Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 609
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 609
พอผู้เฒ่าหลีพูดแบบนี้ ชู่มู่ตกใจอย่างมาก
ชนเผ่าขั้นหนึ่งเท่ากับเขตโลกขั้นหนึ่งแล้ว เมืองเจ็ดสีกลับตั้งอยู่บริเวณขอบชนเผ่าแบบนี้ ในภาวะที่ไม่มีความสามารถมากพอ เมืองนี้จะเจริญได้คงเป็นปาฏิหาริย์ !
“ถ้าอย่างนั้นโลกตะวันตกกับโลกจั้นหลีเป็นเขตโลกระดับเท่าใด” ชู่มู่ถามขึ้น
“โลกตะวันตกถ้าไม่รวมประตูเมืองหลัวละก็ จะเป็นเขตโลกขั้นหนึ่งแน่นอน โลกจั้นหลีก็เป็นขั้นหนึ่ง โลกหลัว โลกน้ำแข็งเหนือรอบๆ เป็นเขตโลกขั้นสอง และเขตโลกทั้งสี่อันนี้นับว่าเป็นโลกรวมขั้นสาม”
“พูดให้ง่าย เขตโลกขั้นหนึ่ง ต้องให้เทียบเท่าราชันอย่างน้อยหนึ่งตัวปกครอง เขตโลกขั้นสองมีเทียบเท่าราชันหลายตัว เขตโลกขั้นสามมีราชันขั้นต่ำ เขตโลกขั้นสี่มีราชันขั้นต่ำหลายตัว เขตโลกขั้นห้ามีราชันขั้นกลาง..เช่นเดียวกัน ชนเผ่าก็เป็นแบบนี้…”
ก่อนหน้านี้ชู่มู่ยังไม่เข้าใจระบบพวกนี้ รู้แค่ต้องฝึกอย่างตั้งใจ พุ่งตรงไปอย่างเดียว อีกทั้งยังอยู่ในรุ่นวัยหนุ่มตลอด
ตอนนี้ถึงรู้ว่า ระบบที่ใช้แบ่งเขตเมือง เขตโลก พื้นที่ต่างๆ ของมนุษย์เป็นระบบอย่างมาก อีกทั้งยังเทียบเท่ากับ กลุ่ม ชนเผ่า อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต…
เมืองแห่งหนึ่ง ถ้าตั้งอยู่บริเวณโลกอลวนที่เทียบกันไม่ได้ จะเต็มไปด้วยภัยแน่นอน
และเห็นได้ชัดมากว่า เมืองเจ็ดสีตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบากแบบนี้ สำหรับพื้นที่ชนเผ่าแห่งหนึ่ง จะมีทรัพยากรมหาศาลแน่นอน แหล่งทรัพยากรนี้เทียบได้กับเขตโลกแห่งหนึ่ง แต่ด้านความห่างของความสามารถมากเกินไปจริงๆ อีกไม่กี่ปี เมืองเจ็ดสีนี้จะต้องเปลี่ยนเจ้าเมืองแล้ว
ชู่หลั่งไม่รู้ว่า ชู่มู่กำลังพูดกับผู้เฒ่าหลี จึงพูดต่อว่า
“เดิมจะเก็บกวาดเนินวายุอยู่แล้ว ดังนั้น ตระกูลชู่ของพวกเรายังต้อนรับคุณหญิงเสี่ยวหยุนมาก แม้อารมณ์ของเธอจะไม่ดีเท่าไร” ชู่หลั่งพูดต่อ
ชู่มู่พยักหน้า ไม่ใส่ใจเท่าไร ถามต่อว่า “ชู่ชิ่งกับชู่หยู่กลับมาหรือยัง”
พูดถึงสองคนนี้ สีหน้าของชู่หลั่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่ายหัวพูดว่า “ตั้งแต่พวกเขาถึงเมืองเทียนเซี่ย หลังจากส่งจดหมายให้พวกเรา ก็ไม่มีใครได้ข่าวของสองคนนี้อีก”
“ไม่ได้ข่าวงั้นหรือ” ชู่มู่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ชู่มู่จำได้ว่า ชู่ชิ่งกับชู่หยู่จะส่งจดหมายให้ตระกูลเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้ชู่มู่นึกว่าชู่หลั่งจะไม่พูดเรื่องการประลองฟ้าดิน เป็นเพราะยังไม่ได้จดหมาย กลับไม่คิดว่าเวลานานขนาดนี้แล้ว จดหมายของชู่ชิ่งกับชู่หยู่ยังไม่ถึงตระกูล !
ในตอนนี้ชู่มู่ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองเจอกับชู่ชิ่ง ชู่หยู่ที่เมืองเทียนเซี่ย อีกทั้งให้พวกเขาเข้าร่วมตำหนักวิญญาณทั้งหมดนี้ให้กับชู่หลั่งฟัง
ชู่หลั่งฟังแล้วก็ตกใจ พูดขึ้นว่า “พวกเราไม่ได้จดหมายของพวกเขาจริงๆ ยังคิดว่า พวกเขาเจอเรื่องไม่ดี”
“แต่ว่าพวกเขาไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าพวกเขาเข้าร่วมตำหนักวิญญาณละก็ ความสามารถจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!” ชู่หลั่งพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
หลังจบการประลองฟ้าดิน ชู่ชิ่งกับชู่หยู่ได้บอกลากลับตระกูลแล้ว ถ้าพวกเขามีเรื่องที่ทำให้ล่าช้า จะกลับช้ากว่าชู่มู่แน่นอน
ถ้าที่ตระกูลยังไม่ได้จดหมายละก็ เท่ากับว่าพวกเขายังไม่รู้เรื่องการประลองฟ้าดิน ไม่แปลกที่ตอนชู่หลั่งเห็นตัวเอง แม้จะตื่นเต้น แต่ไม่มีอารมณ์อื่นแล้ว…
ชู่มู่ยังแอบแปลกใจ คนที่ได้ขั้นหนึ่งของการประลองฟ้าดินคนนี้ทำไมถึงไม่เกิดความสะเทือนใจ
แน่นอนว่า ชู่มู่ยังคงเป็นห่วงเรื่องจดหมาย หรือว่าคนขององค์กรวิญญาณจะสืบเรื่องตระกูลชู่ได้แล้ว เรื่องนี้ยังต้องสืบให้แน่ชัด
“ในเมื่อพวกเขากลับมาแล้ว น่าจะไม่มีเรื่องอื่น กลับไปที่ตระกูลก่อน ท่านปู่ ท่านอา และพี่น้องต้องคิดถึงเจ้าแน่นอน” ชู่หลั่งบอก
ชู่มู่พยักหน้า ขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรี ทำให้เกิดเสียงร้องนับไม่ถ้วน มุ่งตรงไปยังตำหนักเมืองเจ็ดสีนี้
…
เรือนตระกูลชู่ไม่สามารถบรรยายด้วยความหรูหราได้ นับว่าเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดสุดในเมืองแห่งนี้ อีกทั้งเมื่อเทียบกับเรือนที่เมืองหวั่งหลัวแล้ว เรือนที่เมืองเจ็ดสีนี้โทรมกว่ามาก
“เกิดภัยแล้งบ่อยครั้ง ต่อให้สร้างเรือนให้ดี ก็อาจถูกทำลายได้ ดังนั้น ปีที่ผ่านมานี้พวกเราคอยซ่อมแซมทีละน้อยไปก่อน” ชู่หลั่งบอก
“ใครเป็นผู้รับผิดชอบวางแผนเมืองนี้” ชู่มู่ถามขึ้น
“ท่านอาสอง” ชู่หลั่งบอก
ชู่มู่พยักหน้า ในเมื่อท่านอาสองมีหน้าที่วางแผนเมือง รอให้ตอนที่ได้เจอกับชู่เทียนหลิง ชู่มู่จะให้เขาสร้างเรือนอย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม เมืองนี้รวมถึงเรือนของตระกูลชู่ทรุดโทรมเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชู่มู่หวังจะเห็น
พอเข้ามาในประตูใหญ่ ตอนที่เดินเข้าสวนด้านหน้า ชู่หลั่งให้คนรับใช้ไปรายงานคนในตระกูลทันทีว่า ชู่มู่กลับมาแล้ว
คนรับใช้ส่วนใหญ่เป็นคนใหม่ ไม่รู้ว่าชู่มู่คือใคร อย่างไรก็ตาม ชู่หลั่งสั่งแล้ว ทำตามก็พอ
