Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 189 ฉินอวี่ขอความช่วยเหลือ
ด้านนอกตึกมีชายสวมหน้ากากเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่เขากลัวฉินอวีและฟูเสียวห่าวที่อยู่ในห้องรวมไปถึงตํารวจคนอื่นๆที่อาจถูกเรียกมาเมื่อไรก็ได้
ด้วยไม่รู้จะทํายังไงมือปืนจึงยืนลังเลอยู่ด้านนอก
“บึง!”
ประตูเหล็กถูกฉินอวใช้ไหล่กระแทกเปิด เขายกปืนแล้วเหนี่ยวไกยิงทันที
“ปัง!”
ชายสวมหน้ากากหลบกระสุนปืนได้ทันท่วงที่ก่อนจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไป
ฉินอวีไล่ตามไปไม่ไกลก่อนตัดสินใจหันกลับเข้าไปในตึกเขากระทืบศีรษะของชายสวมหน้ากากร่างกํายําที่นั่งทรุดอยู่ครงหน้าฟูเสี่ยวห่าวอย่างไม่ไยดี
“ตุบ!”
ชายคนดังกล่าวหัวกระแทกพื้นคอนกรีตอย่างแรง
ฟูเสี่ยวห่าวใช้เข่าซ้ายกดกระบอกปืนไว้ก่อนจับหัวอีกฝ่ายขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างและกระแทกลงกับพื้นหลายครั้งจนร่างหนาแน่นิ่ง
ทั้งห้องโถงเงียบลงทันใด
ฉินอวี่ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ลําคอแห้งผากด้วยความอ่อนล้าประสาทสัมผัสเริ่มพร่ามัว
เช่นเดียวกับฟูเสี่ยวห่าวที่กําลังนั่งคล่อมคนร้ายอยู่เขาจัดการศัตรูจนเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ ส่งผลให้ใบหน้าเริ่มซีดเหมือนคนใกล้ตาย
“หลิวหลิวเป่าเฉินต้องเป็นมันแน่ที่คิดจะฆ่าฉัน” ฉินอวี่พูดขึ้นหลังได้นั่งพัก เขารู้สึกเหนื่อยจนแทบยกแขนไม่ขึ้น
ฟูเสี่ยวห่าวเก็บปืนของชายสวมหน้ากากไว้และนั่งลงบนพื้นก่อนเงยหน้าถามฉินอวี่ว่า “แน่ใจเหรอครับว่าเป็นฝีมือของผู้หมวดหลิวเปาเฉิน?”
” คิดว่านะ” ฉินอวี่ตอบสั้นๆ
หลังครุ่นคิดพักหนึ่งฟูเสี่ยวห่าวก็เงยหน้าขึ้นพูด “แต่ผมมั่นใจว่าเป็นฝีมือเขา”
ฉินอวี่ตกตะลึง “แน่ใจได้ยังไง?”
ฟูเสี่ยวห่าวค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นยืนและถอดเข็มขัดออกเขาใช้มันมัดชายสวมหน้ากากที่ถูกทุบหัวจนสลบเหมือนไว้กับท่อในห้องก่อนหันมาตอบ “เดี๋ยวผมจะช่วยเอง”
บนถนน
ติงถั่วเซินกุมแผลที่แขนวิ่งสุดกําลัง
เขาออกตามหาจู่เหว่ยเพื่อขอกําลังเสริมไปช่วยพวกฉินอวี่โดยเร็วแต่เพราะอินเตอร์คอมถูกระงับสัญญาณแถมไม่มีอุปกรณ์สื่อสารใดเหลือให้ติดต่อเขาจงต้องวิ่งหาท่ามกลาง เสียงปืนดังระงม ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าพวกงูเหว่ยและคนอื่นๆอยู่ทางไหนกันบ้าง
ทางตะวันออกของอพาร์ตเมนต์ถนนเมเปิล
เจ้าหน้าที่ตํารวจติดอาวุธหลายสิบนายได้เข้าล้อมต้าฮ์ วงและคนอื่นๆที่ตอนนี้มาสมทบกับอาเซียวในตรอกริมถนนแล้วและมีการยิงปะทะกันอย่างรุนแรง
อาเซียวยืนตะโกนอยู่ปากซอย “อย่าเพิ่งท้อเราต้องรอดออกไปให้ได้!”
“เราออกไปไม่ได้แน่ลูกพี่” ชายหนุ่มทางซ้ายตอบด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ “ถ้ากระสุนหมดเมื่อไหร่ยังไงเราก็ไม่รอดถูกล้อมไว้ขนาดนี้มีแค่ตายกับตายเท่านั้นแหละ”
“ฉันบอกว่าเราจะรอดเราก็ต้องรอด”อาเซียวตอบกลับ “ทุกคนเตรียมพร้อม…เดี๋ยวเราจะวิ่งชิดซ้ายไปอย่าปล่อยให้พวกตํารวจจับตัวได้ไม่งั้นได้จบเห่จริงๆ แน่”
ด้านหลังกําแพง จู่เหว่ยมองอาเซียวกับคนอื่นๆที่อยู่ตรงข้ามพลางบ่นอุบ“แค่กําลังรบก็ต่างกันแล้ว ทําไมไม่เรีย กตํารวจหน่วยพิเศษมาช่วยวะพวกเรามีกันแค่ไม่กี่คน แถมปืนกระจอกแบบนี้ คิดจะจับพวกมันจริงรึเปล่าเนี่ย? หลิวเป่าเฉินมันทํางานยังไงองมัน…”
วุ้นเส้นกลอกตาแล้วตอบว่า “นอกจากพวกเราแล้วทุกคนที่มาที่นี่เป็นพวกหลิวเป่าเฉินหมด แถมยังสั่ง ให้เก็บอุปกรณ์สื่อสารก่อนเริ่มภารกิจอีกทําไปเพื่ออะไรกันแน่? ถ้าจะบอกว่ากลัวข้อมูลรั่วไหลก็แสดงว่าในสํานักงานตํารวจต้องมีหนอนบ่อนไส้”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…ทําไมมันถึงกลัวเราทําข้อมูลรั่วไหลขนาดนั้นด้วย?”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้โง่นั่นมันคิดอะไรอยู่” วุ้นเส้นส่ายหัว
ขณะที่ทั้งสองกําลังคุยกัน เสียงปืนในตรอกกลับรุน แรงขึ้นอีกครั้งอาเซียวใช้ปืนอัตโนมัติกระหน่ํายิงเพื่อคุ้มกันพรรคพวกของตน
ต้าฮวงส่งชายสองคนออกไปทางซ้ายและพุ่งตรงไปทางที่มีจุดบอด
เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งสี่นายที่กําลังต้านอยู่รู้ดีว่ากําลังการยิงของอีกฝ่ายรุนแรงเกินไป ตราบใดที่ไม่ยิงให้ตายในนัดเดียวคงทําอะไรไม่ได้
จากการกระหน่ํายิงของอาเซียวทําให้ตพรวจที่ล้อมอยู่ เริ่มล่าถอย
“ถ้าสบโอกาสให้รีบออกไปทันที” อาเซียวตะโกนพร้อม กับโบกมือ
ใกล้กับสวนหย่อม
ขณะกําลังขนาบข้างศัตรู โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลิวเปาเฉินดังขึ้น
“บุกเข้าไปแล้วล้อมพวกมันไว้ให้ได้” หลิวเปาเฉินออกคําสั่ง “อีกไม่นานกําลังเสริมจะมาถึงแล้ว” ”
เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เหลือก้มตัวลงและเคลื่อนไปข้างหน้า
หลิวเปาเฉินวิ่งรั้งท้ายก่อนล้วงโทรศัพท์มากดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล?”
“เราเก็บไอ้ฉินอวไม่ได้ แถมยังเสียคนไปอีก” ปลายสายพูดอย่างรวบรัด
หลังจากได้ยินหลิวเป่าเฉินก็โมโหเลือดขึ้นหน้า “พวกแกกระจอกขนาดนั้นเลยรึไง? ฉันอุตส่าห์เรียกตัวมาตั้งไกลกะอีแค่คนไม่กี่คนมันจัดการยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก่อนหน้านี้นายบอกว่าฉินอวี่มากับเด็กฝึกงานปอดแหกสองคนใช่ไหม?” ปลายสายตะคอกกลับอย่างเหลืออด “เด็กฝึกที่นายว่าคืนคนที่วิ่งเอาตัวมาบังกระสุนให้ ไอ้ฉินอวีกับคนที่ช่วยไอ้ฉินอวี่ฆ่าคนของฉันพวกมันไม่แม้แต่จะวิ่งหนีด้วยซ้ําแบบนี้มันหมายความว่าไง?!”
