Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 557
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 557
มิติด้านในผนึกไร้เดือนและตะวัน ราวกับถ้ำไร้ที่สิ้นสุดปราศจากแสงใด ๆ สิ่งที่เห็นนี้กลับเป็นความมืดและความเยือกเย็นที่ขุ่นมัว พื้นที่ที่เคลื่อนไหวได้กลับมีจำกัดอย่างมาก
ไฟปีศาจบนตัวปีศาจขาวกับองค์หญิงปีศาจขาวสาดส่อง ทำให้มองเห็นโครงร่างประหลาดของมิตินี้ได้บ้าง
ทั้งมิตินี้เหมือนโลกครึ่งวงกลม พื้นที่เล็ก ๆ แบบนี้ก็มีแค่เท่าที่ประกายไฟปีศาจสาดส่องเท่านั้น
มิติผนึกนี้อึดอัดอย่างมาก เย้ชิงจือ เย้หวันเชิง และองค์หญิงจิ่งโหลวรวมถึงดวงวิญญาณของพวกเขาต่างอยู่ในความเงียบ ทำให้มิตินี้ดูอ้างว้างลึกลับกว่าเดิม
ในตอนนี้ พวกเขาต่างรู้ว่าชู่มู่กับมั่วเย้ไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่นอน ที่ทำให้พวกเขาผวาไม่ได้เป็นแค่ชู่มู่ที่ตกอยู่ในความตายเท่านั้น ยังมีมั่วเย้ที่ลุกโชนความสามารถพุ่งเข้าไปในกองทัพร้อยพันนั้นลำพังด้วย
ต่อให้มั่วเย้ลักษณะเก้าขั้นกลางจะมีผลต่อเนื่องของเชิญปีศาจจันทรา ความสามารถก็เทียบเท่าแค่กับผู้เฝ้าหินจักรพรรดิขั้นต่ำตัวเดียวเท่านั้น
อย่างมาก มันทำได้แค่รับมือกับผู้เฝ้าหินแค่ตัวเดียว แต่พื้นที่ที่มันพุ่งออกไป กลับมีผู้เฝ้าหินแบบนี้หนึ่งพัน ตัว !
นี่เป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ ด้วยสติปัญญาของมั่วเย้ มันไม่มีทางไม่รู้ว่าการพุ่งออกไปแบบนี้ไร้ความหมายใด ๆ อีกทั้งมันอาจยากที่จะพุ่งไปตรงหน้าชู่มู่ก็ได้
แต่ว่ามันยังคงพุ่งออกไป เหมือนไม่มีเหตุผลใด ๆ !
ริมฝีปากขององค์หญิงจิ่งโหลวจะกัดขาดแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามั่วเย้เป็นดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง
ความจริง สิ่งมีชีวิตที่แปรเปลี่ยนต่อเนื่องได้อย่างมั่วเย้ เป็นการมีอยู่ที่เกินกว่ามนุษย์แล้ว ต่อให้ตอนนี้มันเป็นดวงวิญญาณของชู่มู่ แต่จากสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่แล้ว สิ่งมีชีวิตสูงส่งแบบนี้ได้กลายเป็นดวงวิญญาณของชู่มู่ ก็เป็นแค่การพึ่งพาเท่านั้น หลังจากร้อยปีผ่านไป ในตอนที่ผู้คุมดวงวิญญาณอย่างชู่มู่แก่ชราแล้วตายจากไป มันกลับยังมีชีวิตอยู่ เริ่มก้าวสู้เส้นทางชีวิตที่สูงส่งกว่าเดิม
ดังนั้น องค์หญิงจิ่งโหลวเข้าใจเป็นอย่างดี มองจากมุมมองของสิ่งมีชีวิตนี้ มนุษย์อาจเป็นเจ้าของดวงวิญญาณ แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตสูงส่งแล้ว มนุษย์เป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยให้มันเติบโตได้เร็วขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีราชันอายุนับพันปี อีกทั้งยังมีการมีอยู่ซึ่งสูงกว่าราชันอยู่ การเป็นดวงวิญญาณของมนุษย์แบบนี้ อาจเป็นแค่ขั้นแรกของสิ่งมีชีวิตแบบนี้เท่านั้น…
ความสัมพันธ์ระหว่างดวงวิญญาณกับมนุษย์ไม่ใช่นายกับทาส องค์หญิงจิ่งโหลวเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ไม่มีชู่มู่แล้ว มั่วเย้ที่ฝ่าฝืนกฎของสิ่งมีชีวิตยังเติบโตต่อไปได้ กลายเป็นการมีอยู่สูงสุดของสิ่งมีชีวิต มันจะแปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง จนถึงระดับราชัน หรืออาจเกินกว่าราชัน อีกทั้งกลายเป็นเจ้าของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เป็นการมีอยู่เช่นเดียวกับพระเจ้า…
สติปัญญาเติบโตเต็มที่ อีกทั้งเป็นจิ้งจอกอัคคีเก้าหางมงกุฎเพลิงที่รู้ว่าตำแหน่งของตัวเองควรตัดสินใจอย่างไร
แต่ว่ามั่วเย้ยังคงตัดสินใจอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ นี่กลับทำให้ในใจคนอื่นไม่เข้าใจอย่างมาก
หลังจากสัญญาวิญญาณตัดขาด ต่อให้ดวงวิญญาณจะสนิทสนมกับผู้คุมดวงวิญญาณมากเพียงใด ยังคงมีชีวิตต่อไปได้ ส่วนการกระทำแบบนี้ของมั่วเย้เท่ากับว่าหลังจากผู้คุมดวงวิญญาณตายไป จะจบชีวิตสูงส่งยิ่งของตัวเองไปพร้อมกับผู้คุมดวงวิญญาณ !