ชู่หลั่งพาชู่มู่ไปยังห้องโถงใหญ่ ชู่มู่รู้สึกว่า ในเมื่อจะทำให้ตระกูลเติบโต จำต้องพบคนทั้งหมดจริง ๆ เพื่อจัดการเรื่องทั้งหมดทีเดียว
…
สวนด้านหลัง ชู่หมิงที่ชราลงอย่างเห็นได้ชัดนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังให้อาหารปลาในบ่อน้ำ
บนไหล่ของชู่หมิงมีดวงวิญญาณเหยี่ยวตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่ สายตาของมันเฉียดแหลมเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขนาดตัวค่อนข้างเล็ก แต่เป็นสัตว์ดุร้ายแน่นอน
หลังจากผ่านไปสักพัก มีคนรับใช้หลายคนเดินเข้ามา พูดข้างหูชู่หมิง
ชู่หมิงลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ รีบโยนเหยื่อปลาลงไป แล้วเดินไปยังห้องโถงใหญ่ทันที คนรับใช้เหล่านั้นเห็นคนแก่รีบร้อนแบบนี้ ต่างก็เต็มไปด้วยความมึนงง
บนห้อง ชู่เทียนเหิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองไปยังด้านนอกด้วยใบหน้าที่เป็นทุกข์
ข้างชู่เทียนเหิงคือชู่เทียนหลิง เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีวิธีจัดการ พวกเราต้องพยายามรีบออกจากเมืองนี้แล้ว ไม่มีเมืองนี้ได้ แต่ขาดคนไม่ได้”
“ข้าก็รู้ แต่การเติบโตของพวกเราในปีที่ผ่านมานี้ ได้สร้างศัตรูในเมืองตะวันตกถึงโลกตะวันตกไม่น้อย โดยเฉพาะตระกูลหลู่ จับจ้องพวกเราตลอด ถ้าพวกเราเปลี่ยนเมืองละก็ จะถูกพวกเขาและอำนาจของตระกูลอื่นแก้แค้นแน่นอน” ชู่เทียนเหิงพูดขึ้น
“พี่ใหญ่ ชู่เชียนมีข่าวอะไรบ้างไหม เธอบอกจะพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลชู่หลักมาจัดการไม่ใช่เหรอ” ชู่เทียนหลิงถามขึ้น
“น่าจะใกล้กลับมาแล้ว แต่ในจดหมายบอกว่า ตระกูลชู่หลักในตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่เช่นกัน ชู่เชียนพาผู้แข็งแกร่งกลับมาได้ไม่มาก ที่ประตูเมืองหลัว ได้ให้เทียนเหยินติดต่อแล้ว เชื่อว่าช่วงนี้ เทียนเหยินน่าจะพาผู้แข็งแกร่งประตูเมืองหลัวกลับมา” ชู่เทียนเหิงบอก
ประตูเมืองหลัวกับตระกูลชู่หลักต่างเป็นอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตกนี้ ถ้าได้ผู้แข็งแกร่งจากพวกเขาเข้ามาช่วยเหลือ ปัญหาภัยแร้งปีนี้น่าจะจัดการได้
“หัวหน้ากลุ่ม รองหัวหน้า คุณชายชู่หลั่งบอกว่าคุณชายชู่มู่กลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่” หญิงรับใช้ตัวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ พูดกับทั้งสองคนด้วยเสียงเบา
ชู่เทียนเหิงเห็นหญิงรับใช้เดินเข้ามา นึกว่าเป็นเรื่องปวดหัวอื่นๆ สะบัดมือ ให้เธอออกไป
และแล้ว ชู่เทียนหลิงได้สติกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ!
“ชู่มู่ !!!”
“ชู่มู่ !!!”