หลิวเปาเฉินตกตะลึง
“นายให้ข้อมูลผิดพลาดเองอย่ามาโทษฉัน” อีกฝ่า ยตอบกลับกฏอีกอย่างฉันต้องเสียคนไปโดยเปล่าประโยชน์และนายจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ”
หลิวเปาเฉินตั้งสติ ด้วยไม่มีเวลาเถียงเขาจึงถาม “แล้วคนของนายที่ว่าตายแน่แล้วรึยัง?”
“ไม่รู้โว้ย”
“แล้วไอ้ฉินอวีมันรู้รึยังว่าพวกนายเป็นใคร?” หลิวเปาเฉินกัดฟันถามอีกครั้งหลัง
“น่าจะไม่รู้ เพราะพวกฉันพาตัวหลีจือไป มันคงคิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกับอาเซียวและมาเพื่อพาพวกนั้นหนี้” อีกฝ่ายตอบหลังครุ่นคิด
หลิวเป่าเฉินโล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น “นายกลับไปจัดการต่อได้รึเปล่า?”
“ไม่ ฉันจะออกไปแล้ว”
“เวรเอ๊ย!” หลิวเปาเนินสบถและกดวางสายโทรศัพท์
ในเวลาเดียวกัน
เสียงของฟูเสี่ยวห่าวปรากฏขึ้นในช่องอินเตอร์คอม “ประตูเหล็กฝั่งตะวันตกขอการสนับสนุน ได้ยินไหม…เราขอ การสนับสนุน!เราพบผู้สมรู้ร่วมคิดและรองผู้หมวดฉินได้รับ บาดเจ็บสาหัสจากการปะทะตอนนี้เขาวิ่งต่อไม่ได้แล้วรบกว นผู้หมวดหลิวช่วยส่งคนมาช่วยด้วยครับ”
หลิวเป่าเฉินเหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินเช่นนี้
มือปืนยังมีชีวิตอยู่แถมยังถูกจับตัวไว้ได้อีกถ้าปล่อยให้สอบปากคําแล้วรับสารภาพต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
ทํายังไงดี?
ขณะที่หลิวเป่าเฉินกําลังคิดหนัก จี้เหว่ยก็ตอบกลับผ่านอินเตอร์คอม “ฉันจะเข้าสนับสนุนประตูฝั่งตะวันตกเองเสี่ยวห่าวอย่าเพิ่งทําอะไรผลีผลามกับพวกคนร้ายนะ ขอความปลอดภัยของรองผู้หมวดฉินมาเป็นอันดับแรก”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง หลิวเปาเฉินตอบแทรกทันทีว่า “ฉันอยู่ห่างจากประตูด้านตะวันตกแค่สี่ร้อยเมตร จี้เหว่ยอย่านําทีมออกจากจุดปะทะโดยไม่ได้รับอนุญาตฉันจะไปช่วยฉินอวี่เอง”
“ไม่เป็นไร ผมจะพาคนไปเอง” จี้เหว่ยตอบราวกับไม่ไว้ใจหลิวเป่าเฉิน
“ฉันบอกว่าจะไปช่วยเอง นายอย่าออกจากภารกิจไม่งั้นถ้าพวกคนร้ายหนีไปได้ฉันส่งขึ้นศาลแน่นอน” หลิวเปาเฉินขึ้นเสียง
“ไอ้!”
รู้เหว่ยทุบอินเตอร์คอมกับพื้นพร้อมสบถ
“ไม่เป็นไรหรอก หมอนั่นคงไม่กล้าปล่อยให้ฝั่งนั้นรอนาน” วุ้นเส้นเห็นความกังวลของงูเหว่ยและพูดแนะนําทันที “อีกอย่าง…ทุกคนเป็นพยานแล้วว่าเขาจะไป”
ใกล้กับสวนหย่อม
เจ้าหน้าที่ตํารวจที่อยู่ด้านข้างหันไปหาหลิวเปาเฉินและถามว่า “เราจะกลับไปที่ฝั่งตะวันตกเพื่อช่วยฉินอวีใช่ไหมครับ?”
หลิวเปาเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “ไม่พวกนายอยู่ ข้างนอกนี่แหละฉันจะพาคนอื่นเข้าไปช่วยเองเหลือคนร้ายอีกแค่คนเดียว”
หลิวเปาเฉินเหงื่อแตกก่อนจะวิ่งกลับไปทางประตูตะวันตกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
ในรถคันหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับประตูฝั่งตะวันตกหนึ่งร้อยเมตร ฟูเสี่ยวห่าววางสายอินเตอร์คอมก่อนพูดเสียงแผ่วว่า “ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะว่าจะมาเองรึเปล่า”