…
“ในนี้น่าจะมีอสูรเลือดเกียรติสุดท้ายผนึกอยู่ ทำไมไม่มีอะไรเลย” เสียงของเย้หวันเชิงได้ทำลายความเงียบในที่สุด
เย้หวันเชิงก็รู้ว่า ครั้งนี้ชู่มู่ตายแน่นอน
เย้หวันเชิงเองก็เป็นคนที่มีสติคนหนึ่ง รู้ว่าตอนนี้เศร้าเรื่องชู่มู่กับมั่วเย้ไปก็ไร้ความหมาย อย่างไรเสีย พวกเขาควรคิดว่า ชู่มู่แลกโอกาสนี้ด้วยชีวิตของเขา ก็ควรจะคว้ามันเอาไว้
เย้หวันเชิงได้สำรวจรอบ ๆ แล้ว เขาไม่พบเห็นอสูรเลือดที่ถูกผนึกตัวนั้น เห็นได้ชัดว่า ประหลาดอย่างมาก
เย้ชิงจือเริ่มปิดจมูกที่ส่งเสียงพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาแล้ว เธอในตอนนี้จะสนใจว่า ในนี้มีอสูรเลือดผนึกอยู่หรือไม่ไปทำไม เธอเหมือนคนที่ตกอยู่ในความเศร้าหมอง จากสีหน้าของเธอก็มองออกว่าเธอกำลังบังคับสติของตัวเอง ยิ่งยังคับเท่าไรเธอก็ทนไม่ได้มากเท่านั้น
“ง่ายมาก ถูกพวกเราฆ่าแล้ว”
ทันใดนั้น เสียงเยือกเย็นดังขึ้นในมิติอ้างว้างแห่งนี้
เสียงนี้โดดเด่นอย่างมาก ทำให้ทั้งสามคนตื่นตัวทันที ทั้งสามคนต่างนิ่งอึ้ง แล้วจับจ้องไปยังบริเวณมุมของมิติผนึกแห่งนี้
ในตอนนี้ มิติผนึกแห่งนี้มีเงาสองอัน อันหนึ่งผอมสูง ไฟปีศาจสีขาวที่สาดส่องทำให้เขาซีดขาวอย่างมาก ราวกับศพที่ถูกแช่แข็ง
อีกคนหนึ่งกลับมีสายตาที่อ้างว้าง สีหน้าเยือกเย็นเฉยเมย แต่กลับให้ความรู้สึกทรงพลังบางอย่าง เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลอันตรายคนหนึ่ง !
“เจ้าโง่ซือเทียนกลับทำให้ผู้เฝ้าหินทั้งหมดฟื้นขึ้นมา หาที่ตายเองชัด ๆ โชคดีที่พวกเจ้าก็ไม่โง่ รู้ว่าต้องหลบเข้ามาในมิติแห่งนี้” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากชายผู้เยือกเย็นคนนั้น
ตอนที่เย้ชิงจือเห็นชายคนนี้ กลับรู้สึกหนาวไปทั้งตัว !
คนนี้คือ ผู้แข็งแกร่งขั้นหนึ่งที่ทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าตัวเองกับชู่มู่ในด่านที่แปด ฉิงเย้ !
เย้ชิงจือคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ฉิงเย้จะปรากฏตัวที่นี่ได้ อีกทั้งให้ความรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขา !
“เซี่ยกว่างหาน !!!”
องค์หญิงจิ่งโหลวยักคิ้วขึ้น ดวงตาเยือกเย็นคู่นั้นของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี เซี่ยกว่างหานปรากฏข้างกายองค์หญิงจิ่งโหลว ในตอนนั้นองค์หญิงจิ่งโหลวคิดว่าเขาเป็นคนภักดีต่อตัวเอง แต่หลังจากนั้นมา พบว่าเซี่ยกว่างหานเป็นคนที่โลภมาก เกี่ยวโยงกับอำนาจต่าง ๆ อีกทั้งปรากฏต่อหน้าตัวเองก็เป็นแค่แผนการของเขา
การปรากฏตัวแบบนี้ของเซี่ยกว่างหายทำให้องค์หญิงจิ่งโหลวรู้สึกหวาดกลัว ในตอนที่อยู่เมืองเจี่ย องค์หญิงจิ่งโหลวได้บอกกับชู่มู่ว่า คนที่เป็นองครักษ์ต่างเป็นคนที่มาจับตามองตัวเอง องค์หญิงจิ่งโหลวเองก็ไม่รู้ว่า คนข้างกายตัวเองถูกเซี่ยกว่างหานควบคุมไว้ตั้งแต่ตอนไหน
จนถึงปีสองปีนี้ หลังจากที่องค์หญิงจิ่งโหลวสังเกตเห็นความโลภของเจ้านี่แล้ว ถึงสลัดเจ้านี่ได้เสียที ไม่คิดว่าเขายังคงปรากฏตัวที่นี่ !
“องค์หญิง ข้าเป็นคนให้แผนที่เมืองอมตะกับเจ้า เจ้าพาพวกเขาเข้ามาในมิติที่ไม่อาจหนีออกไปได้นี้แล้ว ไม่ต้องแสดงอีกต่อไปแล้ว พวกเขาได้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว” ใบหน้าซีดขาวของเซี่ยกว่างหานฉีกยิ้มออกมา
คำพูดนี้ของเซี่ยกว่างหานทำให้สีหน้าของเย้ชิงจือกับเย้หวันเชิงเปลี่ยนไปทันที พวกเขาต่างมองไปยังองค์หญิงจิ่งโหลว เผยท่าทีไม่เป็นมิตรออกมา
สองพี่น้องนี้คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า นี่เป็นแผนร้ายที่เซี่ยกว่างหานกับองค์หญิงจิ่งโหลวคิดขึ้นมา เธอจงใจหลอกล่อให้พวกเขาเข้ามาในมิติผนึกแห่งนี้ !
คำพูดนี้ของเซี่ยกว่างหานทำให้องค์หญิงจิ่งโหลวนิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว นัยน์ตาเผยสีแห่งความโกรธเคืองออกมา
องค์หญิงจิ่งโหลวคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เซี่ยกว่างหานจะเชี่ยวชาญด้านการวางแผนถึงระดับนี้ จงใจให้คนอื่นบอกเรื่องแผนที่เมืองอมตะกับตัวเอง แล้วเดาว่าตัวเองจะไปหาชู่มู่ แล้วตกในกับดักของเขา…
ไม่แปลกที่ผนึกมีร่องรอยถูกเปิดออกมาก่อน ไม่แปลกที่องค์หญิงจิ่งโหลวแทบไม่ต้องใช้ร่ายวิญญาณ ผนึกก็หมุนตัวได้ ทั้งหมดนี้มีสาเหตุอยู่ !
“เห็นพวกเจ้าเต็มไปด้วยความสงสัย อย่างไรมีเวลาอีกมาก จะอธิบายให้พวกเจ้าฟัง แผนที่ที่ให้พวกเจ้า เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเจ้ามาถึงแท่นบูชาอสูรเลือดก่อนได้ ข้าได้ทำบางอย่างกับผนึกของแท่นบูชานี้ก่อนแล้ว ไม่ว่าใครในพวกเจ้าเป็นคนเปิดผนึกนี้ จะทำให้ผนึกนี้ดูดคนนั้นเข้ามา ทันทีที่หนึ่งในบรรดาพวกเจ้าตกอยู่ในมิติผนึกนี้ ข้าคิดว่าคนอื่นจะไม่ปล่อยให้คน ๆ นั้นตกอยู่ในผนึกนี้แน่นอน บวกกับองค์หญิงจงใจบอกกับพวกเจ้าว่า ผนึกนี้ไม่แน่นอน สามารถทำลายจากด้านในได้ แบบนี้ พวกเจ้าจะเข้ามาในผนึกนี้อย่างไม่ลังเล และแล้วคนทั้งหมดจะตกอยู่ในกับดักที่ข้าเซี่ยกว่างหานวางไว้…”
เซี่ยกว่างหานยิ้มอย่างเย่อหยิ่งออกมา แล้วพูดต่อว่า “แน่นอนว่า พวกเจ้ามาช้ากว่าที่พวกข้าคิดไว้ และแล้ว ซือเทียนกับเจ้านั่นกลับได้ปะทะกัน ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวมหาศาลแบบนั้นอยู่ด้านนอก”
“ทว่า ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้ายังคงกระโดดเข้ามาในกับดักนี้” เซี่ยกว่างหานหัวเราะออกมา
ก่อนที่คุณท่านหญิงได้บอกเซี่ยกว่างหานว่าจะพาเขาเข้ามาในเมืองอมตะแห่งนี้ เขาได้วางแผนไว้ก่อนแล้ว
และในมิติผนึกแห่งนี้ เซี่ยกว่างหานสามารถอัญเชิญได้ตามใจ บวกกับมีฉิงเย้เป็นผู้ช่วย จัดการพวกเขาได้ง่ายเกินไปจริง ๆ ส่วนชู่มู่กับมั่วเย้เองก็ไม่อาจพ้นจากหายนะได้ง่าย !
“อย่ามองข้าแบบนี้ เขาจงใจสร้างความแตกแยกระหว่างพวกเรา ถ้าข้าคิดจะดึงพวกเจ้าเข้ามาในกับดักนี้ คงไม่บอกเรื่องที่ดวงวิญญาณท่านพ่อของชู่มู่ถูกผนึกไว้ให้ชู่มู่รู้แล้ว และจะไม่มาสายด้วย” องค์หญิงจิ่งโหลวสังเกตได้ว่า พี่น้องตระกูลเย้เผยท่าทีไม่เป็นมิตรออกมา พยายามพูดอย่างใจเย็น
หลังจากได้ยินคำพูดขององค์หญิงจิ่งโหลว เซี่ยกว่างหานเองก็อึ้งเล็กน้อย ไม่คิดว่า คำพูดอวดดีที่สร้างความแตกแยกของเขาจะล้มเหลว อดใจไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ทว่า ไม่เป็นไรแล้ว พวกเขาทั้งหมดจะตกอยู่ในกับดักของเขา !
“ชู่มู่ ข้าเซี่ยกว่างหานเคยพูดว่า จะคืนให้สิบเท่า จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน ตอนนี้เจ้าคงนึกเสียดายที่เป็นศัตรูกับข้าเซี่ยกว่างหานแล้วใช่ไหม !” เซี่ยกว่างหานหัวเราะออกมา กวาดตามองไปยังทั้งสามคนและดวงวิญญาณสิบกว่าตัวนั้น…
มิติผนึกมืดมัวอย่างมาก แม้เซี่ยกว่างหานก็ไม่เห็นชู่มู่ แต่รู้ว่า ชู่มู่ถูกดวงวิญญาณบางตัวบังไว้
“ชู่มู่ ทำไมตอนนี้ถึงหลบ ๆ ซ่อน ๆ ละ ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าท้าสู้ข้าอีกครั้ง…” เซี่ยกว่างหานตะโกนด้วยรอยยิ้ม
ความแค้นในตอนนั้น เซี่ยกว่างหานไม่มีวันลืม ถ้าไม่ได้เป็นเพราะชู่มู่ละก็ หลังจากโครงสร้างดวงวิญญาณใหม่ของเขา ตำแหน่งของเขาในตอนนี้คงเข้าใกล้เจ้าวังอย่างมากแล้ว และได้เข้าสู่ใจกลางของวังมารนิรยอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ต้องมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้แล้ว !
วันนี้ ไม่ว่าอย่างไร เขาเซี่ยกว่างหานต้องทำให้ชู่มู่ทนต่อความเจ็บปวดมหาศาลให้ได้ !
“ชู่มู่ไม่อยู่ที่นี่” เย้ชิงจือพูดอย่างเยือกเย็น
ในตอนนี้เย้ชิงจือไม่ถูกความเศร้าปกคลุม แต่ดวงตาของเธอกลับเผยให้เห็นความแค้นจากใจ !
“ไม่อยู่งั้นหรือ แล้ว…แล้วจิ้งจอกอัคคีเก้าหางมงกฎเพลิงตัวนั้นละ !” เซี่ยกว่างหานเผยท่าทีตกใจออกมา