Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 257 สายเรียกเข้า
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 257 สายเรียกเข้า
ตอนที่ 257 สายเรียกเข้า
“ฮัลโหล นั่นใคร?” ฉินอวี่รับสายและยืนคุยหน้าห้องหลินเหนียนเลย
“พี่ ฉันเขี้ยวเอง!”
“ห้ะ?!” ฉินอื่นิ่งไปครู่หนึ่ง “โทรมาได้ไงเนี่ย?”
“วันนี้มาทำเรื่องทหารผ่านศึกน่ะครับก็เลยมีโอกาสโทรกลับบ้านได้” เขี้ยวตอบด้วยรอยยิ้ม
“อย่ามาโม้!” ฉินอวี่ไม่เชื่อ
“ผมไม่ได้โม้จริงๆ” เขี้ยวเน้นย้ำอย่างจริงจัง “ผมเป็นทหารผ่านศึกแล้วนะ และมีอีกสามคนแต่แก่กว่าผมไปหนึ่งปีเท่านั้น”
“แล้วยังไงเหรอ? จะโทรมาอวดฉันรึไง?” ฉินอวี่มีความสุขมากแต่ก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เปล่าครับ แค่จะโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบก็เท่านั้น ว่าแต่พี่ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“อ๋อ ฉันสบายดี เมื่อกี้ก็กำลังคุยกับป้าหลินอยู่” ฉินอวี่ตอบ
“ทำอะไรกันอยู่นะ?” เขี้ยวถามด้วยความสงสัย
“ไอ้เด็กแก่แดดนี่ ระวังคำพูดหน่อยนะ!” ฉินอวีตำหนิ
หลินเหนียนเลยเมื่อได้ยินก็หยิกเอวฉินอวี่ “อย่าสร้างข่าวลือสิตาบ้า!”
ฉินอวี่ยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าแห่งความเจ็บปวด “แล้วนายสบายดีไหม?”
“อะ…อืมผมสบายดี ก็แค่อยากโทรหาพี่เท่านั้นเอง” น้ำเสียงของเขี้ยวดูลังเลขณะตอบ
ฉินอวี่ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง “มีอะไรก็พูดมาเถอะไม่ต้องอึกอัก”
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ” เขี้ยวตอบด้วยรอยยิ้ม “ตอนไปปฏิบัติหน้าที่ช่วงปีใหม่ไม่มีโอกาสโทรหาพี่เลย ฮ่าฮ่า ผมก็แค่คิดถึงนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรน่า อย่าคิดถึงมากเกินละกัน” ฉินอวี่ขมวดคิ้วพูด “ตอนอยู่ในกองทัพก็ทุ่มเทให้กับมัน ไม่ต้องกังวลเรื่องทางบ้าน”
“ผมรู้แล้วน่า”
“โอเค…งั้นก็ดี” ฉินอวไม่ได้พูดให้ซึ้งอะไร “เลื่อนยศได้เมื่อไหร่ฉันจะไปหานายที่เพิ่งเปยเมื่อนั้นแหละ”
“จริงเหรอพี่?!” เขี้ยวถามอย่างตื่นเต้น
“จริงๆ” ฉินอวี่พยักหน้า
“โอเค แค่นี้นะพี่!”
“อืม”
ฉินอวี่พูดจบก็วางสายไป
หลินเหนียนเล่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทำไมไม่พูดจาให้มันอ่อนโยนหน่อยล่ะ เขายังเด็กอยู่นะ? เอาเขาไปอยู่ในที่แบบนั้น เขาอุตส่าห์โทรมาทั้งที่จะไม่พูดอะไรดีๆ หน่อยเหรอ?”
ฉินอวี่ขมวดคิ้วใส่อีกฝ่าย “เธอไม่รู้อะไรหรอกน่า!”
“หืม? อย่างกับนายรู้จักฉันมากนักล่ะ!” หลินเหนียนเลยกัดฟันพูด
“อย่าเพิ่งเสียงดังนะ” ฉินอวี่มองลงไปในสมุดโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจกดโทรไปเบอร์หนึ่ง
ผ่านไปหลายสิบวินาที
“พี่ฉวี ผมฉินอวี่เองเด็กผู้กำกับหลี่” ฉินอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้เขี้ยวโทรหาผม ฟังน้ำเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่าง แต่พอถามก็บอกว่าไม่มีอะไร..ฉันเลยกังวลนะ”
“วางเหอหนานเหรอ?”
“ใช่!”
