Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 586
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 586
“เจ้าไม่รู้สึกสมเพชกับความปลอมของตัวเองบ้างเหรอ” ชู่มู่พูดเสียดสี
ให้โอกาสตัวเองมีชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายงั้นหรือ แล้วเรื่องที่เกิดกับเซี่ยกว่างหานในแท่นบูชาอสูรเลือดคืออะไร เซี่ยกว่างหานจะตั้งใจนำแผนที่เมืองอมตะนี้ให้องค์หญิงจิ่งโหลวทำไม
เห็นได้ชัดว่าทั้ งหมดนี้เป็นคำสั่งของเด็กสาวทรยศ มีเพียงเด็กสาวทรยศที่วางแผนมาหลายปีถึงรู้เรื่องทั้งหมดในเมืองอมตะนี้เป็นอย่างดี!
“ข้าไม่เหมือนกับคนอย่างพวกเจ้า ความไม่รู้ของเจ้า พูดกับเจ้ามากไปก็ไร้ประโยชน์” เด็กสาวทรยศบอก
พูดมากไปงั้นหรือ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะอยากหลอกให้ผู้หญิงคนนี้บอกตำแหน่งที่แท้จริง ชู่มู่ขี้เกียจพูดกับผู้หญิงสมองกลวงนี้แม้แต่คำเดียว
ชู่มู่ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเชิดชูตัวเองขนาดนี้ ครึ่งมนุษย์ครึ่งดวงวิญญาณเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจขนาดนี้เหรอ
หรือว่าเธอมีพลังที่ทำให้ดูถูกคนทั้งหมดได้ แต่ว่าถ้าเธอสามารถดูถูกทุกสิ่งได้ ทำไมถึงต้องทำอะไรลับหลังแบบนี้ ในโลกนี้ แค่มีความสามารถแข็งแกร่งพอ มีเหรอจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
ชู่มู่สูดหายใจเข้า พยายามซ่อนความโกรธและความเกลียดชังที่มีต่อเด็กสาวทรยศเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า
“ข้ามีมังกรวายุอลวน ด้วยความสามารถของเจ้าคงจะจัดการมังกรวายุอลวนได้ยาก นอกจากนี้ ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายจัดการประลองหลายคนก็อยู่ในเมืองอมตะแห่งนี้ ต่อให้มังกรวายุอลวนของข้าจัดการเจ้าไม่ได้ แค่ให้มันส่งข่าวไป ก็ทำลายแผนของเจ้าได้อย่างง่ายดายแล้ว….”
“ข้ารู้ว่า ตอนนี้เจ้าเป็นแค่หุ่นเชิด สู้กับหุ่นเชิดไม่มีประโยชน์ ไม่มีค่าเท่าไร ส่วนเจ้าที่ทำให้ข้าโมโห จุดจบของเจ้าก็ไม่สวยแน่ !”
เด็กสาวทรยศไม่ได้พูดอะไร แค่ใช้ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังชู่มู่ เธอรู้ว่าชู่มู่ยังมีสิ่งที่จะพูด
“พ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย ไม่ดีต่อข้าเหมือนกัน แต่ว่าเจ้าครองญาณที่หนึ่งของข้านานเกินไป ทำให้เส้นทางฝึกของข้าถูกควบคุมไว้ตลอด ไม่สามารถใช้ญาณที่หนึ่งได้…”
เด็กสาวทรยศเข้าใจความหมายของชู่มู่แล้ว ท่าทางชู่มู่คิดจะจัดการเรื่องนี้อย่างสันติ
เด็กสาวทรยศคิดทบทวน กังวลว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวงหรือไม่
ความสามารถของชู่มู่เป็นอย่างที่เห็น แม้ข่าวลือของพวกมนุษย์โง่เขลาจะบอกว่าเขาเก่งกาจมากเพียงใดในรุ่นวัยหนุ่ม แต่เด็กสาวทรยศเห็นว่า ต่อให้ผ่านไปสิบปียี่สิบปี ชู่มู่ก็ไม่เป็นอันตรายต่อเธอแม้แต่น้อย อย่างมากก็ขัดขวางเรื่องในเมืองอมตะนี้
“เจ้าจะเลิกสัญญาวิญญาณกับข้างั้นหรือ” หลังจากเด็กสาวทรยศคิดทบทบวน ได้พูดตต่อจากชู่มู่ทันที
เด็กสาวทรยศคิดในใจ “ถ้าชู่มู่จากไปได้ เรื่องนี้จะง่ายขึ้นมาก อีกทั้งข้ามั่นใจว่า จะเอาชนะมังกรวายุอลวนได้ แต่กลับไม่สามารถจับมังกรวายุอลวนไว้ได้ ถ้าทำให้พวกเทียนทิงตกใจละก็ ที่นี่จะถูกคุมอย่างเข้มงวด เรื่องทั้งหมดนี้จะล้มเหลวหมด….”
