Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 577
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 577
…
ตัวตนของซูซาไม่ชัดเจน ในเมื่อไม่ชัดเจน ชู่มู่จะคิดว่า เจ้านี่เป็นลูกน้องของเด็กสาวทรยศไว้ก่อน อย่างไรเสีย เด็กสาวทรยศจะไม่มุ่งหน้าไปด่านที่สิบลำพังแน่นอน
“ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ระดับราชัน ทว่า เห็นได้ชัดว่า เธอยังไม่ถึงลักษณะสิบ ความสามารถน่าจะเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอด มั่วเย้ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าคลายผนึกของเจ้าเป็นตัวสกัดของเธอ ถ้าอย่างนั้นก็ดี แค่หาเธอให้เจอ ฆ่าเธอได้ไม่ยากมาก” ชู่มู่บอก
องค์หญิงจิ่งโหลวเห็นชู่มู่พูดคุยกับมั่วเย้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ชู่มู่ บางทีเจ้าอาจชิงเกียรติสุดท้ายด่านที่สิบนี้ไปด้วยก็ได้ รางวัลเกียรติสุดท้ายนี้เป็นดวงวิญญาณราชันตัวอ่อน ต้องรู้ไว้ว่า ดวงวิญญาณระดับราชันตัวอ่อนนี้หาได้ยากมาก การประลองฟ้าดินนี้เป็นโอกาสอย่างหนึ่ง อย่าให้พลาดไป หลังจากนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้ดวงวิญญาณระดับราชันมาแล้ว”
ชู่มู่พยักหน้า ฉีกยิ้มออกมา
ถ้ามีเวลาละก็ ชู่มู่จะลองเข้าชิงเกียรติสุดท้ายด่านที่สิบนี้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นดวงวิญญาณระดับราชัน !
หลังจากทำให้มันถึงลักษณะสิบแล้ว จะมีระดับเท่ากับพวกผู้ที่อยู่ในระดับสิบได้ !!!
…
จุดดาวที่สองเป็นรูปปั้นทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ชู่มู่ปล่อยสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้านี้ออกมาทันที
เช่นเดียวกับที่ชู่มู่คาดการณ์ไว้ สิ่งมีชีวิตผู้เฝ้านี้เป็นดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิชั้นยอดตัวหนึ่งจริง ๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ชู่มู่คงจัดการยากลำบากมาก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว มั่วเย้ไม่ต้องใช้ทักษะ สู้กับมันไม่กี่รอบ ก็ฆ่าสิ่งมีชีวิตผู้เฝ้าระดับจักรพรรดิชั้นยอดนี้ตายได้ ขั้นตอนนี้ง่ายดายอย่างมาก
“อู อู อู”
ปีศาจจิ้งจอกผนึกน้ำแข็งพิฆาตในอ้อมกอดขององค์หญิงจิ่งโหลวมองไปยังชู่มู่ด้วยดวงตาที่กลมโต ส่งเสียงร้องอ้อน
ตอนอยู่เมืองอั่วกู่ ความสามารถของปีศาจจิ้งจอกผนึกน้ำแข็งพิฆาตอยู่เหนือกว่ามั่วเย้แต่ใครจะไปรู้ว่า มั่วเย้เปลี่ยนร่าง กลายเป็นจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด เผชิญหน้ากับจักรพรรดิชั้นยอดที่แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกผนึกน้ำแข็งพิฆาตยังไม่กล้าเข้าไปยุ่ง มั่วเย้กลับจัดการได้อย่างง่ายดาย เป็นปีศาจจิ้งจอกเหมือนกัน ความสามารถกลับต่างกันสิ้นเชิง เจ้าจิ้งจอกน้ำแข็งน้อยเสียความมั่นใจจริง ๆ
องค์หญิงจิ่งโหลวลูบขนของปิงอิ๋งน้อย รู้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังคัดพ้อ
องค์หญิงจิ่งโหลวทำใจไว้แล้วว่า ดวงวิญญาณของชู่มู่จะแปรเปลี่ยนตระกูล แต่ไม่คิดว่า ชู่มู่จะกระโดดข้ามขั้นในช่วงเวลานี้ อาศัยจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดนี้ ที่เหยียดมองวัยหนุ่มทั้งหมดได้
“อย่าเสียใจไป หลังจากลักษณะสิบแล้ว ข้าจะเพิ่มความสามารถของเจ้า เจ้าก็จะมีความหวังอยู่ในระดับราชันได้”องค์หญิงจิ่งโหลวปลอบจิ้งจอกน้อยของตัวเอง
“อู อู” จิ้งจอกน้อยยังคงไม่มีแรง จะเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างไร ก็ไม่ไวเท่าการแปรเปลี่ยนตระกูล
องค์หญิงจิ่งโหลวเห็นชู่มู่จัดการดวงวิญญาณจักรพรรดิชั้นยอดตัวนั้นแล้ว เดินเข้ามาช้า ๆ เปิดแผนที่ออก บอกกับชู่มู่ว่า”พวกเราเดินไปตามเส้นทางนี้จนถึงปราสาทเกียรติสุดท้ายด่านที่สิบนี้ ระหว่างทางจะผ่านบริเวณที่ผนึกดวงวิญญาณท่านพ่อของเจ้า คือที่นี่ เจดีย์ป่ามรณะ”
“อืม ออกเดินทางเถอะ” ชู่มู่พูดพลางกระโดดขึ้นหลังของอสูรสายฟ้านิมิตราตรี พามั่วเย้น้อยในภาวะอาวรณ์เดินมุ่งหน้าต่อไป
ความจริง ชู่มู่สงสัยอย่างมากว่า องค์หญิงจิ่งโหลวมาทำอะไรที่เมืองอมตะนี้ ตอนที่องค์หญิงจิ่งโหลวเดินอยู่ด้านหน้า ชู่มู่เริ่มคาดเดาจากท่าทีของเธอ
“ชู่มู่…” องค์หญิงจิ่งโหลวหันกลับมา พบว่าชู่มู่กำลังจับจ้องมายังตัวเอง หยุดพูดทันที
ชู่มู่เผยสีหน้าเขินอายออกมา ท่าทางการใช้ความคิดของตัวเองทำให้องค์หญิงจิ่งโหลวคิดว่า กำลังจับจ้องตัวเธอแล้ว
ชู่มู่จำต้องยอมรับว่า องค์หญิงจิ่งโหลวสวยงามมากจริง ๆ สมบูรณ์แบบจนทำให้สติเลื่อนลอยและเผลอจินตนาการไปไกลได้ ใส่ผ้าปิดหน้าไว้แบบนี้ ปกปิดความงามของเธอ ยิ่งทำให้เกิดความอยากที่จะเห็นใบหน้างดงามของเธอ
แต่ว่าตอนนี้ชู่มู่มีเย้ชิงจือแล้ว รู้ว่าเย้ชิงจือต่างหากที่เหมาะกับตัวเอง
ดังนั้น ต่อให้ช่วงนี้ได้อยู่กับองค์หญิงจิ่งโหลวที่ไม่อาจแตะต้องในตอนแรกบ่อยครั้ง แต่จนถึงตอนนี้ ชู่มู่ก็ไม่มีความคิดล่วงเลยกับองค์หญิงจิ่งโหลวแล้ว
องค์หญิงจิ่งโหลวเองก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว พูดต่อว่า “ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับดวงวิญญาณท่านพ่อของเจ้าที่ถูกผนึกตัวนี้มาบ้าง”
“อืม เจ้าว่ามาเถอะ ข้าก็อยากรู้” ชู่มู่ก็ไม่ปกปิด อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ตัวเองไม่ได้คิดไปไกล
องค์หญิงจิ่งโหลวมองไปยังชู่มู่ ไม่แสดงอะไรออกมา แต่ความจริงแอบคิดในใจว่า ชู่มู่นี่หน้าด้านจริง ๆ เลย แอบมองอยู่ยังทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าไม่รู้ว่าตัวเองมีผู้หญิงของตัวเองอยู่แล้ว แล้วผู้หญิงของตัวเองยังอยู่ในอันตราย ใจร้ายเหลือเกิน !
“เรื่องที่ชู่เทียนหมังถูกสั่งต้องห้ามนี้ถูกองค์กรวิญญาณปิดไว้เป็นอย่างดี ขั้นตอนทั้งหมดคงมีแค่คนที่อยู่ตรงนั้นถึงจะรู้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับดวงวิญญาณในเมืองอมตะนี้ ถ้าไม่ผิดละก็ น่าจะเป็นมังกรวายุอลวนของชุ่เทียนหมัง” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
“มังกรวายุอลวน !”
ชู่มู่สะเทือนใจอย่างมาก
เป็นมังกรวายุอลวนจริงด้วย ! เมื่อก่อนตอนที่ได้ยินท่านพ่อของตัวเองพูดถึงดวงวิญญาณต่าง ๆ ชู่มู่พบว่า ทุกครั้งที่ชายแก่คนนี้พูดถึงดวงวิญญาณบางตัว มักจะเผยสีหน้าโศกเศร้าออกมา
เมื่อก่อนชู่มูไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ชู่มู่รู้แล้ว นั่นอาจเป็นดวงวิญญาณที่ชายแก่คนนี้เคยมี เคยเดินทางไปทั่วโลกพร้อมกับเขา !
กลุ่มมังกรที่อ่อนแอที่สุด อยู่ในระดับจักรพรรดิเป็นอย่างน้อย อีกทั้งกลุ่มมังกรส่วนใหญ่ในระดับจักรพรรดิมักเป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งยิ่ง แม้จะไม่มีชื่อเสียงเท่าจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดจักรพรรดิสมบูรณ์แบบนี้ แต่ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียบทานในจักรพรรดิ !
“ตอนแรกมังกรวายุอลวนตัวนี้ควรจะถูกปล่อยไป หลังจากนั้นเทียนทิงองค์กรวิญญาณได้เพิ่มโทษให้มันอย่างไร้สาเหตุ โทษนี้ทำให้มังกรวายุอลวนตัวนี้ถูกผนึกไว้ในเมืองอมตะแห่งนี้ เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
“เทียนทิงองค์กรวิญญาณ…ประธานสี่ที่นั่งแห่งฟ้าดิน เจ้าลองบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนนี้” ชู่มู่ถามขึ้นพร้อมขมวดคิ้ว
“ที่นั่งแห่งฟ้าดิน นี่เป็นวิธีพูดของเมืองเทียนเซี่ย ความจริงความสามารถของที่นั่งทั้งสี่ยังห่างจากราชาอย่างมาก ไม่พูดเรื่องนี้ก่อน พูดเรื่องของเทียนทิงเถอะ” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดต่อว่า “เทียนทิงเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถโดดเด่นคนหนึ่งที่ต่ำกว่าสิบหกนักยอดขององค์กรวิญญาณ ได้ข่าวว่าเขามีความสามารถที่ประลองกับสิบหกนักยอดได้…”
ชู่มู่รู้ว่า ข่าวที่องค์หญิงจิ่งโหลวบอกเป็นเรื่องจริงที่สุด ต่างจากข่าวที่ตัวเองได้ยินมาจากในเมืองแน่นอน
“เรื่องนั้นก็เป็นแค่ข่าวลือ อย่างน้อยความสามารถของเทียนทิงไม่อาจเทียบกับท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณของพวกเจ้าได้ จากที่ข้ารู้มา ความสามารถของเขาอยู่ระหว่างระดับผู้อาสุโสขั้นกลาง เขาถูกส่งมาจากเมืองว่านเซี่ยง เดิมทีมีตำแหน่งพอกับสิบหกนักยอด แต่หลังจากมาถึงเมืองเทียนเซี่ยได้รับตำแหน่งที่นั่งทั้งสี่ นี่อาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทะเลเหิง…”
“เทียนทิงเกิดที่เมืองว่านเซี่ยง เขาที่อวดดีมักดูถูกผู้แข็งแกร่งที่มาจากการประลองฟ้าดิน ท่านพ่อของเจ้าชู่เทียนหมังมาจากการประลองฟ้าดินนี้ ได้รับคำท้าทายและดูถูกจากเทียนทิง และชู่เทียนหมังได้ชนะเทียนทิ้งอย่างหมดจด อีกทั้งฆ่าดวงวิญญาณหลักตัวหนึ่ของเทียนทิงด้วยความโกรธ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองคนนี้มีความแค้นต่อกันอย่างมาก ในตอนที่ชู่เทียนหมังหมดอำนาจลง เขาได้เพิ่มโทษให้กับมังกรวายุอลวนที่ควรจะถูกปล่อยไป สุดท้ายจึงถูกผนึกไว้ในเมืองอมตะแห่งนี้”
หลังจากที่ชู่มู่ได้ฟัง ยิ่งเกิดความสะเทือนใจมากขึ้น เขาไม่คิดว่า ความสามารถของชู่เทียนหมังในตอนนั้นกลับเอาชนะเทียนทิงหนึ่งในสี่ที่นั่งในวันนี้ได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นคนที่มีหวังจะสืบทอดตำแหน่งสิบหกนักยอดด้วย ถ้าอย่างนั้น ยุคที่ชู่เทียนหมังรุ่งเรืองจะแข็งแกร่งมากเพียงใด
ยากที่จะเจอคนที่เข้าใจท่านพ่อของตัวเอง ชู่มู่ได้ถามความสงสัยในใจออกมา
“ตอนที่ท่านพ่อเจ้ารุ่งเรืองที่สุด…เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้มากเท่าไร โดยหลักเป็นเพราะท่านพ่อของเจ้าทำผิดไม่น้อย องค์กรวิญญาณได้ปิดข่าวเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับเขา ข้าเดาว่า ในรุ่นวัยเดียวกันน่าจะมีไม่กี่คนที่เอาชนะเขาได้” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดพร้อมกับใช้ความคิดไปด้วย
สิ่งที่องค์หญิงจิ่งโหลวรู้มีจำกัด ชู่มู่เองก็ไม่สามารถรู้ความจริงได้ ทำได้แค่รู้เรื่องคร่าว ๆ ของมังกรวายุอลวนก่อน
มังกรวายุอลวนเป็นดวงวิญญาณที่ชู่เทียนหมังได้มาทีหลัง ในตอนที่ถูกผนึกพึ่งจะอยู่ในลักษณะสิบได้ไม่นาน นับว่าเป็นดวงวิญญาณที่มีความสามารถค่อนข้างน้อยในบรรดาดวงวิญญาณของชู่เทียนหมัง แต่กลับมีความสามารถแฝงอย่างมาก เพราะเป็นถึงกลุ่มมังกร !