ทั้งสองคนพูดชื่อนี้ออกมาพร้อมกัน สบตากันเสร็จ หัวหน้ากลุ่มทั้งสองรีบลงจากห้องทันที ความนิ่งสงบและสุขุมเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนหายไปอย่างสิ้นเชิง
…
ในสนามฝึก ชู่อิงกำลังฝึกดวงวิญญาณของตัวเอง ในตอนนี้ คำพูดเดียวของคนรับใช้ทำให้ตาของเธอเป็นประกาย
“ชู่อิง ชู่มู่คือใคร ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ชายที่อยู่ข้างชู่อิงถามขึ้น
ชายคนนี้สวมชุดที่สะอาดสะอ้าน หรูหรา รูปร่างปานกลาง มองดูเหมือนเป็นคนที่มีตำแหน่ง
“ซุนหยวน เขาคืออัจฉริยะของตระกูลพวกเรา ตอนแรกตระกูลพวกเรากับตระกูลหยาง…” ชู่อิงกำลังจะพูดเรื่องในอดีต แต่คิดว่าซุนหยวนเป็นคนนอก เรื่องนี้ไม่เผยออกมาง่ายดายจะดีกว่า ในตอนนี้จึงเปลี่ยนไปชมว่า ชู่มู่อัจฉริยะอย่างไร
“ที่แท้เป็นลูกหลานสายตรงที่ไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องของตระกูลพวกเจ้า ถ้าความสามารถแข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อชู่มู่นี้มาก่อน” น้ำเสียงของชายที่ชื่อซุนหยวนปนความดูถูกเล็กน้อย
เรื่องที่ชู่มู่สั่นคลอนโลกตะวันตกเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว เดิมชื่อเสียงของวัยหนุ่มเป็นแค่กระแส ชู่มู่ที่ไม่ปรากฏตัวมาหลายปี ถูกลืมอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว
ซุนหยวนมาจากโลกจั้นหลี ตอนที่ออกมาฝึกได้เจอกับชู่อิง เขาชอบนิสัยตรงไปตรงมามีเสน่ห์ของชู่อิง และเป็นเพราะซุนหยวนเอง ทำให้ตระกูลชู่ได้กิจการเรือโดยสารมาได้
ดังนั้น ซุนหยวนเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลชู่
ความจริงแล้ว ซุนหยวนมีที่มาไม่ธรรมดามาก อย่าว่าแต่กิจการเรือโดยสาร ต่อให้เป็นกิจการหินผลึกของเขตโลกทั้งสองแห่ง เขาก็เอามาให้ได้ แต่การเผชิญกับตระกูลหนึ่งของเมืองขั้นเก้าแบบนี้ เขาเองก็ขี้เกียจบอกตำแหน่งคุณชายใหญ่องค์กรการค้าของเขตโลกทั้งสองของตัวเองออกมา
ในภาวะที่ปกปิดตัวตน ชู่อิงยังคอยชมว่า ผู้ชายคนนี้เก่งอย่างไรต่อหน้าเขาอีก วัยหนุ่มย่อมแอบไม่พอใจ อีกทั้งชู่อิงไม่ใช่ผู้หญิงละเอียดอ่อนเหมือนคนอื่น ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องโถงใหญ่ ได้พูดถึงชู่มู่ตลอด ไม่ปกปิดความนับถือและความชื่นชอบที่มีต่อชู่มู่แม้แต่น้อย นี่ทำให้ซุนหยวนที่ลดตัวลงและปกปิดตัวตนไม่พอใจเท่าไร
“ในเมื่อเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น เขากลับมาแล้ว เขาคนเดียวก็จัดการปัญหาตระกูลเจ้าได้แล้วงั้นหรือ” ซุนหยวนยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“นี่…อย่างไรเขามาคนเดียว ว่าแต่ เจ้าจะส่งคนของเจ้ามาช่วยพวกเราจัดการเรื่องนี้ คนของเจ้าจะมาถึงเมื่อไร” ชู่อิงไม่เห็นความไม่พอใจของซุนหยวน ถามต่อ
“จะมาถึงในไม่กี่วัน” พูดถึงเรื่องนี้ ซุนหยวนกลับฉีกยิ้มออกมา
เพื่อให้ได้ชู่อิงมา ซุนหยวนได้ทุ่มเทอย่างมาก แน่นอนว่าเพื่อให้เกิดผลที่สะเทือนใจยิ่ง เขาจึงไม่เปิดเผยอะไรมาตลอด แต่กลับแอบส่งผู้แข็งแกร่งองค์การค้ามายังเมืองเจ็ดสีเพื่อแก้ปัญหาในครั้งนี้
ซุนหยวนไม่เคยบอกว่า จะมีผู้แข็งแกร่งมากี่คน แต่เพียงแค่บอกว่า ผู้แข็งแกร่งพวกนี้มาถึงเมื่อไร คาดว่าวินาทีนั้นทั้งเมืองเจ็ดสีจะต้องสะเทือนอย่างมากแน่นอน !
ถึงตอนนั้น ซุนหยวนไม่เชื่อว่า ชู่อิงน้อยจะไม่หลงใหลในตัวเขา