Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 259 แผนของเปยเตอหยง
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 259 แผนของเปียเตอหยง
ตอนที่ 259 แผนของเปยเตอหยง
กลางดึก
เสี่ยวจือขับรถกลับบริษัทขนส่งจี้เฉิง พอไปถึงเขาก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วถาม “ไปเจอมาได้ไง?”
“สองคนนั้นอยู่มาวนเวียนแถวบริษัทมาสองสามวันแล้วครับ” ชายหนุ่มด้านข้างพูดเสริม “ที่แรกเราก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก แต่เสี่ยวหัว เขาจ้องจอของกล้องวงจรปิดทุกวัน และพบว่ารถคันนั้นเปลี่ยนชื่อยู่ตลอด”
เสี่ยวจือหยิบกาต้มน้ําขึ้นมาก่อนขมวดคิ้วแล้วถาม “สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“คนหนึ่งดูอายุมากกว่าสี่สิบ ส่วนอีกคนเหมือนจะสามสิบต้นๆ เขาดูประหม่าและแต่งตัวแปลกๆ” ชายหนุ่มอีกคนก็พูดเสริม “อย่างกับคนต่างชาติเลยพี่”
“แล้วเขาว่าไงบ้าง?” เสี่ยวจือถาม
“ตอนแรกพวกนั้นไม่ได้จะมาซื้ออะไร แต่พอพูดเรื่องจี้เฉิงหนึ่งในพวกนั้นก็บอกว่าต้องการเด็กและจะจ่ายสามหมื่นต่อหัวเลย” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบกระดาษบนโต๊ะ “นี่เป็นเบอร์ที่เขาทิ้งไว้ให้ เรา”
“หัวละสามหมื่นหยวน?!” เสี่ยวจือจ้องโน้ตเขม็ง “ จ่ายมากกว่าครึ่งเลยนะเนี่ย”
“ใช่ครับพี่”
เสี่ยวจือควงกุญแจรถขณะพูดข้างเอ้อหลาง “แล้วเจอคนขับรถคันที่มีเด็กตายรึยัง?”
“ยังไม่เจอเลยครับ แต่พวกนั้นหลบหนีไปแล้วข่าวจึงรั่วไหลยาก” ชายหนุ่มส่ายหัว “แต่ดูจากสองคนนั้นมันน่าจะรู้ว่าเราเอาเด็กมาพักที่ซ่งเจียงเพื่อไปส่งจุดหมายแน่”
เสี่ยวจือมองกระดาษโน้ตแผ่นนั้นอีกครั้ง “ไปตรวจเบอร์โทรและรถที่พวกเขาใช้ก่อน”
“ได้ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า “ผมจะหาคนมาสืบ”
“ฮ่าฮ่า” เสี่ยวจือเกาหัว “สามหมื่นต่อหัวเลย….ไม่ธรรมดา”
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “พี่จือ แล้วต้องรายงานเจ้านายไหมครับ?”
เสี่ยวจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนโบกมือ “ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เขาสนใจแค่เรื่องยาคงไม่จําเป็นต้องบอก นายไปตรวจสอบให้ดีก็พอ”
“ครับพี่” ชายหนุ่มพยักหน้า
สองวันต่อมา
บริษัทหยวนเจียซินในรัฐเจียงหนาน หยวนเค่อทักทายเปยเตอหยงอย่างสุภาพ “เชิญนั่งก่อนสิพี่เปย”
“โอ้ นี่ที่ทํางานเหรอ?” เปยเตอหย่งถามขณะมองรอบในสํานักงาน
“ฉันซื้อต่อมาอีกที จากนั้นก็แต่งเพิ่มอีกเล็กน้อย” หยวนเคอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ตั้งมาบังหน้าเท่านั้นแหละนะ”
“อ๋อ” เปยเตอหยงหยิบกล่องบุหรี่ออกมา
หยวนเค่อหยิบไฟแซ็กขึ้นมาเพื่อช่วยจุดไฟให้ “ว่าแต่พี่มาหาฉันถึงที่นี่ มีอะไรเหรอ?”
เปยหยงตงสูบบุหรี่ “อืม…”
“พูดมาเลย”
“ฉันว่าเราเสียเวลากับพวกฉินอวี่มากไปจริงๆ อีกอย่าง พวกนั้นค่อนข้างได้เปรียบ” เปยเตอหยงขมวดคิ้ว “ในหนานหยาง ฉันอาจมีอํานาจมากที่สุด แต่พวกนั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นตํารวจแถมยศใหญ่อีกด้วย”
“อืม” หยวนเค่อตอบอย่างกังวล “ตอนแรกฉันอยากจะพาหลิว เปาเฉินขึ้นมาร่วมด้วย แต่เขาก็ไม่เข้าใจ”
“ไม่ต้องพูดถึงหลิวเปาเฉินหรอก พูดเรื่องปัจจุบันเถอะ” เปยเตอหยงพูดต่อ “ตราบใดที่ฉินอวี่ยังเป็นกัปตันทีมของ สํานักงานตํารวจในรัฐพื้นทมิฬเราลําบากแน่ และเจ้านั่นมันหาเรื่องปรับเงินเราง่ายมาก แล้วทีนี้จะป้องกันยังไง?”
