Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 593
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 593
ชู่มู่ประหลาดใจมาก มองไปยังผู้แข็งแกร่งที่สวมชุดฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินเหล่านี้ เริ่มตกใจเหตุในเทียนทิงถึงหาเรื่องตัวเอง
ชู่มู่ย่อมรู้ว่า ถ้าไม่เชื่อฟัง เจ้าพวกคนที่ดูเหมือนสุภาพเหล่านี้จะลงมือแน่นอน ชู่มู่รู้สึกได้ว่า เจ้าพวกนี้แข็งแกร่งมาก บวกกับคนอื่นแล้ว คาดว่าตัวเองจัดการไม่ได้
ในเมืองเทียนเซี่ย อำนาจของตำหนักวิญญาณใหญ่กว่าองค์กรวิญญาณมาก เมืองเทียนเซี่ยก็ปลอดภัยมาก ดังนั้นชู่มู่ไม่กลัวว่า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเมืองเทียนเซี่ย ในตอนนี้ได้ถอยกลับไป
ความจริง ก่อนหน้านี้ชู่มู่คิดจะอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยสักพัก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินยังไม่ได้ให้ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันให้ตัวเอง ชู่มู่ไม่ได้กังวลว่าฝ่ายจัดการประลองจะไม่ให้ แต่ถ้าได้ของมาจะสบายใจมากกว่า
แต่ว่าฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินแจ้งว่า ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันอยู่ในขั้นที่เกิดมาได้ไม่นานกำลังปรับตัว ยังไม่สามารถทำสัญญาวิญญาณได้
การเดินทางของชู่มู่ในครั้งนี้ก็เพื่อตามหาทรัพยากร หลังจากได้ทรัพยากรวิญญาณแล้วยังจะกลับมาในเมืองเทียนเซี่ยอีก ถึงตอนนั้นค่อยมารับดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชัน
ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันมีผู้อาวุโสถิงเป็นคนดูแล ชู่มู่ไม่รีบรับไปแล้วจากไป ก็นับว่าเป็นการลดภาระให้ตัวเอง อย่างไรก็ตาม ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันกินวิญญาณเหมือนกัน ถ้ารับมาทันทีจริง ๆ ชู่มู่จะเสียเงินอย่างน้อย สามร้อยล้านต่อวัน ชู่มู่รับไม่ไหวจริง ๆ ดังนั้น เลือกที่จะให้ผู้อาวุโสถิงช่วยตัวเองดูแล
“ได้ ข้ากลับเข้าเมือง ข้าไปไหนในเมืองได้ใช่ไหม” ชู่มู่กวาดตามองไปยังพวกคนเหล่านี้ แล้วถามขึ้น
“ได้ แค่ไม่ออกนอกเมือง ท่านสามารถไปที่ใดก็ได้” ราชันวิญญาณคนนั้นพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ชู่มู่พยักหน้า ไม่สนใจคนพวกนี้อีก กระโดดขึ้นหลังอสูรสายฟ้านิมิตราตรี กลับเข้าไปในเมืองเทียนเซี่ย
หลังจากสี่คนนั้นเห็นชู่มู่กลับเข้าเมือง รอยยิ้มของราชันวิญญาณหายไปทันที พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยทันที” ยังขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรีระดับจักรพรรดิขั้นกลาง ไม่รู้ได้โชคลาภอะไรมา ทำให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งถึงระดับราชันได้…”
…
กลับเข้ามาในเมือง สิ่งแรกที่ชู่มู่จะทำคือไปหานักวิญญาณเฒ่าเต๋อ เพราะถ้าตัวเองถูกสั่งห้ามออกนอกเมือง นักวิญญาณเฒ่าเต๋อจะต้องรู้แน่นอน
ตอนเพิ่งกลับเข้ามาในตำหนักวิญญาณ ชายที่มีรูปร่างธรรมดาแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งนี้เดินออกจากตำหนักวิญญาณ ด้านข้างชายคนนี้ยังมีผู้หญิงอีกสองคน
หนึ่งในนั้นคือ ผู้หญิงที่ชู่มู่รู้สึกเยือกเย็นยิ่งในด่านที่สี่ ที่ฝ่ายจัดการประลองเรียกว่าคุณหญิงซาน
คุณหญิงซานเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นที่หนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุใดถึงไม่ได้เข้าร่วมการประลองฟ้าดิน
คุณหญิงซานเห็นชู่มู่เดินมาพอดี เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ก่อนหน้านี้คุณหญิงซานไม่พอใจต่อชู่มู่ที่ชอบเสนอหน้ามาก แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า เธอกลับไม่มีท่าทีไม่พอใจนั้นออกมา ตอนที่เห็นชู่มู่เดินมากลับมีสีหน้าแปลกมาก ทำท่าทีเหมือนอยากจะยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตร แต่กลับไม่รู้จักการเป็นมิตรสักเท่าไร
เห็นท่าทีก่อนและหลังที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงของคุณหญิงซาน ชู่มู่เองก็แอบตลก ท่าทางผู้หญิงคนนี้ห่วงศักดิ์ศรีไม่เบา
คุณหญิงซานไม่เป็นที่ใส่ใจของชู่มู่ แต่ชายที่ท่าทีเย่อหยิ่งคนนั้นกลับทำให้ชู่มู่ตกใจ
คนนี้เองที่คุมขังมังกรวายุอลวนเอาไว้ ศัตรูตัวฉกาจของชู่มู่ เทียนทิง !