“หม เขาไม่ได้บอกนายเหรอ?” อีกฝ่ายถามด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
“หวางเหอหนานทำได้ดีในการฝึกซ้อม ทั้งการยิงและการต่อสู้ระยะประชิด คุณสมบัติเฉพาะตัวก็ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาเพื่อนของเขา” ฉวีเกออธิบายด้วยเสียงทุ่มต่ำ “ไอ้เด็กคนนี้แข็งแกร่งมากอีกทั้งมีความเป็นผู้นำ…ฉันชอบเขาจริงๆ”
“งั้นก็เป็นเรื่องดีล่ะสิ ฮ่าฮ่า!” ฉินอวี่ยิ้มอย่างมีความสุข “หมอนั่นเติบโตมาในสภาพเวดล้อมที่ยากลำบาก แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณภาพต้องดีว่าคนอื่น”
“แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่”
“อะไรเหรอ?”
“เส้นสายเขาไม่ค่อยมีมาก” ฉวีเกอกระซิบ “ถ้าแค่มาฝึกสองปีระดับของเขาก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากให้เขาอยู่ที่นี่อีกนานเพื่อไต่เต้าขึ้นไปอีกล่ะก็ คงต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการสักหน่อย..ฉันปล่อยให้เขาโทรหานายก็เพราะเรื่องนี้แหละ”
“เท่าไหร่เหรอพี่?” ฉินอวี่ถามทันที
“ไม่เยอะหรอก แค่ห้าพัน…ฉันนึกว่าเขาจะบอกนายซะอีก” ฉวีเกอยิ้ม
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะส่งเงินให้พี่ห้าพันดอลลาร์นะ” ฉินอวี่ยิ้ม “แต่มีข้อแม้!”
“ข้อแม้อะไร?”
“พี่บอกเขาว่ามีตำแหน่งว่างพอดี” ฉินอวีพูดต่อ “แต่อย่าบอกว่าฉันจ่ายให้นะ”
“ทำไมล่ะ?” ฉวีเกอแปลกใจ
“ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกว่ามีคนหนุนหลัง เดี๋ยวเด็กมันจะได้ใจเอาน่ะ” ฉินอวี่ตอบอย่างรวบรัด
ฉวีเกอพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้ฉันจะจัดการให้เอง”
“รบกวนพี่หน่อยนะ” ฉินอวี่กล่าวอย่างสุภาพ
ทั้งสองกล่าวคำลากันแล้ววางสายไป จากนั้นฉินอวี่ก็พึมพำด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ขี้เกรงใจอะไรไม่เป็นเรื่อง”
หลินเหนียนเลยอึ้งไปครู่หนึ่ง “พวกปากแข็งนี่แหละอ่อนไหวง่ายที่สุด”
ฉินอวี่เงยหน้าขึ้นจ้องหลินเหนียนเล่ย “เธอชอบเด็กไหม?”
“ชอบสิ”
“นี่ ฉันช่วยเธอให้มีเด็กได้นะ!”
“ฉินอวี่ ตะกี้นายบอกว่ายังต้องไปทำธุระอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?..ทำ ไมชอบฉวยโอกาสฉันตลอดเลยเนี่ย?” หลินเหนียนเลยเร่งอีกฝ่าย
“โอ้ใช่ ฉันจะซ่อมก๊อกน้ำนี่นา!” ฉินอวี่ยิ้มและเข้าไปในห้องน้ำ
คืนถัดมา
ภายในซอยตรงข้ามกับบริษัทขนส่งจี้เฉิง
จ่าวเปาพูดด้วยสีหน้าอดหลับอดนอน “หลังจากต้องมานั่งจับตาดูพวกนั้นสองวัน ฉันว่าฉันใกล้จะตายแล้วจริงๆ กลางวันก็ไปทำงานตกดึกยังต้องมาที่นี่อีก นี่ฉันมีร่างกายแบบไหนกัน?”
“อย่าเพิ่งร้อนใจไป นายนี่ตื่นตูมตลอดเลยนะ” ถังหยวนเกลี้ยกล่อมให้อดทน “คดีนี้เป็นงานที่น่าเบื่อ อดทนหน่อย!”
“ฉันไม่ได้นอนตอนกลางวันแบบนายนะ!” จ่าวเปาลืมตาขึ้นแล้วพูด “ฉันต้องร้อนรนอยู่แล้ว ไม่งั้นฉันคงตายตั้งแต่อายุยังน้อยแน่
“นายว่าไงนะ?” ถังหยวนขมวดคิ้ว “ฉันบอกเป็นหมื่นครั้งแล้วว่าฉันมีแค่เบาะแสนี้เท่านั้น!”
“ก๊อก ก๊อก!”
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเคาะที่หน้าต่างประตูรถ “พี่ชาย มีไฟแช็กไหม?”
ข่าวเปาจึงลดกระจกหน้าต่างลงและถามเสียงเบา “จะยืมไฟแช็กเหรอ?”
“ผัวะ!”
หลังพูดจบ ชายหนุ่มที่อยู่นอกรถก็ใช้สันปืนสั้นกระแทกหัวจ่าวเปา “พวกแกกำลังทำอะไรกัน?!”
ข่าวเปาตะลึงงันและหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันที