Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 134 ชะตากรรมอันน่าสมเพช
ตอนที่ 134 ชะตากรรมอันน่าสมเพช
ภายในห้อง
หยงตงนั่งบนโซฟาก่อนจะหยิบแผ่นบันทึกจากกระเป๋ามาวางบนโต๊ะ “ฉันเป็นคนวางแผนเรื่องยาปลอมขึ้นมาและ โน้มน้าวให้เสี่ยวฉู่ร่วมมือกับฉันบันทึกนี้มีรายละเอียดและ รายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตราบใดที่พวกนายทําตามคําแนะนําของบันทึกนี้ก็จะสามารถล้างมลทินให้ตระกูลหม่าได้”
แมวเฒ่าจ้องบันทึกก่อนถามด้วยความสงสัย “การตายของเสี่ยวฉู่ได้ทําให้ไม่มีพยานบุคคลแค่กระดาษแผ่นเดียวจะกู้สถานการณ์คืนได้จริงๆเหรอ?”
หยงตงหยุดคิดอยู่หลายวินาทีก่อนชี้ไปที่บันทึก “มีคนหนึ่งในนี้ชื่อหลิวชุนเขาและเฒ่าสามอยู่กับฉันตอนจ่ายค่าจ้างให้เสี่ยวฉู่”
“มันหนีไปหลังเกิดเรื่องใช่ไหม?” แมวเฒ่าถาม
“ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ซ่งเจียง” หยงตงยิ้มจางๆ ขณะกล่าวเสริม “ตอนนี้บริษัทพวกมันคงวุ่นกับเรื่องการตายของหยวนหัว ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้แค่จัดการลูกกระจ๊อก อย่างหมอนั่นฉันว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงพวกนายหรอก”
“เข้าใจล่ะ” แมวเฒ่าหยิบกระดาษก่อนลุกขึ้น “พวกนายคุยกันต่อเลย ฉันจะออกไปคุยโทรศัพท์”
หลังแมวเฒ่าออกไปฉินอวีที่นอนอยู่หันไปถามหยงตงทันที “นายให้ข้อมูลทุกอย่างแล้วไม่กลัวว่าหม่าเหลาเอ๋อจะ มาคิดบัญชีกับนายที่หลังเหรอ?”
เมื่อได้ยินหยงตงถึงกับหัวเราะแห้งพลางตอบกลับ “ถ้าเป็นฉันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็อาจจะ แต่สภาพฉันตอนนี้ยังมีอะไรให้กลัวอีก?”
ฉินอวี่เงียบไป
“ตอนนี้ฉันยังกลับไปเขตพิเศษไม่ได้เพราะหยวนเค่อกับไอ่หมูตอนสิ่งจ้องเล่นงานฉันอยู่ เฮ้อ…ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะถูกพวกเดียวกันแว้งกัด แค่ข้ามจากเคยมีอํานาจต้องมาหนีตายหัวซุกหัวซุน พวกพ้องที่มาช่วยต่างล้มหายตายจาก ทุกอย่างที่ฉันสร้างมากับมือพังไม่เหลือชิ้นดี”
” บอกตามตรงฉันอยากวิ่งขึ้นไปบนตึกแล้วกระโดดลงมาซะให้มันจบ แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า ฮ่าๆๆ บางทีปล่อยให้หม่าเหลาเอ๋อฆ่าตายคงง่ายกว่า”
“แล้วครอบครัวของนายล่ะ?”
“ฉันไม่มีพ่อแม่ ตอนนี้เหลือแค่ลูกสาวคนเดียวอยู่ในซ่งเจียง” หยงตงก้มหน้าลงพลางพูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา ” เฮ้อ… ไอ้ชั่วพวกนั้นคงหมายหัวเธอแล้ว จะให้พาหนีป่านนี้คงไม่ทัน”
“นายนี้น่าสงสารจริงๆ”
“ชีวิตก็ไม่ต่างอะไรจากเล่นพนันหรอก ฉันแค่โชคร้ายที่มาเจอเจ้านายอย่างหยวนหัว” หยงตงหยิบกล่องบุหรืออกมาจากกระเป๋า “ชีวิตฉันจะเป็นยังไง ที่เหลือคงต้องปล่อย ให้ฟ้าตัดสิน”
ฉินอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้น ”รอให้เรื่องในซ่งเจียงจบ นายก็จะเป็นอิสระแล้ว”
หยงตงสูบบุหรี่ก่อนเงยหน้ามองฉินอวี่ “ส่วนเรื่องการตายของหยวนหัวกับสิ่งจื่อห่าว ถ้าไม่รีบจัดการมันจะบานปลายเอานะ”
ฉินอวี่เงียบอีกครั้ง
“ให้ฉันอยู่ช่วยดีไหม?” หยงตงถามด้วยรอยยิ้ม
หลังขบคิดไม่นานฉินอวีจึงถามกลับ “ทําไม?”
“ฉันแค่ไม่อยากให้เรื่องมันจบแบบนี้”
ฉินอวี่ไม่ได้ตอบกลับทันที แต่กลับใช้เวลาคิดทบทวนข้อเสนอครูใหญ่
หยงตงยังคงมองฉินอวีด้วยรอยยิ้ม เขารอครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสริม “ฉันไม่ได้ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้น อย่างน้อยก็พอมีทุนอยู่บ้าง”
ฉินอวี่เงยหน้ามองเพดานครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบ “ฉันไม่เชื่อใจนาย อีกอย่างพวกหม่าเหลาเอ๋อคงไม่ยอมรับนายง่ายๆ จบเรื่องแล้วนายควรจะไปซะ”
“ก็จริง ฉันอยู่ในจุดที่ค่อนข้างอึดอัด” หยงตงพยักหน้าพร้อมยืนขึ้น “เรื่องวุ่นๆ จะจบลงเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยบอกให้ฉันรู้ด้วยถ้าเรื่องที่ซ่งเจียงคลี่คลายแล้ว ฉันจะได้หนี ไปทันที”
“ได้” ฉินอวี่พยักหน้า
หยงตงมองฉินอวก่อนพึมพําอย่างแผ่วเบา “ขอบใจ”
“ขอบใจเรื่องอะไร?” ฉินอวถาม
“เรื่องที่นายหยุดหม่าเหลาเอ๋อไม่ให้มาฆ่าฉัน” หยงตงยิ้มจาง “ฉันรู้ว่านายเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับฉันนักหรอก แต่ถึงยังไงก็ขอบใจที่ช่วย”
“ฉันคิดถูกที่ช่วยนายใช่ไหม?” ฉินอวี่ถาม
“ฮ่าๆๆ นายนี่มันฉลาดจริงๆ” หยงตงตอบก่อนหันหลังเดินออกจากห้อง
หลังประตูห้องปิด ฉินอวี่เอนตัวนอนบนเตียงอย่างเหนื่อย
ไม่นานแมวเฒ่าก็กลับมาที่ห้อง “นายปล่อยหยงตงไปเหรอ? ไม่กลัวหม่าเหลาเอ๋อมันโวยวายเอาไง?”
“ฆ่าหยงตงไปก็ไม่ช่วยให้ปัญหามันจบ” ฉินอวี่ตอบด้วยพลางถอนหายใจยาว “หมอนั่นหักหลังบริษัทที่ตัวช่วยสร้าง มากับมือแค่นี้ก็มีศัตรูมากพออยู่แล้วอีกอย่างหยงตงเองยังปล่อยวางความแค้นที่มีกับตระกูลหยวนไม่ได้ วันข้างหน้าเขาอาจเป็นคนทําลายตระกูลเฮงซวยนั่นก็ได้ ปล่อยไปแบบนี้แหละดีแล้ว”
“อืม ฟังดูเข้าท่า” เฒ่าแมวพยักหน้าเห็นด้วย
“นอกจากนี้ การที่เหมาจ่อและเสี่ยวหลิวตายก็เป็นเพราะสิ่งจื่อห่าว ลุงหม่าเองก็ยอมถูกจับเพื่อรับผิดแทนทุกคน ถ้าดูให้ดีหยงตงแทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย เพราะงั้นไม่จําเป็นต้องเอาถึงชีวิตก็ได้”
แมวเฒ่านั่งไขว่ห้างพลางถอนหายใจบนโซฟาหลังได้ฟังฉินอวีพูด “หม่าเหลาเอ๋อเองก็สูญเสียหนักจนตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัว”
“ลุงหม่าต้องตายเปล่า ถ้าเขาไม่อึดสู้ขึ้นมา” ฉินอวี่พูดต่อ “แต่ฉันเชื่อว่าเขาจะสามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง”
ทันใดนั้นเอง ฉีหลินก็เข้ามาในห้องพร้อมอุทานว่า “ฉินอวี่โกโก้ส่งไก่แช่แข็งสองตัวมาให้ทําซุปบํารุง! เป็นผู้หญิงที่ช่างคิดจริงๆ”
“มันต้มมาก่อนรึยัง?” แมวเฒ่าเงยหน้าถามทันที่ราวกับสุนัขล่าเนื้อได้กลิ่นอาหารอันโอชะ
“ไม่ใช่ของนาย!” ฉีหลินกลอกตา “นี่มันของคนป่วย ไม่พอแบ่งคนอื่นหรอก”
“ชิ! ก็ได้ งั้นเอาไปตันซะสิ” แมวเฒ่ายืนขึ้นขณะพูด “อย่างน้อย…ขอตูดมาให้เคี้ยวหน่อยก็ได้ฉันอยากกินเนื้อมาก”
“ฝันไปเถอะ”
คืนถัดมา
จู้เหว่ยที่เพิ่งแอบกลับเข้ามาในซ่งเจียงกําลังยืนอยู่ในตรอกและมองเข้าไปในคาสิโนเถื่อน เขาถามด้วยน้ําเสียงสุขุม “เป้าหมายอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
“ใช่ เขาอยู่ในนั้น” ตํารวจไทยจากหน่วยสามพยักหน้า “บุกเข้าไปจับเลยไหม?”
จู้เหว่ยอ่านสถานการณ์อย่างรวดเร็วก่อนจะส่ายศีรษะตอบ “มีคนเยอะเกินไป บุกไปตอนนี้เป้าจะรู้ตัวเปล่าๆ”
“งั้นจะดักรออยู่ตรงนี้ต่อเหรอ?”
“อืม รออีกสักพัก
ด้วยเหตุนี้รถตํารวจสองคันจึงต้องรอกว่าสามชั่วโมงภายใต้อุณหภูมิที่ติดลบถึงสี่สิบองศาก่อนจะได้กลิ่นเหม็นของยาสูบพร้อมกับเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากคาสิโน
“เป้าหมายออกมาแล้ว”
“พวกมันมีกี่คน?”
“แค่คนเดียว”
“เริ่มแผนเลย” จู้เหว่ยสั่ง “เราจะขนาบจากทั้งสองด้าน และบีบมันเข้าไปในซอย”
ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มออกมาจากคาสิโน เขาเดินบ่นกับโทรศัพท์ไปตามถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ “เวรเอ๊ย! เสียไปอีกสามร้อยดอลลาร์ พรุ่งนี้ฉันจะไม่กลับมาแล้ว! หืม? ขบวนแห่ศพลูกพี่เริ่มพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ? เออ…ฉันก็จะไปด้วยได้ เข้าใจแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
เด็กหนุ่มกดวางสาย แต่ขณะกําลังจะข้ามถนน จู่ๆ ก็มีคนตะโกนตามหลังเขา
“หลิวชุน?”
เด็กหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ก่อนวิ่งออกไปทันที
“ตุบ!”
ทันใดนั้น มีชายคนหนึ่งพุ่งมาจากทางซ้ายและเตะสะโพกเขา
“เฮ้ นายจับผิดคนแล้ว!” หลิวชุนอุทานด้วยกลัวพลางเดินเซเข้าหากําแพงจากแรงเตะ
“ตุบ ตุบ!”
ตํารวจไทยเหวี่ยงกระบองตํารวจลงบนหัวของหลิวชุนอย่างแรงพร้อมตะคอกถาม “รู้ไหมทําไมแกถึงโดนจับ?!”
“ฉะ…ฉันไม่รู้!” หลิวชุนร้องคร่ําครวญ เลือดสดๆ ไหลอาบใบหน้า
“แล้วทําไมถึงรู้ว่าฉันจับผิดคน?”
หลิวชุนพูดไม่ออกได้แต่ยืนกุมหัวตัวเอง
“ลากมันไปที่ตรอกแล้วยัดเข้าไปในรถ” จู้เหว่ยสั่ง ” เร็วเข้า!”
ขณะเดียวกัน
จางเทียนนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของตนพลางเอ่ยถามคนปลายสาย “ลูกชายคนรองของตระกูลสิงยอมมาเจอเราแล้วเหรอ?”