Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 180 ดักรอ
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 180 ดักรอ
อาคารสถานีวิทยุออนไลน์
หลังจากพูดคุยกับฉินอวี่ผ่านข้อความเสร็จ หลินเหนียนเล่ยโทรหาเพื่อนสาวของเธอ
“ว่าไงเลยเล่ย?”
“เลิกงานรึยัง?” หลินเหนียนเล่ยถาม
“เพิ่งจะเลิกเมื่อกี้เอง”
“ขับรถมารับฉันหน่อยได้ไหม?” หลินเหนียนเลยพูดต่อ “พอดีฉันไปยัวโมโหคนเข้าน่ะ ก็เลยกลัวนิดหน่อย”
หมู่บ้านแถบชานเมืองซ่งเจียง
จู้เหว่ยถามผ่านโทรศัพท์ว่า “แน่ใจนะว่าพวกนั้นอยู่ที่นี่?”
“แน่ใจสิ” นักโทษชายหัวล้านตอบขขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ในเรือนจําฮ่งเจียงหมายเลขสาม “น้องชายฉันชอบไปเล่นไพ่กับเสี่ยวเหมียวบ่อยๆ พวกนั้นรู้จักกันมานาน คิดว่าข่าวที่ได้มาน่าจะไม่ผิดหรอก”
“โอเค เข้าใจแล้ว” จู้เหว่ยพยักหน้า “ขอบใจ”
หลังวางสายจู้เหว่ยหันไปหาวันเว้นและคนอื่นๆ “เดี๋ยวฉันกลับมา เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”
ทุกคนกระชับปืนในมือทันที
ราวสิบนาทีต่อมา
จู้เหว่ยขับรถมาจอดตรงแยกเพื่อรับคนในทีมสามก่อน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน
อาคารสถานีวิทยุออนไลน์
ขณะกําลังนั่งแก้ไขสําเนาข่าว โทรศัพท์ของหลินเหนียนเลยก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล
“ หมายถึงแล้วเหรอเสี่ยวม?”
“อืม อยู่ข้างล่าง”
“โอเค ฉันกําลังลงไป” หลินเหนียนเลยวางสาย เธอรีบเก็บสําเนาข่าวไว้ในตู้ก่อนหยิบเสื้อโค้ตและปิดไฟออกจากห้องทํางานไป
ไม่ถึงสิบนาที่เธอก็มาถึงด้านล่างตึกก่อนรถไฟฟ้าของเพื่อนสาวจะขับมาเทียบท่า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เสี่ยวมีหันมาถามหลินเหนียนเลย “ไปทําให้ใครโกรธเข้าล่ะ?”
“ฉันบอกไม่ได้” หลินเหนียนเลยถอนหายใจ “คือฉันไปได้ข้อมูลข่าวหนึ่งมา แล้วมีใครบางคนพยายามติดสินบนให้ฉันบิดเบือนข่าว พอฉันไม่ยอมเขาก็ขู่ฉัน…”
“ไม่ใช่ว่าไปทําอะไรใครไว้ใช่ไหม?”
“จะเป็นไงได้ไงล่ะ” หลินเหนียนเล่ยกลอกตา “คนดีๆอย่างฉันเนี่ยนะจะไปทําใครได้? แต่ดูเหมือนว่าเขาจะจริงจังกับข่าวนี้มากเหมือนกันนะ”
“เขาได้พูดอะไรไว้อีกรึเปล่า?”
“ก็ไม่ใช่คําพูดที่ดีเท่าไหร่” หลินเหนียนเล่ยเผยสีหน้าเป็นกังวล “ดูยังไงเขาก็ไม่น่าจะใช่คนดี”
“ก็เลยโทรหาฉันให้มาเป็นไม้กันหมาสินะ” เสี่ยวมีพูดต่อ “แสดงว่าถ้าเธอจะถูกเล่นงานฉันก็ต้องโดนด้วยแหง”
“ก็ฉันมีแค่เธอนี้จะให้ทําไงได้”
“แล้วนายตํารวจคนนั้นล่ะ ทําไมไม่ลองโทรหาเขาดู? เขาเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎ์นะ แถมดูท่าแล้วยังพร้อมพิทักษ์เธอด้วยไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวมีหรี่ตาพูดด้วยน้ําเสียงหยอกเย้า
หลินเหนียนเลยเมื่อได้ยินดังนั้นจึงสบถออกมา “คนอย่างตาบ้านั่นน่ะเหรอ แค่นี้ฉันเหนื่อยจะคอยเป็นห่วงแล้ว”
“หืม?” เสี่ยวมี่ชะงัก “นี่พวกเธอถึงขั้นนั้นกันแล้วเหรอ? ไม่ธรรมดานะเนี่ย”
“จะบ้าเหรอ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละย่ะ” หลินเหนียนเลยพูดพลางถอะเสื้อโค้ตออก “เลิกพูดเรื่องหมอนั่นเถอะ ไปหาอะไรกินกัน”
“ถ้าเธอเลี้ยงฉันไปได้ทุกที่ค่ะคุณเพื่อน”
“งั้นไปหาข้าวอร่อยๆ แถวถนนหลวงกัน” หลินเหนียนเล่ยตอบหลังครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ฉันกะว่าจะไม่กลับบ้านสักพัก เอาเป็นว่าขอไปอยู่กับเธอด้วยจนกว่าข่าวฉบับที่สี จะออกแล้วกัน จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆแบบนี้”
“บอกตอนไหนคะว่าจะให้ไปอยู่ด้วยน่ะ?”
“ขอบคุณที่อนุญาตนะคะ ไปกันเถอะ”
“ยัยหน้าไม่อาย” เสี่ยวมีเบะปากก่อนหมุนพวงมาลัย
“เอี้ยด!”
ขณะทั้งคู่กําลังนั่งอยู่ในรถ จู่ๆรถขนน้ํามันก็พุ่งมาตรงหน้า
“ซวยล่ะ!” เสียวมีตกใจกับรถตรงหน้าจึงเหยียบเบรกกะทันหัน
“ตู้ม!”
เสียงรถชนกันดังสนั่นไปทั่ว
ทันใดนั้นชายสวมหน้ากากสี่คนก็กระโดดลงมาจากรถขนน้ํามัน สองในสี่เดินมาพร้อมกับพลั่วทหารในมือก่อนทุบกระจกรถของเสี่ยวมี
“ตุบ ตุบ เพล้ง!”
“พวกแกจะทําอะไร?” หลินเหนียนเลยตะโกนถามด้วยความกระวนกระวาย
ชายสองคนด้านหลังถือถังใส่เลือดและสาดมันใส่รถ
“ซ่า!”
หลินเหนียนเล่ยที่ติดอยู่ในซากรถถูกเลือดสาดเข้าใส่จนร่างเต็มไปด้วยกลิ่นคาว
“อยากพูดมากใช่ไหม? มาสิ ฉันจะให้เธอพูดให้เต็มที่เลย” ชายหนุ่มถือพลั่วทหารโบกมือสั่ง “ลากมันลงมา!”
ณ หมู่บ้านแถบชานเมืองซ่งเจียง
เสียวเหมียวรอรับโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่ออยู่ในบังกะโลหลังหนึ่ง “ฮัลโหล? ใช่ แค่พวกเรา โอเค ฉันจะออกไปแล้ว ได้ยังไงค่อยว่ากัน”
หลังวางสาย ต้าจินถาม “เตรียมการพร้อมแล้วเหรอ?”
“อืม ไปกันเถอะ”
“โอเค” ต้าจินเก็บสัมภาระก่อนสวมแจ็กเก็ตหนัง และเปิดประตูออกจากห้อง
ขณะที่ทั้งสองกําลังเดินลัดลานเล็กๆ ไปที่ประตูก็มีเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นจากทางซ้าย
ต้าจินรีบหันไปทางต้นเสียงที่ “นั่นใคร?”
ในความมืด เสี่ยวจิ๋วถือมีดยุโรปยาวครึ่งเมตรเดินออก มาอย่างช้าก่อนพูดขึ้น “ก่อเรื่องขนาดนี้แล้วยังคิดจะหนีไป โดยไม่พูดอะไรสักคํา ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?”
ต้าจินเคยเห็นเสี่ยวจิ๋วอยู่กับหวู่เหย้ามาก่อน เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “คือ…ฉันกําลังจะกลับเข้าเมืองนะ”
“อ๋อ งั้นเหรอ?”
เสี่ยวจิ๋วพยักหน้าพลางกวักมือ “มานี่สิ ฉันมีอะไรจะถามหน่อย”
ต้าจินยืนนิ่ง
ทันใดนั้นก็มีคนหกถึงเจ็ดคนเดินเข้ามาล้อมทั้งคู่ หลังอีกอักอยู่นานต้าจินจึงเดินเข้าไปหา “ฉันกําลังจะกลับเข้าเมืองจริงๆนะ ไม่ได้คิดจะ…”
“มีใครรู้เรื่องที่นายทํางานกับพวกค้าปืนเถื่อนอีกบ้าง?” เสี่ยวจิ๋วถามขัดโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ
เมื่อได้ยินดังนั้นเสี่ยวเหมียวเอื้อมมือไปรั้งแขนต้าจินเอาไว้เป็นเชิงให้คิดก่อนพูด ต้าจินที่เกือบหลุดปากเพราะความกลัวจึงตอบไปว่า “มีแค่…ฉันกับเสี่ยวเหมียวที่รู้เรื่องนี้ อ้อ… หวู่เหย้าเองก็รู้เรื่องอยู่แล้ว เพราะพวกนั้นขายสินค้าตัดราคา แถมยังลักลอบขายโดยไม่มาเจรจาก่อนด้วย หวู่เหย้าก็เลยอยากสั่งสอนพวกมัน”
“งั้นเหรอ”
เสี่ยวจิ๋วพยักหน้าก่อนใช้แขนซ้ายพุ่งเข้ารัดคอต้าจินและใช้มีดที่ถืออยู่อีกข้างแทงเข้าที่หน้าท้องอีกฝ่าย เขายิ้มมุมปาก “ถ้ามีแค่พวกนายสองคนนั้นเรื่องก็ง่ายหน่อย”
ต้าจินตกตะลึงพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ
“ฉีก!”