Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 251 นักแสดงหน้าใหม่
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 251 นักแสดงหน้าใหม่
ตอนที่ 251 นักแสดงหน้าใหม่
หลังถูกฟาดด้วยกระบองสองสามครั้งก็ยอมจำนนโดยดีเพราะรั้นไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้าหน้าที่หลายคนพร้อมจะทุบได้ตลอดเวลา ทั้งยังมีแผลตามร่างกายอยู่แล้วจึงไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้
ฉินอวี่มองโดยรอบก่อนจะออกคำสั่ง “ตู้เหว่ย พวกนายพาคนทั้งหมดไปที่สำนักงานก่อน ส่วนฉันจะพาหนิวเงินไปโรงพยาบาลเอง”
“รับทราบ” จี้เหว่ยพยักหน้า
“เอาล่ะ ขึ้นรถไป!” ฟูเสี่ยวห่าวฉุดกระชากคอเสื้อของหนิวเงินเข้าไปในรถ
หนิวเจนนั่งครุ่นคิดอยู่ในรถพลางรู้สึกว่าการที่ฉินอวี่ให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนดูใจดีผิดปกติเกินไป
ฉินอวี่กลับลงมาและโบกมือสั่ง “ติงถั่วเซิน ขับรถไปที่โรงพยาบาลสถานีตำรวจ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย?” หนิวเงินถาม
“เพียะ!” ฟูเสี่ยวห่าวถาม “จะถามอะไร? ถามฉันสิ!”
หนิวเจนเห็นว่าฟูเสี่ยวห่าว ดูเป็นเด็กใหม่ไม่น่าจะทำอะไรได้มากจึงรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างและไม่พูดอะไรอีก
โกดังขนาดใหญ่บนถนนหนานหยาง
ทันที่ที่เปยเตอหยงรวมตัวกันเสร็จโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“เจ้าหน้าที่ทุกคนของสำนักงานตำรวจอยู่ในมาโกวกันหมด” ชายวัยกลางคนเตือนด้วยเสียงทุ่มต่ำ “คาดว่ากลุ่มพวกฉินอวี่มาถึงแล้ว
“ทำไมไม่เตือนฉันก่อนละว่ามีตำรวจอยู่นั่น?” เปยเต่อหยงรู้สึกกังวล “ทุกคนที่เตรียมพร้อมแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
“ผมเป็นตำรวจก็จริงแต่เรื่องความลับเฉพาะกลุ่มข้อมูลมันก็ช้ามาก” คนในสายกระอักกระอ่วน “ฉินอวี่พอได้ข้อมูลก่อนก็มุ่งหน้าไปทันที”
“โอเค รู้แล้วๆ” เปยเตอหยงวางสายด้วยความโกรธพร้อมสาปแช่ง “พวกเวรตะไลเอ๊ย
เปยต่อหยงรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะหาใครสักคนเพื่อเป็นสายในสำนักงานตำรวจรัฐพื้นทมิฬ ตอนนี้ฉินอวี่ก็เป็นใหญ่แล้ว เป็นไปได้เขาก็ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับใครก็ตามในสำนักงานตำรวจ
ยี่สิบนาทีต่อมา
ฉินอวี่ยืนอยู่หน้าประตูแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลสถานีตำรวจพลางก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ
“เซ็นชื่อซะ” ฟูเสี่ยวห่าวหยิบบันทึกการจับกุมและยื่นให้หนิวเงิน
“หมายความว่ายังไง? ให้ฉันเซ็นชื่อโดยไม่มีการพิจารณาคดีเนี่ยนะ?” หนิวเงินถามพลางจ้องเขม็ง
“ยังต้องพิจารณาอะไรอีก? ไม่ใช่ว่าแกเอาคนบุกไปร้านพนันนั่นรีไง? และพวกแกไม่ใช่เหรอที่ต่อยตีกันแถมมีอาวุธครบมือ?” ฟูเสี่ยวห่าวรัวคำถามอย่างต่อเนื่อง
ฉินอวี่เอื้อมมือออกไปแตะบ่าของติงถั่วเซินพร้อมพูดอย่างขบขัน “ดูเสี่ยวห่าวสิเขาช่วยฉันได้มากเลย…เรียนรู้ไว้นะ”
“โธ่พี่ ผมไม่รู้จะคีพลุคยังไง ทำไม่เป็นจริงๆ ” ติงกั่วเซินตอบกลับ “แต่ก็ดีแล้วละครับ ฮ่าฮ่า!”
“ไปหามื้อเย็นกินกันเถอะ” ฉินอวี่ขี้เกียจสอนแล้วรึกโบกไม้โบกมือชวนกันออกไปกินข้าว
“ครับผม” ติงกัวเซินหันหลังกลับและเดินตามไป
ในตัวอาคาร
“ จะเซ็นไหม?” ฟูเสี่ยวห่าวถามหนิวเจนด้วยการขมวดคิ้ว
“ไม่…ยังไม่เซ็น” หนิวเจนส่ายหัว “พวกแกจับฉันมายังไม่เกินเจ็ดสิบสองชั่วโมง ฉันจะรอคนของฉันมาก่อน”
หลังจากได้ยินคำนั้นฟูเสี่ยวห่าวจึงใช้นิ้วชี้จิ้มเข้าไปที่แผลบนใบหน้าของหนิวเงิน
“โอ๊ย! ไอ้เวรนี่!” หนิวเจินยืนขึ้นสบฤด่า น้ำตาของเขาไหลพรากเพราะความเจ็บปวด
“ทำอะไรกัน? ที่โรงพยาบาลนะครับ!” หมอตะโกนจากในห้องตรวจด้านหลัง “อย่าส่งเสียงดังรบกวนคนไข้คนอื่นได้ไหม?”
