Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 583
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 583
มังกรจำศีลน้อยเพิ่งเกิด พลังของมันก็มีจำกัดมาก มันปีนไปปีนมา หลังจากกระโดดไปมาแล้ว ก็เริ่มเหนื่อย หมอบอยู่บนไหล่ของชู่มู่กำลังจะหลับไป
ชู่มู่รู้ว่าให้เจ้าตัวเล็กหมอบอยู่บนไหล่ของตัวเองแบบนี้ไม่ปลอดภัย ในตอนนี้ได้เก็บมันกลับไปยังช่องว่างจับวิญญาณของตัวเอง
เจ้าตัวเล็กยังอยู่ในขั้นของเด็กทารก หลังจากผ่านไปไม่กี่วันจะเข้าสู่ลักษณะขั้นของการลอกคราบ แบบนั้นถึงจะทำสัญญาวิญญาณได้ ดังนั้น ชู่มู่ทำได้แค่เก็บมันไว้ในช่องว่างจับวิญญาณก่อน
ในช่องว่างจับวิญญาณปลอดภัยและสบายมาก เจ้าราชันน้อยนี้นอนได้อย่างสบายใจ สำหรับมันแล้ว ทั้งช่องว่างจับวิญญาณนี้เหมือนเตียงยักษ์ใหญ่ มันผลิกตัวไปมาได้ตามใจ
หลังจากมังกรจำศีลน้อยนอนแล้ว น่าจะอยู่ในลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งได้ ต่อจากนี้ชู่มู่ต้องคอยดูแลมันอย่างช้า ๆ อีกไม่กี่ปี มังกรจำศีลน้อยจะแข็งแกร่งกว่ามังกรจำศีลมรกตที่เมืองหลีแน่นอน อีกทั้งเข้าใกล้ระดับเดียวกับมังกรจำศีลอัมพรมรกต หรืออาจอยู่ในระดับที่เกินกว่ามังกรจำศีลอัมพรมรกตก็ได้ !
…
“ใช่แล้ว ชู่มู่ ในเมืองอมตะนี้มีวัตถุวิญญาณพิเศษอย่างมากอันหนึ่ง” องค์หญิงจิ่งโหลวนึกบางอย่างขึ้นมาได้ พูดกับชู่มู่
“หืม” ชู่มู่ยักคิ้วขึ้น ในเมื่อองค์หญิงจิ่งโหลวเงินทุนแน่นหนาบอกว่า เป็นของพิเศษ ย่อมเป็นของไม่ธรรมดาแน่นอน !
“บ่อน้ำอมตะ” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
องค์หญิงจิ่งโหลวเองได้รู้เรื่องบ่อน้ำมรกตนี้โดยบังเอิญ ถ้าไม่เห็นมังกรจำศีลน้อย องค์หญิงจิ่งโหลวคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“บ่อน้ำมรกตนี้ทำให้การเติบโตของดวงวิญญาณไวขึ้นห้าเท่าได้ เท่ากับว่า เดิมอาจต้องใช้เวลาสิบปีถึงจะลอกคราบเป็นสิ่งมีชีวิตลักษณะสิบ กลับใช้เวลาแค่สองปีก็พอ ดวงวิญญาณระดับราชันก็ใช้ได้” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดต่อ
ตาของชู่มู่เป็นประกายทันที พูดอย่างตื่นเต้นว่า “มีสมบัติแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ !”
การเติบโตด้วยความเร็วห้าเท่า สำหรับผู้คุมดวงวิญญาณที่เพิ่งได้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งแล้ว เป็นสมบัติอันล้ำค่าอย่างมาก !
ถ้าให้เจ้ามังกรจำศีลน้อยกิน เท่ากับว่าในเวลาหนึ่งถึงสองปีนี้ชู่มู่จะมีดวงวิญญาณราชันลักษณะสิบอีกตัวหนึ่ง !
“เจ้านี่เป็นสิ่งที่มีราคาแพงที่สุดในเมืองอมตะแห่งนี้ ราคาไม่ด้อยไปกว่าดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชัน ทว่า ไม่มีใครรู้ว่าบ่อน้ำอมตะนี้อยู่ที่ใด รวมถึงประธานที่นั่งทั้งสี่ เกรงว่าคนเดียวที่รู้คงมีแค่ราคา หลีหง” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
พอองค์หญิงจิ่งโหลวบอกแบบนี้ ชู่มู่นึกถึงหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศทันที
ชู่มู่ฉลาดมาก มักเชื่อมเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกัน แล้วทำการวิเคราะห์ออกมาได้
การปรากฏของบ่อน้ำอมตะ ทำให้ชู่มู่รู้สึกว่า นี่อาจเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศ
โดยปกติดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันจะอยู่ในระดับเทียบเท่าราชัน สำหรับหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศที่มีความสามารถดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีค่าแน่นอน แต่อาจไม่สำคัญมาก ไม่จำเป็นต้องวางแผนนานขนาดนี้
ถ้าบอกว่าในเมืองอมตะแห่งนี้มีวัตถุวิญญาณล้ำค่าอย่างบ่อน้ำอมตะนี้ เหมาะจะเป็นเป้าหมายของหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศอย่างมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าบอกว่าบ่อน้ำอมตะนี้มีผลต่อสิ่งมีชีวิตระดับราชันด้วย ถ้าอย่างนั้นใช้กับราชันขั้นสูง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงประโยชน์ของมันแล้ว !
…
…
เนินเมฆดำด่านที่สิบ
เนินเมฆดำนี้คือเขตปราสาทโบราณที่ชู่มู่เห็นจากที่ไกลก่อนหน้านี้
ความจริงพื้นที่นี้กว้างขวางอย่างมาก เนินเมฆดำนี้มีความยาวหลายกิโลเมตร
บนเนินนี้มีศิลามากมายตั้งชันอยู่ราวกับป้ายหลุมศพ ศิลาแต่ละก้อนคือผนึกหนึ่งอัน คิดจะเข้าไปในปราสาทโบราณ จำต้องกวาดล้างสิ่งมีชีวิตที่ผนึกในนี้ก่อน !
ด้านล่างเนินเมฆดำ ผู้หญิงสวนชุดดำขนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลมพัดพาตีบนตัวเธอ เผยให้เห็นความเยือกเย็นดุร้ายของเด็กสาวคนนี้ !
เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาอ้างว้างคู่นั้นจับจ้องไปยังปราสาทโบราณแห่งนั้น มองดูเหมือนรูปปั้น
“คุณท่าน ได้บ่อน้ำอมตะแล้ว” ในตอนนี้ ชายคนหนึ่งชันเข่าต่อหน้าเธอ ก้มหัวด้วยความภักดี
ชายคนนี้คือม้ามืดขั้นหนึ่ง ซูซา เขาเป็นคนที่รับใช้หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศตั้งแต่แรก อีกทั้งเป็นลูกมือแข็งแกร่งที่สุดในขั้นหนึ่งของเด็กสาวทรยศ
ซูซาสามารถผ่านเข้ารอบมาได้ตลอด มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก แต่ไม่มีใครรู้ว่า ความจริงเธอกำลังรับใช้ผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีชื่อปรากฏในป้ายเทียนเซี่ย ตอนนี้ซูซากำลังชันเข่าตรงหน้าผู้หญิงคนนี้ เขาที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองทำได้แค่มองไปยังชายกระโปรงสีดำที่พลิ้วไหวไปตามสายลมของคุณท่านหญิง