ชู่มู่เองได้นึกถึงประโยคที่ชู่เทียนหมังพูดเกี่ยวกับมังกรวายุอลวน
“มังกรวายุอลวน ลำตัวเป็นสีเงินเทา สูงใหญ่แข็งแกร่ง….
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่ง มีเพียงอาหารที่ได้มาหลังการต่อสู้ พวกมันถึงจะกินลงท้อง….
อารมณ์ของพวกมันในตอนที่ดีอ่อนโยนราวกับลมในใบไม้ผลิ ตอนที่ร้ายจะเหมือนกับพายุสร้างมหันตภัย….
พวกมันเหมือนสายลมที่รักอิสระของพวกมัน ชอบเหินระหว่างหุบเขา ยอดเขาสูง บินผ่านชั้นเมฆ….”
…
นึกถึงมังกรวายุอลวนตัวหนึ่งที่สูงส่ง บินเหินอยู่บนท้องฟ้านี้ต้องถูกผนึกไว้ในพื้นที่คับแคบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแบบนั้น ไร้อิสระที่พวกมันต้องการ อีกทั้งการผนึกแบบนี้เป็นเวลาสิบกว่าปี นึกถึงตรงนี้ ชู่มู่ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ
ในตอนนี้ ชู่มู่ก็ไม่รอช้า หวังว่าจะรีบปล่อยมังกรวายุอลวนออกมา ให้มันได้เหินฟ้าอีกครั้ง ท่องไปยังฟ้าอันกว้างใหญ่อย่างอิสระราวกับสายลม…
…
เจดีย์ป่ามรณะห่างออกไปไม่ไกล ตอนที่ถึงวันที่สี่ ชู่มู่ได้ไปถึงที่นั่นแล้ว
ความจริงเจดีย์ป่ามรณะได้ชื่อจากกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่มียอดสีดำมากมาย เจดีย์สีดำแต่ละแห่งมีความสูงถึงสามสิบเมตร ตั้งชันอยู่ในชั้นเมฆเหมือนดาบสีดำ เต็มไปด้วยพลัง !
“อู อู”
ตอนที่ชู่มู่กำลังจะก้าวเข้าไปในเจดีย์แห่งป่ามรณะ มั่วเย้น้อยได้ส่งเสียงเล็ก ๆ ขึ้น เตือนชู่มู่ว่า บริเวณนั้นมีคนอื่นอยู่
ชู่มู่กับองค์หญิงจิ่งโหลวซ่อนตัวทันที แอบสังเกตสถานการณ์ของที่นั่น
หลังจากผ่านไปสักพัก ชู่มู่เห็นผู้คุมดวงวิญญาณที่วนเวียนอยู่บริเวณเจดีย์ป่ามรณะ เหมือนกำลังตามหาบางอย่าง
“พี่ลี่ฮวัง ข่าวของเจ้าไม่มีผิดจริงเหรอ ในเจดีย์ป่ามรณะนี้มีมังกรวายุอลวนถูกผนึกไว้อยู่งั้นหรือ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้น
“ไม่ผิดแน่นอน เลือดมังกร หัวใจมังกรของมังกรวายุอลวนนี้ จะเป็นอาหารบำรุงให้มังกรจำศีลมรกตของข้าได้ อาจมีผลึกวิญญาณอยู่ด้วยก็ได้ !”
เสียงของลี่ฮวังดังขึ้น หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชู่มู่กำหมัดแน่นทันที !
ชู่มู่ยังคิดเรื่องเกี่ยวกับมังกรจำศีลมรกตตัวนั้นอยู่ ไม่คิดว่าลี่ฮวังนั่นได้ปรากฏตัวที่นี่แล้ว อีกทั้งยังมีความคิดต่อมังกรวายุอลวนด้วย ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ !