Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 176 ฉินอวี่นําทีมบุก
ตอนที่ 176 ฉินอวี่นําทีมบุก
ตองกั่วเซินพยายามคิดตามที่ฉินอวี่พูด “หมายความว่า ไงครับที่ว่าสับขาหลอก?”
“ห้องหกศูนย์หกที่เราบุกค้นนั่นเป็นแค่ที่อยู่ชั่วคราว ส่ว นตัวพวกมันหนีไปตั้งนานแล้ว” ฉินอวี่อธิบาย “ฉันคิดว่าพวกมันคงจงใจจัดฉากให้เราเจอสาเหตุที่หรู่เหย้าถูก ฆ่าก่อนเราไปถึงแต่เพราะอะไรกัน…จะบอกว่าตระกูลหญ่เองก็ขายปืนงั้นเหรอ?”
จุเหว่ยที่ทํางานร่วมกันมานานเข้าใจความคิดของฉินอวี่ ในทันที “หัวหน้าจะบอกว่าไอ้ฆาตกรพวกนี้คิดจะต่อต้านตระกูลหรูโดยการโยงคดีนี้เข้าหาใช่ไหม?”
“พูดยาก” ฉินอวี่ส่ายศีรษะ “ถ้าเป็นเพ ราะงั้นแปดหมื่นหยวนนั่น พวกมันจะฆ่าหรู่เหย้าแล้วจงใจทิ้งหลักฐานไว้ทําไม? แถมยังดูเหมือนต้องการทําให้มันเป็น เรื่องใหญ่ด้วย ทั้งที่แค่แก้แค้นก็น่าจะพอแล้วแท้ๆและที่สํา คัญกว่านั้น รู้ได้ยังไงว่าพวกเราฝังพื้นทมิฬกําลังต่ อต้านหยวนเค่อกับหรูเวินเซิงอยู่?พวกมันเป็นใครกันแน่”
“นั่นสินะ เป็นแรงจูงใจที่คิดไม่ถึงจริงๆ” วันเส้นเองก็สับ สน
ฉินอวี่คว้าถุงเก็บหลักฐานจากในมือจี้เหว่ยมาก่อนมองสมุ ดบัญชีที่อยู่ด้านใน “ถ่ายรูปเก็บไว้รึยัง?”
“เรียบร้อย” จี้เหว่ยพยักหน้า “ผมกลัวว่าหลิวเปาเฉินจะ เล่นแง่ก็เลยรีบถ่ายเก็บไว้ก่อน”
“โอเค ไปตรวจสอบหลักฐานกันเถอะ” ฉินอวีพูดขึ้น
“โอเค
งูเหว่ยตอบรับพลางชี้นิ้วไปที่ติงนิ้วเซินและฟูเสี่ยวห่าว “นายสองคนตามมาช่วยด้วย”
“ได้ครับ”
สิบห้านาทีต่อมา หลิวเปาเนินมาถึงจุดเกิดเหตุก่อนจะ ถูกดึงไปอีกทางโดยคนในทีม
“มีอะไร?” หลิวเปาเฉินขมวดคิ้วถาม
นายตํารวจหันมองโดยรอบก่อนโน้มตัวไปกระซิบกับหลิ วเปาเฉินว่า “พวกฉินอวี่เจออะไรบางอย่างในห้องเหยียนคังครับ เหมือนจะเป็นสมุดบัญชีแต่ไม่รู้ว่าข้างในเขียนอะไรไว้ บ้าง หลินหลินจากฝ่ายซ่อมบํารุงบอกว่ามันอาจเป็นสมุดบัน ทึกครับ”
ในห้องประชุมของสํานักงานตํารวจซ่งเจียงผู้กํากับ หลิ่นอนหาวพลางเล่นโทรศัพท์
“ครืด!”
ทันใดนั้นมีสายโทรเข้ามา เขามองหมายเลขก่อนรีบลุกขึ้น “ขอตัวออกไปรับสายก่อนนะ”
ไม่นานเขาก็ออกมายืนบริเวณทางเดินนอกห้องก่อน จะกดรับสาย “ฉันประชุมอยู่โทรมาทําไม?”
“ลุงหลี่ โอกาสของเรามาถึงแล้ว” ฉินอวี่พูดอย่างตื่นเต้น
ผู้กํากับหลี่ชะงัก “โอกาสอะไร?”
“เรื่องมันเป็นแบบนี้” ฉินอวี่เล่ารายละเอียดคร่าวๆ ผ่า นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายฟัง
หลังฟังที่ฉินอวี่เล่า ผู้กํากับหลีจึงถามกลับ “แน่ใจนะว่า จะทําสําเร็จ?”
“แน่ใจครับ” ฉินอวีตอบอย่างไม่ลังเล “คดีเพิ่งเกิดได้ไม่ นานอีกฝ่ายคงยังไม่ได้ตั้งรับอะไรมากรับรองว่าต้องได้ผล แน่ แต่เราต้องรีบจัดการ…เพราะถ้าช้าไปสักก้าวเดียว หลิวเปาเฉินอาจจับสังเกตได้จนหวูเวินเซิ่งและหยวนเค่อไห วตัวทัน”
ผู้กํากับหลี่เห็นด้วย “โอเค เริ่มแผนได้เลย”
“ครับ ผมจะรวบรวมกําลังคนทันที” ฉินอวีติดตามผู้กํา กับหลี่มานาน เขารู้ว่าผู้บังคับบัญชาของตนไม่ใช่คนเข้าใจยาก เพราะฉะนั้นแค่อธิบายสถานการณ์ให้ฟังเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจกันได้ทันที
บริเวณจุดเกิดเหตุฆาตกรรมบนชั้นสอง
หลิวเปาเฉันเดินเข้าไปด้านในอาคารและหันไปถามติงกั่ว เซ็น “ถุงเก็บหลักฐานที่อยู่ในห้องเหยียนคังหายไปไหนหมดทําไมเหลือแค่สองถุง?”
“ไม่ทราบครับผู้หมวด ผมเองก็เพิ่งมาถึง” ติงกั่วเซินตอบ เสียงแผ่ว
“มีใครเห็นหลักฐานสองถุงนั่นบ้าง?” หลิวเปาเฉินตะโกนถาม
“ผมเห้นจ์เหว่ยเอาไปครับผู้หมวดหลิว” เจ้าหน้าที่สวม ถุงมือขาวคนหนึ่งตอบกลับ
เมื่อได้รับคําตอบหลิวเปาเฉินจึงยกโทรศัพท์โทรหาตู้เหว่ ยทันที
ไม่นานจ์เหว่ยก็เดินเข้ามาพร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “มา ด้วยเหรอครับผู้หมวดหลิว?”
หลิวเปาเฉินหันไปหาชู้เหว่ยและถามเข้าประเด็นทันที “นายได้เอาหลักฐานในห้องเหยียนคังไปรึเปล่า?”
“อ้อ หลักฐานสองถุงนั่นอยู่กับผมเอง” รู้เหว่ยพยักหน้า
“เอาไปโดยพลการได้ยังไง?” หลิวเปาเฉินถามด้วยความ ไม่พอใจ
ทว่าหู้เหว่ยกลับยิ้มกลับอย่างกวนประสาท “ผมเปล่าเอา ไปโดยพลการซะหน่อย มันเป็นหลักฐานที่เพิ่งเจอ…ผมเลยเอามันไปถ่ายรูปที่รถมา”
“แล้วได้เปิดอ่านรึเปล่า? มีข้อมูลสําคัญอะไรไหม?”
“ไม่ได้เปิดครับ ผมแค่ถ่ายรูปเฉยๆ” จี้เหว่ยหรี่ตามองหลิวเปาเฉินพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็แค่สมุดไม่กี่เล่มที่มีข้อ มูลว่าหรู่เหย้ากับเหยียนคังทําธุรกิจร่วมกันบัญชีลักลอบนํา เข้าอาวุธเถื่อนที่ระบุรายการติดสินบนตํารวจเจียงหนานใน เจียงหนานรวมไปถึงของคู่ค้าคนอื่นๆ”
หลิวเปาเฉินถึงกับชะงักเมื่อได้ฟัง
“เอาไปดูไหมครับ?” จี้เหว่ยยิ้มพร้อมยืน ถุงเก็บหลักฐานให้รัฐเจียงหนาน
ฉินอวีสวมชุดเกราะกันกระสุนก่อนหยิบปืนขึ้นมาและตะโกนว่า “สมาชิกทีมสามฟัง ฉันขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดีคนที่อยู่ในนั้นอาจโต้กลับเราได้ทุกเมื่อเตรียมพร้อม!”
“รับทราบ!”
สมาชิกในทีมพากันขานรับ
“เยี่ยม บุกได้”
หลังพูดจบ ฉินอวี่ก้มตัวและกระชับปืนในมือแน่นขณะไปยังห้องเก็บของที่ประตูถูกล็อกอยู่
เจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่งถือค้อนเดินตามฉินอวไป เขายกค้อนขึ้นและทุกลงที่ล็อกประตูอย่างแรง
“ปัง! ปัง!”
สิ้นเสียงทุบตัวล็อกเหล็กก็หลุดออก
“แอ๊ด.. ?
ฉินอวใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูและตะโกน “บุกได้!”
ทีมสามกว่ายี่สิบคนกรูเข้าไปตามคําสั่ง
ในห้องมืด ชายสองคนที่กําลังหลับอยู่เมื่อได้ยินเสียงอีกทึกจึงผุดลุกขึ้นทันที
“นั่นใคร?”
“จะทําอะไรน่ะ?”
“ตุบ ตุบ!”
แต่ก่อนจะได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครทั้งสองคนก็ถูกเตะคาเตียงเสียก่อน
“นี่เจ้าหน้าที่ตํารวจ อย่าขยับ!”
“เงยหน้าขึ้นแล้วเอามือจับท้ายทอยไว้”
ทันทีที่เจ้าหน้าที่กลุ่มแรกใช้ปืนควบคุมคนในห้องไว้ได้ฉินอวี่กับคนที่เหลือจึงตามเข้าไป
ภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใดนอกจากลังไม้ขนาดใหญ่เจ็ดถึงแปดลังกองอยู่ข้างกําแพง
ฉินอวี่เก็บปืนก่อนเดินไปที่ลังไม้และเปิดมันออกทว่าด้านในกลับว่างเปล่า แต่ฉินอวี่ยังไม่เลิกความพยายาม เขาใช้ชะแลงที่อยู่ด้านข้างแงะลังไม้อีกลัง
“ก็ก!”
ทันทีที่เปิดลังไม้ได้ ฉินอวี่กับเจ้าหน้าที่สองคนรีบชะโงกหน้าดูก่อนจะพบว่าลังไม้ด้านในมีการป้องกันความชื้นไว้อย่าง แน่นหนาทั้งยังพบปืน S ราวสามสิบกระบอก และกระสุน Z อีกอย่างน้อยหนึ่งหมื่นลูกสะท้อนแสงไฟฉายแวววาว
ฉินอวี่ยิ้มกริ่มก่อนล้วงโทรศัพท์ต่อสายหาผู้กํากับหลี่
“เป็นไงบ้าง?” ผู้กํากับหลี่ถาม
“เหยืนเหลียงเสร็จผมแน่” ฉินอวี่ยิ้มหน้าบาน “ผมเจอปืนพวกมันแล้ว”