็งแกร่งที่สอง ส่วนผู้ชนะจะได้เกียรติสุดท้ายของขั้นสองในเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ อยากให้ตัวเองอยู่ในสนามจริง ๆ อยากเห็นดวงวิญญาณที่พวกเขามี จะมีความสามารถควบคุมดวงวิญญาณเหนือผู้อื่นอย่างไร !”
การต่อสู้ระหว่างชู่มู่กับซือเทียนเป็นสิ่งที่ทุกคนตื่นเต้นมากที่สุด และเป็นที่ทุกคนจับตามองที่สุด อยากรู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงไม่เพียงแต่มีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีความสามารถควบคุมดวงวิญญาณเหนือกว่าผู้อื่น ถ้าได้เห็นกับตา เป็นเรื่องที่พวกเขาคาดหวังมากที่สุดแล้ว !
“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณซ่อนความสามารถมาตลอด ไม่แน่อาจจัดการซือเทียนได้จริง ๆ !!” ผู้คนเริ่มวิจารณ์
“ชู่เฉิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของซือเทียนได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น เขาทำหายไปหนึ่งญาณตอนอยู่ด่านที่เจ็ด สี่ต่อสาม ชู่เฉิงต้องแพ้แน่นอน” หม่าหงองค์กรวิญญาณพูดอย่างสบประหม่า
หม่าหงคือสมาชิกองค์กรวิญญาณที่อยู่กับเซิ่นอีเฉิงในตอนนั้น ซึ่งในตอนนั้นชู่มู่ได้ส่งคนล้อมรอบเอาไว้ ทำให้เขาหายไปสองญาณ เดิมยังหวังจะได้รางวัลต่าง ๆ จากการประลองฟ้าดินนี้ แต่กลับเป็นเพราะสองญาณที่หายไป ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเข้าร่วมการประลองฟ้าดิน เรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก
หม่าหงรู้จักกับซือเทียนบ้าง เขาได้บอกกับซือเทียนไว้แล้ว ทันทีที่เจอชู่เฉิงต้องจัดการเขาให้ได้ มิฉะนั้น ยากที่จะระบายความโกรธในใจของเขาได้ !
โลกด้านนอก ดุเดือดขึ้นเพราะการปะทะของชู่มู่กับซือเทียนแล้ว เหล่าผู้คุมดวงวิญญาณมากมายที่ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไรกลับตื่นเต้นขึ้น เริ่มรวมตัวกันที่ลานกว้าง
ตามข่าวที่กระจายออก หลังจากผ่านไปไม่นาน ทั้งลานกว้างกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อมองออกไป กลับยากที่จะหาที่ว่างในลานกว้างนี้ได้ !
…
“น่าแปลก ทำไมผ่านไปนานขนาดนี้ยังไม่มีข่าวใด ๆ”
“สถานการณ์ต่อสู้เป็นอย่างไรกันแน่ ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารทำไมไม่ส่งดวงวิญญาณส่งสารไปที่นั่นเยอะ ๆหน่อย”
เหล่าผู้เข้าแข่งขันยิ่งตื่นเต้นมากเท่าไร ยิ่งรีบร้อนมากเท่านั้น กลับพบว่า ข่าวการต่อสู้ระหว่างชู่เฉิงกับองค์กรวิญญาณไม่ประกาศสักที
ดังนั้น เสียงด่าผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารเริ่มมากขึ้น เสียงนี้เพียงพอที่จะเทียบกับทักษะคลื่นเสียงบางอย่างแล้ว !
เหล่าผู้คุมดวงวิญญาณแต่ละคนเต็มไปเหงื่อ ไม่ใช่พวกเขาไม่รับข่าว แต่พวกเขาไม่รู้ทำไม ดวงวิญญาณส่งสารที่ควรอยู่ในแท่นบูชาอสูรเลือดกลับมองไม่เห็นกะทันหัน อาจเป็นเพราะความสามารถพิเศษของสิ่งมีชีวิตบางอย่างในเมืองอมตะ
…
แท่นบูชาอสูรเลือด
ชู่มู่ได้อัญเชิญมั่วเย้กับจั้นเย้ออกมาแล้ว กำลังสู้กับซือเทียนบนแท่นบูชาอสูรเลือด
ความสามารถของซือเทียนเกินกว่าที่ชู่มู่คาดเอาไว้ เขากลับมีดวงวิญญาณที่มีพลังต่อสู้เทียบเท่าจักรพรรดิขั้นสูงตัวหนึ่งเหมือนกัน !