เด็กสาวทรยศมั่นใจได้ว่า ชู่มู่ไม่รู้แผนการของเธอ แต่เธอกลัวว่า ชู่มู่มาก่อกวน อาจทำให้เธอต้องรออีกหกปี
“อืม นอกจากนี้ ถ้าเจ้าคิดจะเอาชีวิตขององค์หญิงจิ่งโหลวละก็ ข้าไม่ยอม เธอต้องอยู่อย่างปลอดภัย” ชู่มู่พูดไปตามที่วางแผนไว้ เพิ่มเงื่อนไขสมเหตุสมผลด้วย
เงื่อนไขนี้ต้องเพิ่มเข้ามา มิฉะนั้น ที่ชู่มู่ปกป้ององค์หญิงจิ่งโหลวอย่างดีในด่านที่เจ็ด ตอนนี้กลับส่งไปให้ศัตรู แบบนี้จะดูปลอมเกินไป
“เจ้ามุ่งหน้ามาด่านที่สิบสุดแรงแบบนี้ เพื่อให้เลิกสัญญาวิญญาณกับข้าและรับรองความปลอดภัยของเธองั้นหรือ เจ้าเป็นอะไรกับเธอ” เด็กสาวทรยศถามอย่างสงสัย
หลังจากพูดจบ เด็กสาวทรยศมองไปยังองค์หญิงจิ่งโหลว พบว่าองค์หญิงจิ่งโหลวตั้งใจหลบสายตา ไม่ไปมองชู่มู่
เด็กสาวทรยศเป็นคนที่ช่างสังเกตเหมือนกัน เข้าใจความหมายนั้นทันที เห็นได้ชัดว่าระหว่างชู่มู่กับองค์หญิงจิ่งโหลวไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบชายหญิงธรรมดา..
ชู่มู่เห็นเด็กสาวทรยศเข้าใจเองแล้ว มองไปยังองค์หญิงจิ่งโหลว แอบชื่นชมในใจ องค์หญิงคนนี้ฉลาดมากจริง ๆ ตัวเองไม่ต้องบอก เธอก็แสดงละครนี้ไปด้วย…
องค์หญิงแสดงท่าทีความสัมพันธ์ลับ ๆ แต่ไม่อยากถูกเปิดเผยนั้นได้เป็นอย่างดี กำจัดความสงสัยของเด็กสาวทรยศได้บ้าง
“เกียรติสุดท้ายของด่านที่สิบเป็นของข้า ข้าต้องการดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันตัวนั้น นี่เป็นข้อที่หนึ่ง ข้อที่สอง ข้าไม่รู้ว่า เจ้ามีแผนอะไร แต่การหาเรื่ององค์หญิงจิ่งโหลวแบบนี้ ข้าไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บอะไร ข้อที่สาม ระหว่างข้ากับเจ้าควรจบกันตั้งนานแล้ว” ชู่มู่บอก
เหตุผลทั้งสาม เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กสาวทรยศเลือกได้อย่างสมเหตุสมผล
ดวงตาของเด็กสาวทรยศเผยความขบขันออกมา พูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ถ้าเจ้าทำท่าทีแบบนี้ ข้าจะคร่าชีวิจของเจ้าทำไม?”
“ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกดีอะไรทั้งนั้น ข้าบอกเงื่อนไขแล้ว หลังจากตกลง พวกเราเลิกสัญญาวิญญาณกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก ง่ายแบบนี้”ชู่มู่จะไม่แสดงให้ปลอมเกินไป ยังคงทำท่าทีไม่พอใจออกมา
“เรื่องเลิกสัญญาวิญญาณ ตอนนี้ยังไม่ได้ อย่างน้อยให้ข้าจัดเารเรื่องที่นี่ก่อน เรื่องขององค์หญิง ข้าก็แค่อยากยืมสิ่งหนึ่งบนตัวเธอเท่านั้น จะไม่เอาชีวิตของเธอ เจ้าวางใจได้ ส่วนเกียรติของด่านที่สิบ เจ้าอยากได้ก็ให้เจ้า” ตอนที่พูด เด็กสาวทรยศเดินไปยังป้ายหลุมผนึกอันหนึ่งอย่างช้า
ทันใดนั้น ท่ามกลางป้ายหลุมผนึกนี้ส่องประกายผนึกออกมา ท่ามกลางประกายพิเศษแห่งนี้ อสูรเหวร่างใหญ่ปรากฏตัวขึ้น !
นิสัยของอสูรเหวดุร้ายอย่างมาก ทันทีที่เห็นกลุ่มต่างกันจะโจมตีอย่างบ้าคลั่ง เป็นหนึ่งในดวงวิญญาณที่ฝึกยาก
และแล้ว ที่ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจคือ หลังจากอสูรเหวที่ไม่ด้อยไปกว่ามังกรวายุอลวนปรากฏตัวขึ้น กลับหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีอารมณ์ดุร้ายใด ๆ เหมือนกลายเป็นทาสรับใช้ของเด็กสาวทรยศ
“นี่เป็นสิ่งมีชีวิตเกียรติสุดท้ายของด่านที่สิบนี้ คว้าผลึกเครื่องในของมัน เกียรติสุดท้ายด่านที่สิบจะเป็นของเจ้า ตอนนี้มันถูกข้าควบคุมเอาไว้ เจ้าแค่มอบเลือดบางส่วนขององค์หญิงให้ข้าก็พอแล้ว เลือดไม่มาก เติมในขวดนี้ให้เต็ม” ตอนที่พูด ในมือของเด็กสาวทรยศมีขวดเพิ่มขึ้น ขนาดของขวดเท่าฝ่ามือ เรียวยาว ผู้คุมดวงวิญญาณให้เลือดมากขนาดนี้คงไม่เกิดอะไรขึ้น
เธอโยนขวดมา แล้วตกอยู่ในมือของชู่มู่
ชู่มู่รับขวดนี้ มองไปยังองค์หญิงจิ่งโหลว
สีหน้าขององค์หญิงจิ่งโหลวเปลี่ยนเล็กน้อย สายตาซับซ้อนมากขึ้น
ทว่า องค์หญิงจิ่งโหลวยังคงเดินไปข้างชู่มู่ กรีดแขนขาวนั้นออก หยดเลือดลงขวดอย่างรวดเร็ว ท่าทีแน่วแน่อย่างยิ่ง
ชู่มู่มองไปยังองค์หญิงจิ่งโหลวด้วยความรู้สึกผิด เพื่อให้การแสดงสมจริง จำต้องให้องค์หญิงจิ่งโหลวเสียสละเลือดแล้ว
หลังจากเต็มแล้ว ชู่มู่รีบทายาใช้ภายนอกบนข้อมือขององค์หญิงจิ่งโหลว เพื่อห้ามเลือดเอาไว้ องค์หญิงจิ่งโหลวกรีดเส้นเลือดแดง ถ้าไม่ห้ามละก็เลือดจะไหลไม่หยุด…
หลังจากใส่ขวดเรียบร้อยแล้ว ชู่มู่ไม่รีบให้เด็กสาวทรยศ พูดขึ้นว่า “เรื่องสัญญาวิญญาณ จะจัดการอย่างไร วิญญาณและร่างจริงของเจ้าไม่อยู่ที่นี่หมด”
“หลังจากทั้งหมดจบลง ข้าใช้วิญญาณติดต่อข้าได้ ข้าจะเลิกสัญญาวิญญาณกับเจ้า จะรักษาวิญญาณที่ฉีกขาดของเจ้าด้วย เพื่อให้เจ้าหายไวขึ้น” เด็กสาวทรยศจับจ้องไปยังขวดเลือดในมือของชู่มู่แล้วพูดขึ้น
“ข้าไม่เชื่อเจ้า เจ้ามีวิธีตัดการติดต่อวิญญาณระหว่างพวกเรา” ชู่มู่พูดทันที
“นี่เป็นเพราะร่ายวิญญาณของเจ้าต่ำเกินไปเท่านั้น ข้าอยู่เมืองว่านเซี่ยง” เด็กสาวทรยศบอก
“เมืองว่านเซี่ยงงั้นหรืแ” ชู่มู่อึ้งเล็กน้อย เรื่องของเมืองว่านเซี่ยง ชู่มู่รู้แค่คร่าว ๆ เท่านั้น ได้ข่าวว่า ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของมนุษย์จะรวมตัวที่เมืองว่านเซี่ยง….อีกทั้ง ตำหนักสูงสุดของตำหนักวิญญาณ วังมารนิรย และวังดวงวิญญาณอยู่ที่เมืองว่านเซี่ยงด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นั่นเป็นเขตพื้นที่แท้จริงขององค์กรวิญญาณ !
เมืองเทียนเซี่ยเป็นเมืองตั้งต้นในตะวันออก ส่วนเมืองว่านเซี่ยงเป็นเมืองปลายทางของผู้คุมดวงวิญญาณทั้งหมด !
สำหรับผู้คุมดวงวิญญาณมากมายแล้ว การฝ่าน้ำข้ามภูเขา ทะลุผ่านโลกอลวน หากไปถึงเมืองว่านเซี่ยงก็เพียงพอที่จะอวดต่อหน้าคนอื่นแล้ว
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือโกหก” ชู่มู่ถามขึ้น
“ไม่เชื่อ” ตอนที่เด็กสาวทรยศพูด ได้สะบัดมือไปด้วย ทันใดนั้น เกสรดอกไม้สีฟ้าดอกหนึ่งบานออกตรงหน้าชู่มู่อย่างช้า ๆ ท่ามกลางดอกไม้นี้เต็มไปด้วยของเหลวผ่องใสมากมาย ตอนที่สาดส่อง สามารถมองเห็นรูปปั้นได้ !
การปรากฏของรูปปั้นไม่น่าตกใจเท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้ชู่มู่สะเทือนใจคือ ชั้นเมฆที่ลอยอยู่ด้านบนสุดของฟ้า ส่วนด้านหลังกลับเป็นเมืองที่เจริญอย่างมาก เมื่อเทียบกับรูปปั้นนี้แล้ว เมืองนี้กลับดูเล็กมาก !
“นี่เป็นภาพตัวตนที่แท้จริงของข้าเห็น วิญญาณของเจ้ากับข้าติดต่อกัน น่าจะรู้ว่าภาพที่เห็นด้วยกันนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก” เด็กสาวทรยศบอก
สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองว่านเซี่ยง คือรูปปั้นช้างเอราวัณที่ใหญ่เท่าภูเขานั้น !
