Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 106
ตอนที่ 106 ความผิดปกติ
สิงจื่อฮ่าวหันไปถามลูกน้องทั้งสี่คนที่วิ่งตามมา “ทำไมพวกแกไม่ออกไปยิงมันวะ?!”
ชายทั้งสี่ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่หัวหน้าจะตอบว่า “ศัตรูมีอาวุธครบมือและแข็งแกร่งมากครับ และพวกเราต้องปกป้องเสี่ยวฉู่…”
“ปืนของแกอยู่ไหน?” สิงจื่อฮ่าวพูดแทรก
หัวหน้าผงะเล็กน้อยพลางยกมือขวาขึ้นและตอบว่า “อยู่นี่ครับ”
ปัง!
สิงจื่อฮ่าวยกปืนไรเฟิลยิงไปที่มือของอีกฝ่ายโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
“อ๊าก!”
เสียงร้องโอดโอยดังก้องตรอก มือขวาของหัวหน้าระเบิดออกก่อนตกลงบนพื้นโสโครก
ทุกคนต่างตกตะลึง
สิงจื่อฮ่าวคำรามด้วยความโกรธ “พวกแกกล้าไม่พกปืนได้ยังไง หา?! ฉันไม่ได้บอกให้พวกแกจับมัน แต่บอกให้หยุดมันไว้! ไอ้พวกสวะ! แกคิดว่าฉันจะจ่ายเงินให้ฟรีๆ งั้นเหรอ?”
หัวหน้าคุกเข่าลงบนพื้นขณะที่ร่างกายสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด เขาจ้องสิงจื่อฮ่าวพร้อมขบฟันแน่น
ลูกน้องทั้งสามที่อยู่ด้านหลังต่างสัมผัสได้ถึงความโกรธของหัวหน้าที่แผ่ออกมา และดูเหมือนว่าพวกเขาพร้อมเข้าไปทำร้ายสิงจื่อฮ่าวตลอดเวลา
“หยุด…อย่าขยับ” หัวหน้าสั่งลูกน้องให้หยุดพลางหอบหายใจและกดบาดแผลไว้แน่น
“ให้เงินแล้วไล่พวกมันไปซะ!” สิงจื่อฮ่าวถ่มน้ำลายก่อนหันหลังกลับ “ที่เหลือตามฉันมา!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านซ้ายของสิงจื่อฮ่าวพร้อมถามอย่างระมัดระวัง “เราจะส่งตัวเสี่ยวฉู่กลับไปไหมครับ?”
สิงจื่อฮ่าวหยุดเดินก่อนหันหลังกลับ
เมื่อเสี่ยวฉู่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนเห็นความบ้าคลั่งในสายตาของสิงจื่อฮ่าว เขาจึงคุกเข่าอ้อนวอนทันที “นายน้อย…ได้โปรด คุณก็รู้ว่าผมทำงานให้ตระกูลหยวน และผมก็หลอกลวงพวกมันตามที่คุณขอแล้ว! ขอร้องล่ะ…ไว้ชีวิตผมเถอะ”
“ปัง!”
สิงจื่อฮ่าวยิงไปที่หน้าอกของเสี่ยวฉู่ ทำให้อีกฝ่ายทรุดตัวลงกับพื้น
“แกยังจะมีประโยชน์อะไรอีกในเมื่อไอ้หม่าเหลาเอ๋อหนีไปแล้ว?” สิงจื่อฮ่าวเยาะเย้ยพลางโยนปืนไรเฟิลที่เหลือกระสุนเพียงนัดเดียวให้ลูกน้อง จากนั้นเดินไปที่ถนนสายหลักพร้อมสั่ง “เก็บกวาดในตรอกให้เรียบร้อย ส่วนที่เหลือตามฉันมา เราจะไปไล่ล่าพวกมัน!”