ดวงวิญญาณที่เทียนเท่าจักรพรรดิขั้นสูงของซือเทียนเป็นอสูรเชิญหงส์ หนึ่งในดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลายเส้นทั้งเจ็ดของตำหนักวิญญาณ !
อสูรเชิญหงส์ปกคลุมด้วยเกราะแสง ลำตัวเท่าสิงโต แข็งแกร่งยิ่ง ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง !
อสูรเชิญหงส์มีหมวดรองเป็นหมวดแสง อสูรเชิญหงส์ตัวนี้ของซือเทียนไม่ธรรมดาแน่นอน พลังหมวดแสงของมันแข็งแกร่งกว่าอสูรเชิญหงส์ที่ชู่มู่เคยเจอก่อนกน้านี้หลายเท่า เท่ากับว่านี่เป็นดวงวิญญาณที่มีหมวดหลักคู่ อีกทั้งพรสวรรค์ของหมวดหลักคู่นี้สูงมากด้วย !
ระดับตระกูลของอสูรเชิญหงส์เป็นจักรพรรดิขั้นกลาง ส่วนพรสวรรค์เกิดปกติของหมวดคู่นี้ทำให้ต่อให้ไม่ผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่งใด ๆ พลังต่อสู้ของมันคงอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงได้ แน่นอนว่าเป็นที่หายากยิ่งในดวงวิญญาณ เป็นกลุ่มราชวงศ์ในอสูรเชิญหงส์ !
ศัตรูที่ชู่มู่เจอในตอนนี้เป็นวัยหนุ่มชั้นยอดของทั้งเมืองเทียนเซี่ย ส่วนดวงวิญญาณของคนนี้กลับมีพรสวรรค์ยิ่งกว่าผิดปกติอีก !
ที่ทำให้ชู่มู่ขมวดคิ้วแน่นคืด อสูรเชิญหงส์กลับมีความสามารถหมวดแสงที่แข็งแกร่งยิ่ง ถ้าอย่างนั้น จั้นเย้กับมารนิรยขาวที่มีหมวดมืดจะเป็นปรปักษ์แน่นอน
ดังนั้น ต่อให้ความสามารถของมารนิรยขาวในตอนนี้อยู่ในระหว่างจักรพรรดิขั้นสูงกับจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว แต่ด้วยดวงวิญญาณหมวดแสงแล้ว ความสามารถของมารนิรยขาวจะลดลงขั้นหนึ่ง เช่นนี้ ปีศาจขาวจะมีความสามารถเท่ากับอสูรเชิญหงส์ตัวนี้ !
ชู่มู่อาศัยมารินรยขาวมาตลอด ถ้ามารนิรยขาวไม่สามารถปล่อยพลังแข็งแกร่งของมันออกมาได้ ถ้าอย่างนั้น ชู่มู่ที่มีการควบคุมสามจะต้องเสียเปรียบด้านการต่อสู้แน่นอน
“มารนิรยขาวของเจ้าแข็งแกร่งก็จริง แต่ดวงใจไม่ดี อีกทั้งดวงวิญญาณของเจ้าจำเจเกินไป” ซือเทียนยิ้มออกมา
หลังจากพูดจบ ซือเทียนได้สั่งให้อสูรเชิญหงส์ออกโจมตีไปยังมารนิรยขาวทันที !
ภายใต้การเสริมของพลังแสง ความเร็วของอสูรเชิญหงส์เพิ่มขึ้นหลายเท่า เกราะแสงบนตัวกะพริบเล็กน้อย กลายเป็นประกายแสง ปรากฏตัวตรงหน้ามารนิรยขาว !
มารนิรยขาวก็ไม่หาดกลัวต่อสิ่งใด เผชิญกับอสูรเชิญหงส์ที่มีหมวดปรปักษ์กัน มารนิรยขาวไม่เพียงแต่ไม่ถอยกลับ แต่ยังพัดพาไฟปีศาจเก้าวิญญาณขึ้น พลังของมันปะทะเข้ากับพลังหมวดแสงและหมวดอสูรของอสูรเชิญหงส์ !