“พี่เปยคิดยังไงล่ะ?” หยวนเค่อถาม
“ถึงเราเสียเปรียบในรัฐพื้นทมิฬก็ไม่ได้หมายความว่าจะเสียเปรียบที่อื่นด้วยนี่นา” เปยเตอหยงพูดต่อ “ฉันคลุกคลีกับธุรกิจขายเด็กมานานแล้ว และฉันมีคนรู้จักนอกเขตซึ่งเจียงมากมาย”
หยวนเค่อตะลึง “พี่หมายความว่า?”
ทั้งสองมองหน้ากันและเปยเตอหยงก็ยิ้มออกมา “ใช่ ที่ฉันจะพูดก็คือ…กลยุทธ์เรามันต่างกัน สินค้าของเราส่งตรงจากเฟิงเปย. ถนนเส้นนี้เราใช้เวลาแค่หกชั่วโมงกว่า แล้วพวกนั้นต้องวิ่งบนถนนนานแค่ไหน?”
หยวนเค่อรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยิน เพราะเขาไม่คิดว่าเปยเตอหยงจะตั้งใจวางแผนเรื่องนี้มากและเหมือนจะคิดอย่างชาญฉลาด
“ยิ่งไกล ค่าดําเนินการก็ยิ่งสูง” เปยเตอหยงสูบบุหรี่และกระซิบ “ถ้าจะเล่นงานฉินอวี่ก็เอาจุดนี่แหละ น่าจะเหมาะที่สุด”
“เข้าท่าเลยพี่” หยวนเค่อพยักหน้า
“ตอนที่มีการตีกันในมาโกว หนิวเจนลูกน้องฉันเจ็บหนักแถมยัง ถูกจับไปกับคนอีกตั้งยี่สิบกว่าคน” เปยเตอหยงพูดด้วยสีหน้า ไม่พอใจ “ในการต่อสู้จะมีเจ็บตัวบ้างก็เรื่องปกติ แต่ฉินอวี่กลับนําตํารวจมาล้อมจับพวกนั้นไปเสียหมด แถมยังทําให้ฉันต้องเสียเงิน กว่าห้าหมื่นหยวนเลยทีเดียว ฉันต้องเอาคืนหมอนั่นและเป็นการแก้แค้นให้พวกหนิวเจนด้วย”
“เฒ่าหลี่ให้ความสําคัญกับหมอนั่นอย่างมาก ยังไม่ถึงปีมันก็ขึ้นเป็นหัวหน้าหมวดได้แล้ว ปุบปับดีจริงๆ ฮ่าฮ่า” หยวนเค่อเยาะเย้ยพลางพูด “แต่คนแบบนี้แหละจะตายเร็วที่สุด”
“เสียวเค่อ มาช่วยฉันเล่นงานมันที่สิ” เปยเตอหยงชักชวนทันที
“ได้สิ แล้วฉันต้องทํายังไง?” หยวนเค่อตอบอย่างไม่ลังเล
เปยเตอหยงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ถ้าจะทําเราต้องเตรียมแผนป้องกันไว้ก่อน พรุ่งนี้เราไปด้วยกันไหม?”
“ได้สิ” หยวนเค่อพยักหน้า “ฉันจะไปกับพี่”
“อืม งั้นก็เยี่ยมเลย” เปยเตอหยงตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากหนึ่งชั่วโมง
เปยเตอหยงออกจากห้องไป เสี่ยวจิ๋วก็ถามหยวนเค่อ “ฉันไม่เข้าใจพี่เปยและไม่เข้าใจความสัมพันธ์นี้เลย เขาจําเป็นต้องเอาคุณไปเกี่ยวด้วยเหรอ?”
“ไม่ต้องเข้าใจอะไรหรอก” หยวนเค่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เฒ่าเปยแค่ขอให้ฉันช่วยเช็กบิล”
เสี่ยวจิ๋วชะงัก
“ผู้ชายคนนี้หัวแข็งทั้งยังมีหูตาเยอะคอยช่วยสอดส่อง เป็นคนแข็งแกร่งน่าดู” หยวนเค่อผายมือขณะพูด “เขาน่าจะรู้แล้วว่าถ้าเล่นงานฉินอวี่ฉันจะได้เปรียบมาก”
วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยงในอาคารหลักของบริษัทขนส่งจี้เฉิง
ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้พลางพูดว่า “พี่จือ ฉันเช็กดูแล้วนะ เบอร์นี้ไม่ได้ลงทะเบียนชื่อและที่อยู่ไว้”
“แล้วหาบันทึกการโทรได้ไหม?” จือเกอถาม
“ชิมการ์ดนี้ไม่ได้อยู่ในระบบ ฉันเลยเช็กไม่ได้” ชายหนุ่มสายหัว
“แล้วรถล่ะ?” จือเกอถามอีกครั้ง
“เป็นรถเก่าในตลาดรถย่านถนนการค้า ป้ายทะเบียนก็เป็นของปลอมครับ” ชายหนุ่มบอกข้อมูลอย่างละเอียด
จือเกอมองเหม่อบนเพดาน “ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วใช่ไหมเรื่องเด็กแปดคนที่ตาย?”
“ใช่ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า
“เราควรไปสืบความคืบหน้าได้รึยัง?” จือเกอถามขณะยิ้มให้ชายหนุ่ม
อีกฝ่ายตอบทันที่ “ใช่ ผมก็ว่าควรจะเริ่มได้แล้ว”