มังกรวายุอลวนยังอยู่ในแหวนจับวิญญาณของชู่มู่ เดิมชู่มู่คิดว่า หลังจากออกนอกเมืองแล้ว จะปล่อยมันออกมาในที่สงบ
แต่เทียนทิงออกคำสั่งไม่ให้เขาออกนอกเมือง ชู่มู่กังวลว่า
เจ้านี่มาหาเรื่องตัวเองเพราะมังกรวายุอลวน
“พอดี ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าตามข้ามา” เทียนทิงกวาดตามองไปยังชู่มู่ หลังจากพูดจบเดินไปยังสวนด้านข้างทันที น้ำเสียงไม่เชิงเป็นการสั่ง แต่ท่าทีแบบนี้เหมือนจะให้ชู่มู่ทำตาม
เทียนทิงเป็นคนรุ่นเดียวกับชู่เทียนหมัง อายุของชู่เทียนหมังไม่น้อยแล้ว ถ้าเทียนทิงอยู่รุ่นเดียวกับเขา คาดว่าคงอายุห้าสิบแล้ว
แต่ชายคนนี้กลับมองดูแค่สามสิบกว่า ท่าทีของเขากลับเยือกเย็นอย่างยิ่ง บนหน้ามีไฝชัดเจน ถ้ายิ้มละก็ คาดว่าจะน่าเกลียดมาก จึงไม่เคยมีใครเห็นเขายิ้มมาก่อน
ที่นี่เป็นตำหนักวิญญาณ ชู่มู่เองก็ไม่กลัวว่าเทียนทิงจะเล่นแง่อะไร ในตอนที่เกิดความสงสัยในใจ แต่กลับเดินตามไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“พวกเจ้ารอที่นี่” เทียนทิงเห็นลูกน้องสองคนตามมา พูดขึ้นอย่างราบเรียบ
คุณหญิงซานกับอีกคนอึ้งเล็กน้อย แต่หยุดเดินทันที ไม่กล้าตามมาอีก
หลังจากเดินเข้ามาในสวนแล้ว เทียนทิงได้สร้างกำแพงร่ายวิญญาณ ป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ยินเรื่องที่สองคนกำลังจะคุย
เขาหันกลับมา ดวงตาเย่อหยิ่งคู่นั้นมองไปยังชู่มู่ด้วยความเฉยเมย
ชู่มู่ใจไม่นิ่ง แต่ก็ไม่หวาดกลัวอะไร มองไปที่เขา เก็บซ่อนความโกรธที่มีต่อชายคนนี้ไว้ในใจเป็นอย่างดี
“เรื่องมังกรวายุอลวนข้าจะไม่ตาม เจ้าอยากปล่อยก็ปล่อยไป” เทียนทิงพูดเข้าเรื่องทันที
ท่าทีและน้ำเสียงนั้นของเทียนทิง เหมือนจะไม่เคยทำเรื่องเกินเหตุบนผนึกนั้น นี่ทำให้ชู่มู่ไม่พอใจอย่างมาก
ท่าทางฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าตัวเองเป็นบุตรชายของชู่เทียนหมัง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ชู่มู่เองก็ไม่จำต้องเกรงใจแล้ว ในตอนนี้ได้ตอบกลับด้วยความเยือกเย็นว่า “นั้นต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก”
“ไข่มังกรจำศีลมรกตอยู่กับเจ้าด้วยใช่ไหม” เทียนทิงทำท่าทีเหมือนรู้ทุกอย่าง
ประโยคนี้กลับทำให้ชู่มู่สะเทือนใจอย่างมาก !!!