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นจริง ๆ อีกทั้งในวินาทีที่เห็นภาพร่วมกัน ชู่มู่สัมผัสได้ถึงวิญญาณที่เชื่อมต่อกันอันแผ่วเบาระหว่างตัวเองกับเด็กสาวทรยศ เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
ในเมื่อเห็นภาพร่วมกัน ชู่มู่ยิ่งต้องพยายามจำภาพนี้เอาไว้ เพราะมองรูปปั้นช้างเอราวัณนี้จากมุมนี้ จะตามหาตำแหน่งที่เด็กสาวทรยศอยู่ในเมืองว่านเซี่ยงได้ !
“ช่วงปีนี้ข้าจะอยู่ที่เมืองว่านเซี่ยง เจ้ามาหาข้าได้ทุกเมื่อ หลังจากเจอข้า ข้าจะเลิกสัญญาวิญญาณกับเจ้า ตอนนี้เจ้าก็นับว่ามีตำแหน่งแล้ว ถ้ากลัวว่าข้าโกหก ก็ให้แม่ของเจ้า หรือท่านอาวุโสมาได้ แต่ว่าไม่จำต้องทำแบบนั้น หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว สัญญาวิญญาณของเจ้าไม่มีความหมายกับข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้ตัวข้ามีการติดต่อวิญญาณกับผู้ชายคนหนึ่งแน่นอน” เด็กสาวทรยศบอก
น้ำเสียงของเด็กสาวทรยศยังคงเผยท่าทีเย่อหยิ่งของเธอออกมา เหมือนรู้สึกว่า การมีวิญญาณที่เชื่อมกับชู่มู่กลับทำให้ตัวเธอแปดเปื้อน ทำให้ชู่มู่อดใจไม่ไหวที่จะยิ้มอย่างเยือกเย็น
ยิ้มอย่างเยือกเย็นแบบนี้ ไม่ได้เป็นเพราะน้ำเสียงเย่อหยิ่งของเด็กสาวทรยศ แต่เป็นเพราะเขาทำตามสิ่งที่หวังไว้สำเร็จแล้ว !
ในเมื่อเด็กสาวทรยศบอกว่าตัวเองอยู่ที่เมืองว่านเซี่ยง มีหลักฐานแล้ว ถ้าอย่างนั้น ชู่มู่ก็ไม่ต้องแสดงอีกต่อไปแล้ว !
เด็กสาวทรยศเห็นสีหน้าของชู่มู่ กลับรู้สึกไม่สบายใจ แอบคิดในใจ “หรือว่าเขาคิดจะโกง แต่ต่อให้เขารู้ว่าตำแหน่งของตัวเองแล้วจะทำอะไรได้ ในเมื่อได้ควบคุมเรื่องทั้งหมดของเมืองว่านเซี่ยงแล้ว ต่อให้ชู่มู่เป็นนายท่านตำหนักวิญญาณ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเธอแม้แต่น้อย
ส่วนในตอนนี้ เด็กสาวทรยศยิ่งไม่ต้องกังวล มังกรวายุอลวนตัวเดียวไม่ส่งผลกระทบต่อเธอมากเท่าไร อสูรเหวที่มันควบคุมก็จัดการได้แล้ว ตัวชู่มู่ เธอยิ่งไม่กลัว ส่วนดวงวิญญาณพวกนั้นของชู่มู่ ก็จะมีจิ้งจอกน้อยที่คลายผนึกได้จะเป็นอันตรายต่อเธอบ้าง นอกนั้นแทบไม่มีประโยชน์
แต่ว่าชู่มู่ยังคงฉีกยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้กลับทำให้เด็กสาวทรยศรู้สึกไม่ปกติ
ในที่สุด ชู่มู่เอ่ยปากแล้ว !
ชู่มู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายว่า “ในเมื่อข้ารู้สิ่งที่ควรรู้แล้ว ตอนนี้เจ้าไปตายได้แล้ว !”