“ปีศาจขาว ระวังตัว หลบทักษะหมวดแสงของมันด้วย !” ชู่มู่พูดกับปีศาจขาว
นิสัยของปีศาจขาวดื้อดันอย่างมาก ถ้าใช้วิธีสู้แบบมัน จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังหมวดแสงแน่นอน ทักษะหมวดแสงจะแผดเผาปีศาจขาวรุนแรงขึ้นหลายเท่า ดังนั้น ต่อให้ในตอนนี้จะมีความสามารถเท่ากัน แต่ด้วยการปะทะของทักษะแล้ว มารนิรยขาวยังคงเสียเปรียบกว่า
หมวดมืดของปีศาจขาวนับว่าอ่อนกว่า จะถูกจำกัดความสามารถหนึ่งขั้น ถ้าเป็นดวงวิญญาณที่มีหมวดมืดมากกว่านี้ อาจถูกลดลงถึงสองขั้นก็ได้
ดังนั้น ผู้คุมดวงวิญญาณจำต้องพัฒนาให้รอบด้าน ด้านหนึ่งเพื่อพัฒนาความสามารถของดวงวิญญาณหลัก ถ้าเจอทักษะและหมวดที่ตรงกันข้าม ต่อให้ความสามารถของดวงวิญญาณจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไร้ค่า
หมวดที่ตรงกันข้ามเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริง ๆ ไม่มีปัญหาด้านหมวดละก็ ชู่มู่จะอาศัยความเร็วของมารนิรยขาวจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นสองได้แน่นอน…
มารนิรยขาวในตอนนี้ทำได้แค่รั้งอสูรเชิญหงส์เอาไว้ ความสามารถแตกหักงอกใหม่ของจั้นเย้ก็ถึงสี่ครั้งแล้ว เท่ากับว่าจั้นเย้ในตอนนี้มีแตกหักงอกใหม่แค่สี่ครั้ง อีกทั้งจากการระเบิดความสามารถก่อนหน้านี้ การจะเพิ่มความสามารถของจั้นเย้ในตอนนี้อาจยากขึ้นมาก
สิ่งที่เป็นอุปสรรคของจั้นเย้คือหมวดภูตวิญญาณ ทันทีที่ถูกหมวดภูตวิญญาณจำกัดการเคลื่อนไหวและทักษะแล้ว ต่อให้จั้นเย้มีความสามารถแตกหักงอกใหม่มากเพียงใดก็ทำอะไรไม่ได้
ที่โชคร้ายคือ หนึ่งในจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวของซือเทียนมีภูตวิญญาณตัวหนึ่ง !
การใช้ดวงวิญญาณของซือเทียนเกินกว่าที่ชู่มู่คาดไว้ โดยปกติแล้ว ต่อให้จั้นเย้เจอภูตวิญญาณ ยังปล่อยทักษะออกมาได้บ้าง เป็นอันตรายต่อดวงวิญญาณอื่นได้
และแล้ว ความสามารถควบคุมจิตของภูตวิญญาณตัวนี้กลับแข็งแกร่งกว่าดวงวิญญาณที่ชู่มู่เคยเจอมาก่อน กลับทำให้จั้นเย้ไม่สามารถปล่อยทักษะแม้แต่อันเดียว !
ในภาวะแบบนี้ จั้นเย้จำต้องเผชิญกับดวงวิญญาณจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่า จั้นเย้อยู่ในภาวะถูกโจมตีตลอด ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมีเกราะวิญญาณขั้นเก้า คงเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวแล้ว
ส่วนมั่วเย้ ตอนนี้อยู่ในลักษณะเก้าขั้นกลาง เมื่อเทียบความสามารถกับจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะเก้าขั้นสูงอีกตัวของซือเทียนแล้ว จัดการได้ยากเช่นกัน
“มารนิรยขาวกับจั้นเย้ถูกควบคุมแล้ว !” ชู่มู่กัดฟันแน่น
สิ่งเดียวที่รู้สึกโชคดีคือ ซือเทียนไม่มีดวงวิญญาณตระกูลพืช
ดวงวิญญาณหมวดอสูรจะถูกตระกูลพืชควบคุมไว้ในระดับหนึ่ง ส่วนมั่วเย้เมื่อเผชิญหน้ากับดวงวิญญาณตระะกูลพืชจะใช้ความสามารถหมวดไฟรับมือได้
แน่นอนว่า ชู่มู่เองก็รู้ว่า หมวดที่เป็นปรปักษ์กับมั่วเย้คือ หมวดน้ำแข็งกับหมวดน้ำ อีกทั้งถ้ามั่วเย้ได้เจอกับดวงวิญญาณตระกูลพืชที่มีหมวดน้ำ ต่อให้ความสามารถของมั่วเย๋จะแข็งแกร่งกว่าสามขั้นก็ไม่มีประโยชน์
“มารนิรยขาวตัวหนึ่ง ความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่เป็นอันตรายกับข้า อสูรมั่วเย้ของเจ้าไร้ค่าแล้ว จิ้งจอกอัคคีเก้าหางมงกุฎเพลิงอีกตัวหนึ่งอยู่แค่ลักษณะเก้าขั้นสี่ อ่อนแอมาก ดวงวิญญาณแบบนี้เพิกเฉยได้” ซือเทียนควบคุมสถานการณ์ต่อสู้อย่างง่ายดาย ทำให้ชู่มู่ไม่มีโอกาสโต้กลับแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ชู่มู่กังวลว่า หมวดของดวงวิญญาณหลักตัวเองจะน้อยเกินไป จะถูกดวงวิญญาณหมวดอื่นของคนอื่นควบคุมเอาไว้ ตอนนี้เรื่องที่เขากังวลเกิดขึ้นจริง ๆ
“ชิงจือ ตรงนี้ให้พวกข้าจัดการ เจ้าไปช่วยชู่มู่เถอะ” เย้หวันเชิงพบว่า หมวดดวงวิญญาณหลักของชู่มู่กำลังจะเกิดเรื่องไม่ดี มองไปยังเย้ชิงจือกับองค์หญิงจิ่งโหลว พูดกับองค์หญิงจิ่งโหลวว่า “พวกข้าจัดการได้ เจ้าไปช่วยชู่มู่เถอะ”
เย้ชิงจือพยักหน้า ขี่อสูรนิมิตชุดม่วงไป หลังจากให้กระดิ่งแก้วตาช่วยสองคนนี้ในการต่อสู้แล้ว ตัวเองได้พาวารีจันทรากับภูตไม้หมุนไปด้วย พุ่งไปยังแท่นบูชาอสูรเลือด
“เกราะไม้ธรรมชาติ !”
เย้ชิงจือร่ายขึ้นอย่างแผ่วเบา รอบตัวภูตไม้หมุนเกิดประกายสีเขียวขึ้น กลายเป็นกิ่งเล็กที่เหมือนต้นอ่อนอย่างช้าๆ ปรากฏบนตัวจั้นเย้
บนตัวจั้นเย้มีเกราะวิญญาณขั้นเก้า บวกกับพลังชีวิตแข็งแกร่งของมัน ต่อให้ถูกควบคุมเอาไว้และยังถูกจักรพรรดิขั้นกลางตัวหนึ่งโจมตี แต่จะไม่ล้มลงในเวลาอันสั้นนี้แน่นอน ส่วนการเพิ่มทักษะของภูตไม้หมุน ทำให้จั้นเย้ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด อีกทั้งจักรพรรดิขั้นกลางของซือเทียนตัวนั้น ถ้าไม่ปล่อยทักษะแข็งแกร่งที่สุดออกมา คงยากที่จะทำให้จั้นเย้ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ได้
การป้องกันกับพลังชีวิตของจั้นเย้ทำให้ซือเทียนแอบกัดฟัน นึกในใจว่า “ความสามารถฟื้นฟูแข็งแกร่งยิ่ง การป้องกันแข็งแกร่งยิ่ง ถูกโจมตีหลายครั้งแบบนี้ กลับยังไม่ตาย หนังหนาจริง !”
เดิมซือเทียนอยากควบคุมจั้นเย้เอาไว้ แล้วให้จักรพรรดิขั้นกลางอีกตัวหนึ่งฆ่ามันอย่างรวดเร็ว และแล้วทักษะของจักรพรรดิขั้นกลางของเขาปล่อยออกมาทั้งหมดรอบหนึ่งแล้ว อสูรมั่วเย้ตัวนี้กลับยังยืนนิ่งอยู่ได้ เป็นดวงวิญญาณผิดปกติจริง ๆ !
ตอนนี้มีเกราะไม้ธรรมชาติคลุมอยู่ นอกจากจักรพรรดิขั้นกลางตัวนั้นของซือเทียนจะมีความสามารถกัดกร่อนการป้องกัน มิฉะนั้น ถ้าจะฆ่าจั้นเย้ เกรงว่าตัวมันจะหมดแรงก่อน !