เขารู้ได้อย่างไรว่า มังกรจำศีลน้อยอยู่กับตัวเอง !!!
เรื่องมังกรจำศีลน้อยเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือ ในเมื่อเทียนทิงรู้เรื่องมังกรจำศีลน้อย ถ้าอย่างนั้นต้องรู้เรื่องมั่วเย้แน่นอน !
ถ้าอย่างนั้น เท่ากับว่าเทียนทิงรู้ว่า มั่วเย้มีความสามารถแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง !
“เห็นแก่ท่านอาวุโส มังกรจำศีลมรกตให้เจ้าด้วยก็ได้” เทียนทิงพูดอย่างเรียบ ๆ เห็นได้ชัดว่า ไม่สนใจไข่มังกรจำศีลมรกตเท่าไร
เทียนทิงกวาดตามองไปยังชู่มู่ เห็นสีหน้าของชู่มู่เปลี่ยนไป ทำท่าทีไม่แยแส แอบคิดในใจว่า “เจ้าคิดว่า เจ้าปิดได้มิดชิดมากเหรอ ตอนที่เจ้าเข้าร่วมการประลองฟ้าดินไม่นาน ข้าก็สืบได้ว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่รอดจากเกาะนักโทษแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะท่านอาวุโสยืดยัดมาตลอดให้จบการประลองฟ้าดินถึงจะให้ข้าเก็บกลับมา ข้าคงจัดการเจ้าเด็กอย่างเจ้าตั้งนานแล้ว !”
ชู่มู่สะเทือนใจอย่างมาก ตลอดที่ผ่านมา ชู่มู่คิดว่าตำแหน่งชู่เฉิงของตัวเองน่าจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ไม่คิดว่า เทียนทิงองค์กรวิญญาณกลับรู้เรื่องของโลกตะวันตกเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว หรือว่าเทียนทิงคือผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณที่ไล่ล่ามังกรจำศีลมรกตในตอนนั้นงั้นหรือ
ชู่มู่ก้มหน้า ไม่พูดไม่จา
เห็นชู่มู่ไม่พูดอะไร สายตาของเทียนทิงเผยท่าทีเยาะเย้ยออกมา
เทียนทิงไม่รู้ชอบใจชู่มู่จริง ๆ สาเหตุหลักเพราะชู่มู่คือ ลูกของชูเทียนหมัง แล้วยังอวดดีมาตลอด ถ้าไม่ได้เป็นเพราะท่านหญิงและท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณ เทียนทิงคงลอบฆ่าชู่มู่ไปแล้ว สิ่งที่ควรเอาไปก็ควรเอาไปได้แล้ว
ตอนที่องค์กรวิญญาณสั่ง จะต้องนำสิ่งที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตขโมยไปกลับมาให้ได้ และถ้าไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนี้ เขาคงไม่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยนี้นานขนาดนี้
ในที่สุด ตอนนี้ก็หาเจอแล้ว กลับถูกท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณพบเจอ ด้วยอำนาจของท่านอาวุโส เพื่อไม่ให้ท่านอาวุโสรู้ความลับในนั้น เทียนทิงเองก็ไม่หน้าฉีกหน้าโดยตรง รอให้จบการประลองฟ้าดินก่อน
และความจริงคำสั่งห้ามชู่มู่ออกนอกเมืองนี้มีผลตั้งนานแล้ว แค่ชู่มู่ไม่สังเกตเห็นมาตลอด
ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงในใจของชู่มู่รุนแรงอย่างมาก เขาเข้าใจแล้วว่า ทำไมก่อนหน้านี้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อถึงได้เตือนตังเองแบบนั้น ห้ามเป็นศัตรูกับคนขององค์กรวิญญาณเด็ดขาด คาดว่าคงเป็นเพราะเรื่องนี้
ตัวเขาในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสู้กับองค์กรวิญญาณได้ คาดว่าต่อให้มีท่านอาวุโสลึกลับท่านนั้นกับท่านแม่ของตัวเองคอยคุ้มกัน แต่ด้วยเรื่องของมั่วเย้ องค์กรวิญญาณจะไม่เจรจาด้วยเด็ดขาด อย่างไรมั่วเย้เป็นดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง เทียนทิงอาจได้รับการวานจากเจ้าองค์กรวิญญาณโดยตรง นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถเกินกว่าราชันวิญญาณ !
