Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 120 ไม่ไหวติง
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9
ตอนที่ 120 ไม่ไหวติง
บริเวณแถบที่อยู่อาศัยหนานหยวน
ฉินอวี่ถือโทรศัพท์ขณะถาม “ลุงหลี่ผมติดต่ออีกฝั่งไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง เพราะฉันไม่ได้จ้างเขามา” ผู้กํากับหลี่ตอบเสียงเครียด “ระหว่างรออีกฝ่ายตอบกลับ พวกนายไปหาที่ซ่อนก่อนดีกว่า เพื่อนฉันคงไม่หักหลังเราหรอก ถึงแผนจะล่มยังไงฉันเชื่อว่าเขาต้องบอกเรื่องนี้กับเรา”
“ครับ”
แม้ว่าฉินอวี่ค่อนข้างกังวลแต่ก็ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับผู้กํากับหลี่ยังไง เขาถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวต่อ “พวกเราอยู่ในที่โล่งแจ้ง ถ้าพวกนั้นใกล้เข้ามาคงซ่อนได้ไม่นาน เราต้องการให้เขาโทรกลับโดยเร็วที่สุดครับ”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“ครับ”
ทั้งสองวางสายหลังจากคุยจบ
หยงตงลงจากรถพร้อมขมวดคิ้วแน่น เขาเอ่ยปากถามอย่างกังวล
“เราจะไปกันเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้มีปัญหา” ฉินอวี่พูดต่อ “คนที่จะช่วยเราหนีไม่ยอมรับสาย”
“ให้ตายเถอะ!” หยงตงสบถขึ้นมา “ล้อเล่นกันแน่! ที่ผ่านมานายไม่ได้เตรียมแผนหลบหนีให้ดีรึไง? อย่างที่บอกประธาน สิ่งมีอํานาจมากในเฟิงเปย! ถ้าไม่ไปคืนนี้ก็อย่าหวังจะรอดไปได้เลย!”
หลังสิ้นเสียงแมวเฒ่าจึงระเบิดความโกรธออกมา เขาตะโกนด้วยหน้าตาขึงขัง “นี่แกจะโทษใครอีก!? ยังไม่รู้จุดยืนของตัวเองอีกเหรอ ห้ะ!?”
หยงตงเหลือบมองแมวเฒ่าด้วยสายตาเย้ยหยันพร้อมพูด “ไอ้หนู ฉันจะบอกอะไรให้นะ…”
“พอได้แล้ว!” ฉินอวี่ห้ามปรามทั้งสองอย่างไม่รั้งรอก่อนหันไปหาหยงตง “นั่งเฉยๆ ฉันไม่ต้องการแผนหนีของนายเข้าใจไหม?”
หยงตงกัดฟันแน่นด้วยความโมโหก่อนจะขึ้นรถกับเพื่อนอีกสองคน
ริมถนนฉินอวี่ แมวเฒ่าและเฒ่าหม่าเริ่มหารือกัน
“ตอนนี้เราติดต่อคนที่ต้องพาเราไปส่งไม่ได้ แล้วจะทําไงต่อ?” แมวเฒ่าถาม
เฒ่าหม่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “เราอยู่ที่นี่นานไม่ได้ อีกอย่างรถของเราเด่นเกินไป ถ้ามีแสงแค่นิดหน่อยถึงอยู่ไกลกว่าแปดร้อยเมตรพวกนั้นก็เห็นเราได้”
“อืม และการซ่อนอยู่นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมพูดต่อ “ ปัญหาตอนนี้ คือไม่รู้ว่าจะติดต่อคนที่ต้องไปส่งเราได้เมื่อไหร่”
เฒ่าหม่าผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขาจึงใจเย็นได้แม้สถานการณ์คับขัน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแนะนํา “เราไปกันก่อน ยิ่งห่างจากหนานหยวนเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้ายังติดต่อเขาไม่ได้ภายในสามชั่วโมงเราคงต้องเข้าเมืองทันที”
“เข้าเมือง? หมายความว่าเราต้องเดิมพันกับความตายงั้นเหรอ?” แมวเฒ่าอุทานขึ้นพร้อมพูดต่อ “ประธานสิงไม่ได้ตัวลูกชาย หยวนหัวก็ทําพลาดอีก แน่นอนพวกมันต้องทําทุกวิถีทางเพื่อพลิกแผ่นดินล่าพวกเรา และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทําให้การรักษาความปลอดภัยเมืองยิ่งเข้มงวดมากขึ้น ที่ซ่อนก็ไม่มี ถ้ากลับไปเราออกมาไม่ได้แน่!”
“แต่ฉันเห็นด้วยกับลุงหม่า เราต้องกลับเข้าเมือง” ฉินอวี่พูด “ หลังฟ้าสางเราจะอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”
“แล้วพวกเราเยอะขนาดนี้จะไปอยู่ตรงไหนของเมือง?”
“สนามฝึกทหาร” เฒ่าหม่าตอบอย่างใจเย็น “ไม่มีใครคิดว่าเราจะกลับไปที่นั่น แม้แต่เฒ่าหลี่หรือทหารที่ดูแลเราครั้งก่อน”
แมวเฒ่าตกตะลึงกับแผนนี้
“ดูเหมือนเป็นแผนที่ดี” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะไปกันเถอะ” เฒ่าหม่าหันไปบอกพวกลูกน้อง “ไม่ต้องเผา โยนลงคูน้ำหรืออะไรสักอย่างก็ได้”
พอคุยกันเสร็จพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางทันที
ณ สํานักงานใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรมหลงสิง
หยวนหัวพุ่งตรงเข้ามาอย่างเร่งรีบ เขาตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
“คุณหยวนกรุณารอสักครู่นะครับ” เด็กหนุ่มรูปร่างดีนั่งอยู่ที่โต๊ะพนักงานต้อนรับยืนขึ้นและหยุดเขาไว้ “ตอนนี้ท่านประธานสิงไม่อยู่ครับ”
“โทรบอกเขาให้ที ฉันมีบางอย่างต้องคุยกับเขา” หยวนหัวจับไหล่เด็กหนุ่มขณะพูด “ช่วยฉันหน่อยนะน้องชาย”
“ขอโทษด้วยครับ ผมติดต่อประธานสิงไม่ได้เหมือนกัน” เด็กหนุ่มส่ายหัวขณะตอบกลับ
“งั้น…ติดต่อคุณสิงจื่อหลินให้ที่”
“เขาไม่อยู่เหมือนกัน”
“ปีเตอร์ล่ะ?”
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนบอกหยวนหัวตามตรง “ตอนนี้ท่านประธานอยากให้คุณกลับไปซ่งเจียง”
ร่างกายของหยวนหัวนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
“หมายความว่าไงวะ!? คิดจะเขี่ยเราทิ้งหลังจากหมดประโยชน์งั้นเหรอ?” ชายหัวโล้นที่ยืนอยู่ด้านหลังหยวนหัวตะโกน “แค่ทําพลาดเรื่องเดียว เลยมองข้ามความสําเร็จทั้งหมดที่ผ่านมาเลยรึ!? ลืมไปแล้วเหรอใครเป็นคนช่วยเปิดตลาดซ่งเจียงให้”
พนักงานต้อนรับหนุ่มมองไปที่ชายหัวโล้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่รู้อะไรหรอก ผมแค่พูดตามคําสั่งประธานสิงเท่านั้น”
หยวนหัวกัดฟันแน่นก่อนจะตอบกลับพนักงานต้อนรับ “ขอโทษด้วยที่ฉันสร้างปัญหา” หลังพูดจบเขาดึงชายหัวโล้นออกไปทันที
” ครับ”
ที่ทางเข้าหลักของบริษัทเภสัชกรรมหลงสิง ชายหัวโล้นบ่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้ประธานหมูตอนนั่นมันพยายามจะเตะคุณออกจากเกม!”
“จอดรถไว้ตรงนี้แหละ คืนนี้ฉันจะรอเขาอยู่ที่นี่” หยวนหัวพูดอย่างจริงจัง
“ให้ผมทําเอง”
“ไม่จําเป็นหรอก ฉันต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” หยวนหัวพูดพร้อมโบกมือ
ขณะเดียวกัน
ณ บ้านพักในค่ายรักษาการณ์ ประธานสิงเดินออกจากประตูขณะหันไปจับมือกับชายวัยกลางคนพร้อมพูด “เรื่องนี้ผมต้องรบกวนด้วยนะ”
“วางใจได้เลย เดี๋ยวผมโทรไป”
“ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้ง” ประธานสิ่งพูดขณะตบไหล่อีกฝ่าย “ที่นี่อากาศหนาว ไม่ต้องออกไปส่งผมหรอกนะ”
เวลาตีสอง อุณหภูมิด้านนอกดิ่งลงในระดับที่เกินจะทนไหว
หยงตงนั่งอยู่ข้างคนโดยมีเสื้อผ้าหลายชั้นพันรอบตัว เขาหันไปหาฉินอวี่ขณะตัวสั่นเทาพร้อมพูด “ฉะฉันอยากแนะนําอะไรนายหน่อย”
“อะไร?” ฉินอวี่ถาม
“ถ้าคืนนี้เพื่อนคนนั้นยังไม่โทรมา ฉันว่าพวกเราแหกรั้วนี่เองดีไหม?” หยงตงพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “เราจะข้ามผ่านพื้นที่กัมมันตภาพรังสีไป”
“จะบ้ารึไง!?” แมวเฒ่าอุทานพร้อมขมวดคิ้วแน่น “จะโดนยามลาดตระเวนยิงกบาลนะสิ! ตอนนี้พวกเราไม่มีอาหาร ถ้าไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!”
“อย่างน้อยก็ยังมีความหวังมากกว่าอยู่ที่นี่” หยงตงยืนกรานหนักแน่น “แต่ถ้าเราไม่ออกไปคืนนี้ อย่าหวังว่าจะหนีออกไปได้ พวกเราตายในเฟิงเป่ยแน่!”
ทุกคนเงียบ
“พวกนายไม่เข้าใจว่าไอ้อ้วนสิ่งมีอิทธิพลขนาดไหน” หยงตงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แค่เพียงเอ่ยปาก เจ้าหน้าที่ทุกคนในเฟิงเป่ยก็พร้อมจะพลิกแผ่นดินหาเรา!”
เมื่อได้ยิน กวนฉีมองฉินอวี่ด้วยสายตาวิตกก่อนถาม “หัวหน้าเราควรทํายังไงดี?”
“ฉันอยากกินอาหารและตายในเฟิงเป่ยมากกว่าจะเข้า ไปพื้นที่กัมมันตภาพรังสีนั่น” แมวเฒ่าอุทาน “มันไม่ต่างอะไรจากนรก!”
“ฉันเห็นด้วย” เฒ่าหม่าพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่อยู่นี่ก็เท่ากับตายเหมือนกัน!” หยงตงเน้นย้ำด้วยเสียงหุ้มต่ำ
“ถ้าฝ่าพื้นที่กัมมันตภาพรังสีไปคิดว่าเราจะไม่ตายงั้นเหรอ!?”
“กริ้ง!”
ฉับพลันโทรศัพท์ของฉินอวี่ดังขึ้น เขาตะเบ็งเสียงใส่ทุกคน “เงียบ! เขาโทรมาแล้ว!”