ความบ้าบิ่นของสิงจื่อฮ่าวทำให้เหวินเทาและเพื่อนสิ้นหวัง พวกเขาจึงกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดพร้อมกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น
หลังจากเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพวกเขาหมดลงภายในตรอกว่างเปล่า
ไม่กี่วินาทีต่อมา
หยงตงที่เดินทางมาถึงในระหว่างที่เก็บศพตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของเสี่ยวฉู่
“กะ เกิดอะไรขึ้น?” หยงตงชี้ไปที่ศพพร้อมถาม “เขาตายได้ยังไง?”
ชายคนหนึ่งมองหยงตงด้วยใบหน้าซีดเซียวและพูดติดอ่าง “นะ นายน้อยสิงคิดว่าเขาหมดประโยชน์แล้ว…ละ เลยยิงเขา”
หยงตงตัวแข็งค้างอยู่หลายวินาทีก่อนตะโกนออกมา “เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร? เราหาตัวเสี่ยวฉู่เพื่อปกป้องตลาดยาและผลกำไรของเรา! ตราบใดที่เสี่ยวฉู่ยังมีชีวิตอยู่ ไอ้เฒ่าหม่าจะทำทุกอย่างเพื่อชิงตัวมันไป แล้วทำไมต้องฆ่าเสี่ยวฉู่ด้วย?!”
ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของหยงตง
“เรามีไพ่ดีๆ ในมือ แต่เขากลับทำลายมัน!” หยงตงสบถพลางกลับขึ้นรถ
…
บนรถ
สิงจื่อฮ่าวกินยาเพื่อคลายเครียดทั้งที่บ้านและบริษัท เมื่อยาออกฤทธิ์น้ำมูกเริ่มไหลออกจากจมูก ร่างกายพลันแข็งทื่อ และเหงื่อออกอย่างไม่รู้สาเหตุ
ลูกน้องที่นั่งบนเบาะผู้โดยสารพูดใส่วิทยุสื่อสารว่า “รถที่อยู่ด้านหลังสองคันเลี้ยวตรงโค้งด้านหน้าเพื่ออ้อมไปดักมันข้างหน้า พวกมันมีคนเจ็บอยู่คงหนีไปได้ไม่ไกล!”
สิงจื่อฮ่าวปลดกระดุมคอเสื้อพร้อมสูดหายใจเข้าลึกสองครั้งก่อนพูดเตะโกน “อะ เอายามา…ฉะ ฉันหายใจไม่ออก”
“พี่ฮ่าวกินยาเกินขนาดครับ!” ลูกน้องตะโกนด้วยความเป็นห่วง
สิงจื่อฮ่าวลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของลูกน้องพลางตะโกน “ฉันบอกว่า…ฉันหายใจไม่ออก! กะ แกพยายามฆ่าฉันเหรอ? พวกแกอยากให้ฉันตายใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าสิงจื่อฮ่าวไม่ฟังใครเลย เขาจึงเปิดช่องเก็บของและหยิบหลอดยาข้างในออกมา “เข้าใจแล้วครับ ผมเตรียมยาฉีดให้แล้ว เมื่อคุณฉีดมันเข้าไปก็จะรู้สึกดีขึ้น”
…
บนถนนแห่งหนึ่งที่มีเพียงแสงสลัว หม่าเหลาเอ๋อเดินพยุงเสี่ยวหลิวไปข้างหน้าพร้อมพูดอย่างกังวลว่า “อดทนอีกนิดนะ พี่จื้อชูโทรไปแล้ว พวกเขากำลังจะมาถึง!”
เสี่ยวหลิวพึมพำอย่างอ่อนแรงในขณะที่สติของเขาเลือนรางเต็มทน “ยะ อย่าช่วยผมเลย หัวของผมหนักจนขยับไม่ได้แล้ว…ปะ ปล่อยผมเถอะ”
หลิวจื้อชูยืนคุยโทรศัพท์อย่างเป็นกังวลอยู่ด้านข้าง “พี่หม่า สภาพของเราตอนนี้แย่มาก…ผมไม่คิดว่าพวกมันจะได้ตัวเสี่ยวฉู่ก่อนเรา พวกมันซุ่มโจมตีเราด้วยรถจี๊ปสี่คันและคนเกือบยี่สิบคนทันทีที่ไปถึง พวกมันไล่ยิงเรา…และยังฆ่าเหมาจื่อด้วย!”
“ใจเย็นๆ แล้วตอบฉันมา” เฒ่าหม่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้นายอยู่ไหน? สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? พวกมันไล่ล่านายอยู่หรือเปล่า?”
“พวกมันยังตามล่าเราอยู่ครับ ตอนนี้เสี่ยวหลิวถูกยิงจึงขยับไม่ได้ เราไม่รู้เส้นทางที่นี่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องหนีไปทางไหน…พี่ต้องรีบมาที่นี่ ไม่อย่างงั้นเสี่ยวหลิวตายแน่!” หลิวจื้อชูยังอยู่ในอาการช็อกจึงพูดออกมาโดยไม่ทันคิด
“ไอ้เวร! แกไม่เคยยิงปืน ไม่เคยเห็นคนตายเหรอวะ!” เฒ่าหม่าตะโกน “ฉันบอกให้ใจเย็น! ถ้าแกไม่บอกตำแหน่งมา ฉันจะหาเจอได้ยังไง”
เสียงตะโกนทำให้หลิวจื้อชูหลุดออกจากอาการช็อก เขามองสำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็วและสังเกตเห็นไซต์ก่อสร้างร้าง จากนั้นบอกเฒ่าหม่าว่า “พวกเราอยู่ใกล้จัตุรัสอนุสรณ์เขตพิเศษที่เก้า…มีอาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างหน้า”
“เอาล่ะ ฟังให้ดีๆ พยายามถ่วงเวลาให้มากที่สุด และถ้าหนีให้หนีไปพร้อมกัน แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ ให้เสียสละคนที่เดินไปไม่ได้ พวกนายเป็นเหมือนลูกและฉันไม่อยากให้ใครตายทั้งนั้น สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือการเห็นทุกคนตาย พวกนายต้องรอด! ได้ยินฉันไหม?” เฒ่าหม่าตะโกนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าตื่นตระหนก สถานการณ์แบบนี้พวกนายต้องตั้งสติและอย่าขาดการติดต่อ”
“คะ…ครับ!”
หลังจากวางสาย หลิวจื้อชูคว้าแขนหม่าเหลาเอ๋อพร้อมตะโกนว่า “ไปที่ไซต์ก่อสร้างกันเถอะ พี่หม่ากำลังมา!”
“เสี่ยวหลิว นายได้ยินไหม? คนของเรากำลังมาช่วย!” หม่าเหลาเอ๋อพูดพร้อมพยุงเสี่ยวหลิวไปฝั่งตรงข้าม
“บรื๊น!”
ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รถจี๊ปเลี้ยวมาจากสี่แยกและมุ่งหน้ามาทางพวกเขา ภายในรถมีสิงจื่อฮ่าวที่เพิ่งฉีดยาให้ตัวเองสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสามอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกาย “รีบไปเร็ว ฉันจะสับไอ้หม่าเหลาเอ๋อออกเป็นชิ้นๆ และส่งไปให้ไอ้เฒ่าหม่า!”
พวกลูกน้องที่นั่งตรงเบาะผู้โดยสารพยายามเกลี้ยกล่อมสิงจื่อฮ่าวว่า “เรารอให้พวกกำลังเสริมมาถึงก่อนไหมครับ?”
“นายรู้จักที่นี่ไหม?” สิงจื่อฮ่าวเหลือบมองลูกน้องพร้อมถาม “ถ้าวิ่งหนีอีกสองสามโค้ง พวกมันก็จะสลัดเราออกไปได้อย่างรวดเร็ว!”
ลูกน้องคนนั้นหายใจเข้าลึกก่อนสั่ง “บุกเข้าไป!”
…
บนถนน
เฒ่าหม่าพูดเร่งกวนฉีอย่างกระวนกระวาย “ขับเร็วกว่านี้! ลูกของฉันกำลังจะตาย!”
กวนฉีเหยียบคันเร่งจนมิดส่งผลให้รถแล่นด้วยความเร็วสูงพร้อมล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉินอวี่
………………………………….