หนิวเจนกัดฟันแน่นขณะจ้องไปที่ฟูเสี่ยวหาวด้วยดวงตาสีแดง “ถ้าฉันหลุดไปได้ อย่าให้ฉันเห็นแกเดินบนถนนคนเดียวก็แล้วกัน!”
“ขู่ฉันเหรอ?” ฟูเสี่ยวห่าวดึงกระบองออกมากระแทกหน้าผากของอีกฝ่ายสองครั้ง “เออ ฉันจะไปเดินเล่นคืนนี้ทำไม จะทำอะไรฉันบ้างล่ะ?”
หนิวเจินหัวร้อนจนอยากจะตะบันหน้าอีกฝ่ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ฉินอวี่เดินเข้ามาที่ประตูเหลือบมองทุกคนและพูดอย่างรวบรัด “ฉันไม่บังคับนายเซ็นก็ได้ แต่ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปเล่นงานเปยเตอหยงแทน อย่าให้ฉันอารมณ์เสียดีกว่านะ”
หนิวเจนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกำหมัดแน่น “ก็ได้! ฉันจะเซ็น”
พอพูดจบหนิวเจนก็ก้มหน้าเซ็นชื่อในบันทึกการจับกุม
ฉินอวี่เดินไปหน้าห้องตรวจและตะโกน “หมอจางรบกวนเย็บแผลที่หน้าเขาหน่อยนะครับ อีกสองชั่วโมงฉันจะมารับเขาไปหมวดสาม”
“รบกวนฉันตลอดเลยนะ” หมอจางในชุดแล็บสีขาวหรี่ตาพูด
ฉินอวี่ขยิบตาใส่ฟูเสี่ยวห่าวเป็นสัญญาณให้เขาไปหยิบซองจดหมายสีแดงออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ “ทีมฉินขอเชิญทุกคนไปทานอาหารเย็นคืนนี้นะครับ”
“โอ้..เข้าท่านี่” หมอจางยิ้ม “โอเค ฉันจะเย็บแผลให้เขาเอง”
“แล้วเจอกันครับ!” ฉินอวโบกมือลาและออกไปพร้อมกับฟูเสี่ยวห่าว
สิบนาทีต่อมา ภายในรถที่จอดชั้นล่าง
ฉินอวี่และคนอื่นกำลังกินบะหมีพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“พี่ฉิน เรายังจะกลับไปที่สำนักงานอยู่ไหม?” ฟูเสี่ยวหาวถาม
“ถ้านายไม่ไปก็ปล่อยให้รู้เหว่ยจัดการมันแทน” ฉินอวี่ตอบขณะ ส่ายหัว
“เอ่อ…มีอะไรซ่อนอยู่เหรอครับ?” ติงกั่วเซินถาม
ฉินอวี่ตกใจเมื่อได้ยิน “หม? นายพูดอะไรน่ะทำเอาฉันแปลกใจ เลยนะเนี่ย”
“ผมไม่ได้โง่นะ ก่อนหน้านี้แค่ไม่อยากพูดอะไรเฉยๆ” ติงกั่วเซินตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ “มองแวบเดียวก็รู้แล้วครับ”
“ฮ่าฮ่า!” ฉินอวี่ยิ้ม “เยี่ยม มีพัฒนาการนี้”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันโทรศัพท์ของฉินอวี่ก็ดังขึ้น
“ครับผู้บัญชาการเหวิน?”
“ฉินอวี่ นายจับหนิวเงินได้หรือเปล่า?” เหวินหยงกังถามอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่ครับ” ฉินอวี่พยักหน้า
“เขาก่อเรื่องอะไรมา?”
“ไม่ร้ายแรงแค่ยกพวกตีกันกลุ่มใหญ่ครับ”
“ผู้กองมิลเลอร์จากสถานีตำรวจโทรมาบอกว่าให้ปล่อยหนิวเงินไป เขาจะรับช่วงต่อเอง” เหวินหย่งกังถามอย่างตรงไปตรงมา “มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
“เฮ้อ” ฉินอวี่วางชามบะหมีลงและพูดอย่างเสียดาย “ถ้าท่านผู้บัญชาการโทรมาเร็วกว่านี้สักสองสามนาทีก็น่าจะทันนะครับ”
“ทำไม? มีอะไรผิดปกติเรอะ?” เหวินหย่งกังถามด้วยความสงสัย
“ผมเพิ่งให้เขาลงชื่อในบันทึกการจับกุมไปแล้วนะสิ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว” ฉินอวี่พูดต่อ “เรือนจำทั้งสามแห่งก็รับฝากขังแล้วตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ”
เหวินหยงกังถึงกับพูดไม่ออก
“หนิวเจินมีความสัมพันธ์กับมิลเลอร์สินะ” ฉินอวี่พูดเสียงเบา “คุณก็แค่ไปบอกเขาว่าผมไม่รู้ว่าเขารู้จักกันบันทึกการจับกุมก็ส่งไปแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้ก็มีแต่ให้เรือนจำเหล่านั้นดูแลเขา”
“ก็คงต้องอย่างงั้นแหละ” เหวินหยงกังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดจบทั้งสองก็วางสาย ฟูเสี่ยวห่าวที่ดูการแสดงของฉินอวี่มาตลอดจึงยกนิ้วให้ “พี่ฉินเคยคิดจะเข้าวงการนักแสดงรึเปล่าครับ?”
“ฮ่าฮ่า! ไปหมดไม่เกี่ยงราคาด้วย” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม
อีกด้านหนึ่ง
เปยแต่อหยงนั่งขมวดคิ้วอยู่ในรถ “ผู้กองมิลเลอร์ หนิวเจนโดนขังทำอะไรไม่ได้แล้ว คราวนี้ฉันจะหาใครมาทำงานให้ดีล่ะ?”