ถ้าตัวเองไม่ส่งมอบมั่วเย้ องค์กรวิญญาณจะใช้ทุกวิธีแน่นอน ถึงตอนนั้นใครก็ช่วยตัวเองไม่ได้
แต่จะให้ชู่มู่ส่งมั่วเย้ออกมา ชู่มู่ยิ่งทำไม่ได้ !!!
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงมังกรจำศีลมรกตตัวนั้นของลี่ฮวัง มั่วเย้ในตอนนี้อยู่ในลักษณะเก้าแล้ว องค์กรวิญญาณจะต้องใช้หยดแห่งความจำล้างวิญญาณของชู่มู่แน่นอน ถ้าอย่างนั้นมั่วเย้จะกลายเป็นเหมือนศพเดินได้เช่นเดียวกับมังกรจำศีลมรกตของลี่ฮวัง !
ชู่มู่เห็นว่ามั่วเย้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตัวเองแล้ว จะส่งมอบมั่วเย้ได้อย่างไร จะให้มั่วเย้เดินไปในเส้นทางเดียวกับมังกรจำศีลมรกตได้อย่างไร ! ห้ามเด็ดขาด !
ชู่มู่ไม่มีทางส่งมอบมั่วเย้เด็ดขาด !!!
…
เทียนทิงจับจ้องไปยังมั่วเย้ตลอด ในสายตาของเขา ชู่มู่อ่อนแอราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ดังนั้น เขาไม่กลัวว่า ชู่มู่จะเล่นอะไร กลับจับจ้องไปยังสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของชู่มู่ด้วยความเยือกเย็น
แน่นอนว่า เทียนทิงเองก็ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ตอนนี้การประลองฟ้าดินจบลงแล้ว เขาจะได้ส่งสิ่งที่ควรได้มาตั้งนานนี้กลับไปยังองค์กรวิญญาณ เรื่องนี้ยืดเวลานานเกินไปแล้ว
ในตอนนี้ น้ำเสียงของเทียนทิงดุร้ายมากขึ้น พูดว่า
“ส่งไข่ดวงวิญญาณออกมา อย่าหวังว่าใครจะช่วยเจ้าได้ บางอย่างไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามีได้ ส่งออกมาให้ไว เจ้าจะพาดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันการประลองฟ้าดิน ไข่มังกรจำศีล แล้วก็ดวงวิญญาณระดับราชันที่เจ้าได้มาจากที่ไหนไม่รู้ไปฝึกอย่างปลอดภัย ถ้าไม่ทำตาม ข้าจะให้เจ้าตายอย่างอนาถ !”
หลังจากพูดจบ ร่ายวิญญาณมหาศาลของเทียนทิงได้ทับเข้ามาทันที นี่เป็นการข่มขู่ชู่มู่ !
ชู่มู่สัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาล เริ่มเวียนหัว !
การกระตุ้นจิตนี้คงอยู่สักพัก ถึงค่อย ๆ เบาลง….
และแล้ว เผชิญหน้ากับความกดันของเทียนทิง ใจของชู่มู่ที่มืดมัวอย่างมากกลับค่อย ๆ ส่องประกายขึ้น !
เพราะจากคำพูดของเทียนทิงรู้ได้ว่า เทียนทิงยังไม่รู้เรื่องการแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง และไม่รู้ว่า สิ่งที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตพาออกจากองค์กรวิญญาณคือมั่วเย้ !
ชู่มู่ดีใจอย่างมากทันที !
ตัวเองอดทนจนทำให้ตัวเขามีทางออกแล้ว !
“ท่าทาง มีแค่เซี่ยกว่างหาน องค์หญิงจิ่งโหลวที่คอยสนใจดวงวิญญาณของตัวเองถึงรู้ว่ามั่วเย้เป็นดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง และเจ้าเทียนทิงนี้รู้แค่ว่าไข่ดวงวิญญาณที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตพาออกมาอยู่กับตัวเอง ไม่รู้ว่านั่นคือมั่วเย้ !”
“ยังรอดไปได้ ยังไม่ถึงทางตัน !”