ในใจของซูซา คุณท่านหญิงเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา นอกจากบ่อยครั้งที่ดูไร้ชีวิตแล้ว สิ่งอื่นแทบไม่อาจใช้คำพูดใด ๆ มาบรรยายความงามได้ เขาภักดีต่อคุณท่านหญิงจนถึงขั้นที่คลั่งไคล้แล้ว
“สิ่งนี้ควรได้มาตั้งแต่หกปีก่อนแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเจ้านั่นมาก่อกวน คงไม่ต้องรอให้ถึงตอนนี้ !” คุณท่านหญิงพูดอย่างเยือกเย็น
ความจริงคุณท่านหญิงรู้เรื่องทั้งหมดของเมืองอมตะแล้ว ปกติเมืองอมตะถูกปิดไว้ตลอด อีกทั้งมีกฎพิเศษชัดเจน หากมีการเคลื่อนไหวอะไร ฝ่ายจัดการประลองจะรู้ทันที มีเพียงรอให้เปิดการประลองฟ้าดิน รอให้ถึงด่านที่เก้ากับสิบ เมืองอมตะถึงจะนับว่า “เปิด” อย่างเป็นทางการ
ส่วนเธออาศัยโอกาสนี้ เข้ามาชิงบ่อน้ำอมตะไปได้อย่างไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ
หกปีก่อน คุณท่านหญิงได้วางแผนชิงบ่อน้ำอมตะนี้แล้ว แต่กลับเป็นเพราะการขัดขวางของคน ๆ หนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดเป็นเรื่องใหญ่ เธอจำต้องวางกลับไปที่เดิม รอให้ถึงการประลองฟ้าดินครั้งนี้
ในเมื่อเคยเอาไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่สองนี้กลับง่ายดายอย่างมาก พูดได้ว่าสิ่งที่เธอขาดเหลือแค่โอกาสที่จะเข้ามาในเมืองอมตะนี้ ทันทีที่เข้ามาที่นี่ บ่อน้ำอมตะนี้ก็อยู่ในมือแล้ว
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผนึกใหญ่บางอย่างถูกเปิดออก เทียนทิงประธานที่นั่งทั้งสี่ปรากฏตัวแล้ว” ซูซาก้มหัวรายงาน
“นั่นเป็นราชันอสูรเลือด ผนึกนั้นไม่ค่อยมั่นคงอยู่แล้ว คนของฝ่ายจัดการประลองยังหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อไปซ่อมโครงสร้างผนึกไม่ได้สักที ตอนนี้ถูกเปิดออก เทียนทิงน่าจะจัดการได้ลำบาก ตัดปัญหาให้พวกเราได้พอดี” คุณท่านหญิงบอก
“ก่อนหน้านี้เทียนทิงเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เผชิญหน้ากับราชันอสูรเลือด ดวงวิญญาณหลักจะได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว…” ซูซาบอก
คุณท่านหญิงไม่สนใจเทียนทิงเท่าไร ลูกมือขององค์กรวิญญาณที่โง่เขลาอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยมาหลายปี กลับไม่รู้เจตนาของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวเทียนทิงแม้แต่น้อย
เห็นคุณท่านหญิงไม่สนใจเทียนทิง เขาทำได้แค่ถามขึ้นเสียงเบาว่า “ตอนนี้พวกเรา…”
“เจ้ารออยู่ที่นี่ให้เซี่ยกว่างหานพาองค์หญิงจิ่งโหลวมาที่นี่” คุณท่านหญิงบอก
หลังจากพูดจบ คุณท่านหญิงก้าวเท้าออก เดินไปยังตำแหน่งของปราสาทโบราณช้า ๆ
ซูซาโค้งคำนับอีกครั้ง จับจ้องไปยังแผ่นหลังอันงดงามของคุณท่านหญิง ผนึกมากมายที่คุณท่านหญิงเดินผ่าน ต่อให้เข้าใกล้มากเพียงใด ผนึกนี้กลับไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ผนึกเนินเมฆดำที่เป็นความยากขั้นสุดของผู้เข้าแข่งขันขั้นหนึ่งนี้กลับเป็นแค่สิ่งประดับเท่านั้น