Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 554
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 554
“โครม”
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน ฝุ่นบนตัวผู้เฝ้าหินยี่สิบกว่าตัวเริ่มหลุดออก เผยให้เห็นลำตัวแข็งแรงราวกับเกราะ ดวงตาสีเขียวของพวกมันส่องประกายขึ้น เริ่มจับจ้องไปยังมั่วเย้ที่หลุดเข้ามาในแวดวงของพวกมัน พลังบางอย่างกระจายกะทันหัน !!!
“อู อู อู !!!”
มั่วเย้ไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน รีบใช้เงาลวงตา แยกร่างออกเป็นสี่ร่าง เพื่อทำให้สายตาของผู้เฝ้าหินเหล่านี้สับสน
อาศัยตอนที่ผู้เฝ้าหินถูกเงาอีกสี่อันก่อกวน มั่วเย้เพิ่มความเร็วทันที !!!
“มั่วเย้ หนีไปทางซ้าย !!!” ร่ายวิญญาณของชู่มู่ปกคลุมรอบ ๆ ใช้เวลาอันสั้นที่สุดในการหาตำแหน่งที่มีผู้เฝ้าหินน้อยที่สุด
สี่เท้าของมั่วเย้แทบไม่ตกถึงพื้น ตอนที่วิ่งออก มีผู้เฝ้าหินถูกมั่วเย้ปลุกมากขึ้น !
หลังจากเข้าใกล้ผู้เฝ้าหินหนึ่งวินาที ผู้เฝ้าหินเหล่านี้จะฟื้นขึ้นมาทันที หลังจากฟื้นขึ้นมา สิ่งเหล่านี้จะใช้ดวงตาสีเขียวนี้จับจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตที่ทำให้พวกมันฟื้นขึ้นมา สะบัดหินบนตัวแล้วไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว !
ดังนั้น ไม่ว่าอย่าไร มั่วเย้จะไม่หยุดในพื้นที่หนึ่งร้อยเมตรนี้แม้แต่หนึ่งวินาทีเด็ดขาด
โชคดีที่ในเวลาหนึ่งวินาทีมั่วเย้วิ่งได้อย่างน้อยสองร้อยเมตร นอกจากผู้เฝ้าหินยี่สิบตัวแรกที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว ผู้เฝ้าหินตัวอื่นไม่ได้ฟื้นขึ้นมาจริง ๆ
อีกทั้ง ความเร็วของผู้เฝ้าหินไม่ไวเท่ามั่วเย้ ก่อนที่พวกมันจะฟื้นขึ้นมา มั่วเย้ได้ใช้ความเร็วที่ไวที่สุดสิ่งผ่านพื้นที่ของพวกผู้เฝ้าหินเบาบางนั้นแล้ว ทะลุผ่านระหว่างรูปปั้นเหล่านี้อย่างคล่องแคล่ว กลับไปยังขั้นบันไดแท่นบูชาอสูรเลือดอย่างเฉียดฉิว
เย้ชิงจือที่อยู่ไม่ไกลออกไปเห็นชู่มู่กับมั่วเย้วิ่งกลับมาได้เหงื่อตกไปด้วย หากช้าลงอีกเล็กน้อย เกรงว่าจะถูกผู้เฝ้าหินนับร้อยล้อมโจมตีแล้ว !
“แบบนี้ก็หนีออกมาได้ ถือว่าเจ้าดวงดีละกัน !” ซือเทียนส่งเสียงอย่างเยือกเย็น
เมื่อครู่ถ้าไม่ได้เป็นเพราะดวงวิญญาณของเขาถูกเย้ชิงจือก่อกวน ซือเทียนจะไม่ปล่อยให้ชู่มู่หนีออกจากผู้เฝ้าหินขึ้นมายังลานกว้างแท่นบูชารวดเร็วแบบนี้
ซือเทียนกวาดตามองไปยังการต่อสู้บริเวณเย้หวันเชิงกับองค์หญิงจิ่งโหลว
ซือเทียนไม่โง่ ถ้าสองคนนี้จัดการผู้เฝ้าหินสองตัวนั้นแล้ว เข้าร่วมการต่อสู้ที่นี่ละก็ เขาไม่มีทางจะใช้พลังของเขาคนเดียวสู้กับทั้งสี่คนได้แน่นอน
แต่ซือเทียนก็ไม่อาจจัดการดวงวิญญาณของชู่มู่ในเวลาอันสั้นได้ ถ้าทำแบบนี้ต่อไป คนที่แพ้จะเป็นเขา
และแล้ว ตามการต่อสู้ที่ดำเนินต่อไป องค์หญิงจิ่งโหลวกับเย้หวันเชิงได้จัดการผู้เฝ้าหินสองตัวนั้นแล้ว ต่างพาดวงวิญญาณสี่ตัวพุ่งขึ้นมายังแท่นบูชาอสูรเลือด
“ฮะฮะ เกียรติสุดท้ายจะเป็นของพวกเราแล้ว !” เย้หวันเชิงมองไปยังซือเทียน พูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ
ความสามารถของซือเทียนแข็งแกร่งมากจริง อีกทั้งหมวดของดวงวิญญาณได้ควบคุมชู่มู่เอาไว้ ถ้าให้ชู่มู่จัดการคนเดียวยังยากเกินไปหน่อย
แต่ในตอนนี้ เย้ชิงจือ เย้หวันเชิง องค์หญิงจิ่งโหลวได้เข้ามายังแท่นบูชาอสูรเลือดแล้ว ความสามารถของซือเทียนแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสี่คนนี้
ซือเทียนถอยไปยังขอบของแท่นบูชาอสูรเลือดทันที ในตอนที่เย้หวันเชิงกับองค์หญิงจิ่งโหลวกำลังจะจบการต่อสู้ เขาได้ถอยไปยังขอบ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเตรียมหนีไป
“ลำดับที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ สุดท้ายยังคงถูกพวกข้าทารุณอยู่ดี !” เย้หวันเชิงไม่เกรงใจ ชี้ไปยังซือเทียนแล้วหัวเราะเย้ย
ตอนที่พูด เย้หวันเชิงได้ให้ดวงวิญญาณของตัวเองเข้าร่วมการต่อสู้แล้ว ไล่ต้อนดวงวิญญาณของซือเทียนอย่างรวดเร็ว
ซือเทียนเองก็กัดฟันแน่น ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่คิดว่า ชู่มู่จะมีมารนิรยขาวที่มีความสามารถแข็งแกร่งยิ่งแบบนี้ตัวหนึ่ง และสามารถเข้ามาในแท่นบูชาอสูรเลือดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กำลังถูกทั้งสี่คนนี้ล้อมโจมตี จะพ่ายแพ้แน่นอน
…
…
ด้านนอกลานกว้างแท่นบูชา
“มองเร็ว นั่นชู่เฉิงกับซือเทียน !” สมาชิกคนหนึ่งของวังดวงวิญญาณชี้ไปยังแท่นบูชาแล้วพูดขึ้น
ลานกว้างของแท่นบูชานี้พิเศษอย่างมาก ก่อนหน้านี้เส้นทางเสาที่ชู่มู่ทั้งสี่คนมีรูปปั้นแค่สิบห้าอัน หลังจากถูกพวกชู่มู่จัดการแล้ว กลับมีรูปปั้นสิบห้าอันมาเติมเต็มอย่างรวดเร็ว
เท่ากับว่า เส้นทางที่ชู่มู่ได้เดินก่อนหน้านี้มีผู้เฝ้าหินสิบห้าตัวเฝ้าอยู่อีกครั้ง ตอนที่คนของวังดวงวิญญาณมาถึงที่นี่ คิดจะเข้าใกล้แท่นบูชาอสูรเลือดก็ต้องจัดการผู้เฝ้าหินสิบห้าตัวนี้
กลุ่มของวังดวงวิญญาณมีอู๋ชิ่งเป็นหัวหน้า เขาจับจ้องไปยังชู่มู่กับซือเทียน พูดขึ้นว่า “ท่าทางซือเทียนเสียเปรียบอย่างมากแล้ว”
“อืม ซือเทียนตัวคนเดียว ว่าแต่ พลังของมารนิรยขาวของชู่มู่รุนแรงมาก ถูกดวงวิญญาณหมวดแสงควบคุมเอาไว้ยังปล่อยทักษะมารนิรยแข็งแกร่งแบบนั้นออกมาได้ !” หนึ่งในสมาชิกพูดขึ้น
อู๋ชิ่งมองไปยังมารนิรยขาวของชู่มู่ทันที เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างช้า ๆ ผ่านไปเนิ่นนานถึงพูดขึ้นว่า “มารนิรยขาวตัวนี้เป็นจักรพรรดิขั้นสูง ลักษณะเก้าขั้นสูง มันยังมีชุดขั้นเก้า ความสามารถเทียบเท่าจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบแล้ว !!!”
“จักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบ เป็นไปได้อย่างไร !!!” สมาชิกวังดวงวิญญาณคนอื่นต่างเบิกตากว้าง จับจ้องไปยังมารนิรยขาว
“แน่นอน อสูรเชิญหงส์ตัวนี้ของซือเทียนข้าเคยเจอมาก่อน มันเป็นดวงวิญญาณหมวดคู่อสูรและแสง พลังต่อสู้ของมันเทียบเท่ากับจักรพรรดิขั้นสูง เห็นได้ชัดว่า อสูรเชิญหงส์ตัวนี้ถึงลักษณะสิบแล้ว ในภาวะแบบนี้มารนิรยขาวตัวนั้นยังสู้อย่างสูสีได้…” อู๋ชิ่งบอก
“ซือเทียนมีจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบเช่นกัน…ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณก็ด้วย สองคนนี้ผิดปกติอย่างมาก แค่ดวงวิญญาณตัวเดียวก็กวาดล้างขั้นสองของพวกเราทั้งหมดได้แล้ว !” สีหน้าของคนอื่นก็ประหลาดอย่างมาก คนเหล่านี้ไม่มีแม้แต่ดวงวิญญาณจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบ สองคนนี้กลับมีจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบแล้ว ความแตกต่างของความสามารถชัดเจนเกินไปแล้ว !
“ท่าทางซือเทียนจะแพ้แล้ว หัวหน้า ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มถามขึ้น
“ดูก่อน” อู๋ชิ่งไม่ได้พุ่งเข้าไปทันที แค่มองอยู่ด้านข้าง
…
บนแท่นบูชาอสูรเลือด ดวงวิญญาณสี่ตัวของซือเทียนเกิดบาดแผลอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ซือเทียนเองจำต้องถอยออกจากด้านนอกแท่นบูชาอสูรเลือด
“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว !” ชู่มู่พูดกับซือเทียนอย่างเยือกเย็น
ชู่มู่ไม่มีความเยื่อใยใด ๆ ต่อคนขององค์กรวิญญาณ ซือเทียนก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น จะไม่มีความเกรงใจในคำพูดใดๆ
สีหน้าของซือเทียนแย่มาก ดวงตาคู่นั้นของเขาจับจ้องไปยังชู่มู่ พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกเจ้าคิดว่าตัวเองจะคว้าเกียรติสุดท้ายมาได้เหรอ ฝันไปเถอะ !!!”
“ทำไม เจ้าคิดว่า เจ้าคนเดียวจัดการพวกข้าได้” เย้หวันเชิงเองก็ชอบรังแกคนอื่น โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามยังเป็นซือเทียนที่ชื่อเสียงเลื่องลือ
ทำให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นสองหมดทางสู้ เย้หวันเชิงรู้สึกสะใจอย่างมาก
ซือเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น กลับถอยเข้าไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยรูปแกะสลัก
“ในเมื่อข้ามีวิธีไม่ทำให้ผู้เฝ้าเหล่านี้ฟื้นขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็มีวิธีทำให้ผู้เฝ้าเหล่านี้ฟื้นขึ้นมาได้ ผู้เฝ้าเหล่านี้เฝ้าแท่นบูชาแห่งนี้อยู่ ตอนนี้พวกเจ้าแค่ออกจากลานกว้างแห่งนี้ จะต้องฆ่าผู้เฝ้าอย่างน้อยสิบห้าตัว ดังนั้น พวกเจ้าตายแน่ !” ซือเทียนถอยหลังเรื่อย ๆ ระหว่างที่ถอยหลังได้เก็บดวงวิญญาณสามตัวที่เหลือกลับเข้าช่องว่างดวงวิญญาณ เหลือเพียงอสูรเชิญหงส์
อสูรเชิญหงส์ไม่สู้กับมารนิรยขาวอีกต่อไป กลับไปข้างซือเทียนอย่างรวดเร็ว
“โฮร่ โฮร่ !!!”
ทันใดนั้น อสูรเชิญหงส์ของซือเทียนส่งเสียงคำรามขึ้น !!!
เกราะแสงแต่ละเกล็ดส่องประกายร้อนระอุออกมา แสบตาขึ้นเรื่อย ๆ !!!
ในไม่ช้า แท่นบูชาอสูรเลือดทั้งแห่งถูกปกคลุมด้วยแสงนี้ แสบตายิ่ง แม้แต่ลืมตายังลำบาก !
“เดิมคิดจะได้ผลึกเครื่องในของอสูรเลือดตัวนั้นก่อน แล้วค่อยจัดการพวกเจ้าอย่างช้า ๆ ในเมื่อพวกเจ้าหาที่ตายเอง ก็อย่าโทษข้า !!!” เสียงของซือเทียนดังขึ้นในก้อนแสงนี้กะทันหัน !
ประกายสีขาวนี้ทะยานขึ้นฟ้าช้า ๆ พอถึงจุดสูงสุดได้รวมตัวเป็นก้อน ทันใดนั้น ท่ามกลางก้อนแสงมีประกายที่เหมือนดาบแสงกระจายออก สาดลงลานกว้างแห่งนี้ !
“โครม”
วินาทีที่ประกายสาดส่อง ทั้งลานกว้างกลับเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กลิ่นไอหมวดหินมหาศาลกระจายทั่วลานกว้าง !!!
“เกิด…เกิดอะไรขึ้น !!!” เหล่าผู้เข้าแข่งขันวังดวงวิญญาณที่อยู่ด้านนอกร้องขึ้น
แสงอันแสบตานี้ ทำให้พวกเขาเห็นว่ารูปปั้นในลานกว้างเริ่มเคลื่อนไหว !
“ผู้เฝ้าหิน…พวกนี้…ผู้เฝ้าหินพวกนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว !” คนของวังดวงวิญญาณร้องขึ้น
และแล้ว ในตอนที่ผู้เฝ้าหินเหล่านี้ลืมตาสีเขียวขึ้น ตอนที่กระจายไปทั่วลานกว้างนี้ราวกับแสงดาว สิ่งที่เห็นในสนามนี้ทำให้ทุกคนลืมหายใจ !
นี่เป็นผู้เฝ้าหินนับร้อยพัน พวกเขาในตอนนี้กำลังฟื้นขึ้นมา !!!
ความสามารถของผู้เฝ้าหินแต่ละตัวอยู่ในจักรพรรดิขั้นต่ำลักษณะสิบ จักรพรรดิขั้นต่ำนับร้อยพัน นี่เป็นภาพที่น่ากลัวเพียงใด !!!
“เร็ว !!! พวกเราออกจากที่นี่ให้ไว อย่าถูกผู้เฝ้าหินเหล่านั้นเพ่งเล็ง มิฉะนั้น พวกเราตายแน่ !” อู๋ชิ่งเห็นภาพนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที !!!
ความสามารถผู้เฝ้าหินทุกตัวไม่ด้อยกว่าดวงวิญญาณของพวกเขา ทั้งสนามนี้มีผู้เฝ้าหินไม่แปดร้อยก็พันตัว นี่เป็นกองทัพผู้เฝ้าหินที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่สุด ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งมากเพียงใดก็ต้านทานไม่ได้ !
“ฮะฮะ รอให้พวกเจ้าตายหมด ข้าค่อยกลับมาเก็บศพพวกเจ้า !” ซือเทียนหัวเราะออกมา เก็บอสูรเชิญหงส์กลับเข้าช่องว่างดวงวิญญาณ แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังกองทัพผู้เฝ้าหินที่มุ่งหน้านี้ !
มองดูผู้เฝ้าหินที่ฟื้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซือเทียนยิ้มมุมปาก แอบขอบคุณฉิงเย้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะฉิงเย้บอกเรื่องเกี่ยวกับผู้เฝ้าหินและแท่นบูชาอสูรเลือดนี้ให้ตัวเองรู้ อีกทั้งได้บอกวิธีไม่ถูกผู้เฝ้าหินโจมตีด้วย เขาคงไม่อาจทำการโต้ตอบสวยงามแบบนี้ได้ !
ดังนั้น ถ้าได้เกียรติสุดท้าย ซือเทียนจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับฉิงเย้ที่ชี้แนะตัวเอง
ทว่า ตอนที่ซือเทียนเดินมุ่งหน้าเหมือนจะไม่พบเห็นว่า ผู้เฝ้าหินที่มีร่างแข็งแรงกว่าบางตัว กำลังใช้ดวงตาสีเขียวของพวกเขาจับจ้องไปยังเขา
และเขายังคงเดินไปยังระหว่างผู้เฝ้าหินโดยไม่คิดว่า จะถูกโจมตี และแทบไม่สังเกตเห็นดวงตาพิเศษเหล่านั้น…