Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 261 ชาเหมิง
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 261 ชาเหมิง
ตอนที่ 261 ชาเหมิง
หลังจากจ่าวเปาและถังหยวนคุยกันเสร็จ พวกเขาก็ไปที่ห้องแต่งตัวชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับบรรณาธิการ” เจ้าหน้าที่ยืนขึ้นเพื่อทักทายจ่าวเปา
“มีช่างแต่งหน้าคนไหนที่ทำงานล่วงเวลาบ้าง?”
“มีเสียวยี่กำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ในห้องบันทึกเสียงหมายเลขสามครับ”
“เดี๋ยวไปเรียกเขามาแต่งหน้าให้ฉันที” เล่าเปากล่าวอย่างเร่งด่วน “ฉันจะไปล้างหน้าก่อน”
“คุณจะแต่งหน้าเหรอ?”
“ใช่ ฉันจะลองทักษะช่างคนนี้หน่อย” เล่าเปาวิ่งในห้องน้ำ “ไปเร็ว!”
หลังจากสิบนาที
ช่างแต่งหน้าสาวเดินเข้ามาพร้อมกับถือหวีในมือซ้ายและผ้าขนหนูอีกข้างก่อนถาม “คุณอยากได้สไตล์ไหนคะ?”
“ขอเข้มๆ ละกันเติมหนวดให้หน่อย ผิวคล้ำขึ้น” จ่าวเปาจ้องไปที่กระจกดูตัวเองครู่หนึ่ง “ขอคิ้วหนาๆ หน่อยก็ดีนะ”
“ได้เลยค่ะ” ช่างแต่งหน้าพยักหน้า
ภายในห้องอบรมของบริษัทรักษาความปลอดภัยเหยากวางที่ภูมิภาคเจียงโจว
ฉีหลินสวมนวมสีดำยกแขนตั้งการ์ดป้องกันต่อหน้าชายหนุ่มร่างกายกำยำสูงกว่าร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ชายคนนั้นก้มตัวจ้วงหมัดซ้ายต่อด้วยฮุกขวา เขากระหน่ำใส่การ์ดของฉีหลินอย่างดุเดือดด้วยสเต็ปฟุตเวิร์คที่ดูมืออาชีพ
หลังจากฉีหลินรัวหมัดตรงใส่สามครั้ง เขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าและก้มหัวลงเล็กน้อย
“ตุบ!”
ฉีหลินโดนหนึ่งหมัดเต็มแรงจนได้ยิงเสียงวิ่งในหัว เขาเข้าประชิดจนโดนกระแทกออกไปกว่าครึ่งเมตร
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”
ด้วยส่วนสูงที่ต่ำกว่า ฉีหลินก้มตัวลงและหันแขนด้านซ้ายเข้าประชิดลำตัวอีกฝ่ายก่อนฮุกหมัดขวากระแทกศีรษะของคู่ต่อสู้เต็มแรง
ชายคนนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขายกแขนซ้ายขึ้นเล็กน้อยแล้วยึดตัวไปด้านหลัง
“ตุบ!”
หมัดอันทรงพลังกระหน่ำชกใส่การ์ดของชายคนนั้น และร่างกายส่วนล่างก็เปิดช่องโหว่อยู่
ฉีหลินใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ชกที่หน้าท้องแล้วเหวี่ยงศอกซ้ายใส่หัวของคู่ต่อสู้อีกครั้ง
“พลั่ก!”
คราวนี้ชายคนนั้นหยุดป้องกัน เขาจ้วงหมัดขวาเข้าที่ซี่โครงซ้ายของฉีหลินจากด้านล่าง
ฉีหลินรู้สึกเหมือนกับซี่โครงทั้งหมดกำลังจะหัก เขาถอยโซเซไปสองถึงสามก้าว
อีกฝ่ายตั้งการ์ดพร้อมเดินมาข้างหน้าสองก้าว ขณะที่ชกหมัดขวาออกไปในเวลาเพียงศูนย์จุดหนึ่งวินาที ฉีหลินก็ล้มลงทันที
“ตุบ!”
ฉีหลินล้มลงกับพื้นเสียงดัง หลังจากถูกกระแทกที่ซี่โครง
ชายอีกคนเอียงคอไปมาก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและถาม “เป็นไงบ้าง?”
ฉีหลินนอนราบกับพื้นและเหงื่อออกเต็มตัวก็ตอบ “ไม่…ฉันไม่เป็นไร แค่นิดหน่อย”
“หมัดของคณยังขาดความหนักหน่วง” ชายคนนั้นนั่งลงหย่อนขาลงสนามมวยพลางถอดนวมออก นวดต้นขาฉีหลินเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
“ฉันชกใส่นายไม่ขยับเลย แต่นายชกฉันอย่างกับโดนรถชน..ฉันทนยืนต่อไปไม่ไหว” ฉีหลินส่ายหน้า “นี่ชาเหมิง นายเริ่มฝึกมวยไทยตั้งแต่อายุเท่าไหร่?”
“ผมเริ่มซ้อมมวยและลงแข่งในเจียงโจวตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ” ชาเหมิงตอบอย่างนุ่มนวล “แต่ที่คุณล้มง่ายไม่ใช่เพราะเวลาฝึกสั้นหรอก”
“แล้วเพราะอะไรล่ะ?” ฉีหลินถาม
“คุณเคยอ้วนมาก่อน ฉะนั้นคุณต้องลดไขมัน ในกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อจำเป็นต้องได้รับโปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อเสียหายขึ้นมาใหม่ อีกอย่างการต้านทานแรงโจมตีของเรายังห่างกันเกินไป การชกมวยไม่ใช่แค่ซ้อมกระสอบทรายหรือใช้เทคนิคต่างๆ แต่คุณต้องมีสรีระที่แข็งแรง ฉะนั้นคุณต้องค่อยๆ ฝึกฝนและสร้างกล้ามเนื้อไปด้วย” ชาเหมิง อธิบายอย่างละเอียด “เดี๋ยวผมจะให้จัดตารางการกินให้คุณกินตามตารางแล้วฝึกกับผม”
“ได้ แล้วฉันต้องฝึกกับนายนานแค่ไหน?”
“มันก็ยากจะพูดน่ะ….ผมอายุน้อยและร่างกายของผมก็แข็งแรงกว่าคุณมาก ฮ่าฮ่า! ทั้งชีวิตคุณอาจไม่ชนะผมด้วยซ้ำถ้ายังเป็นแบบนี้” ชาเหมิงยิ้มก่อนพูดต่อ “แต่ผมว่าการตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักและเต็มใจที่จะอดทนต่อความยากลำบากแล้วล่ะก็ บางที่คุณอาจแข็งแกร่งกว่าผมซะอีกนะ ฮ่าๆๆ!”
“เฮอะ! อย่างฉันจะสู้ได้สักกี่คน?”
“จะสามหรือสี่คนก็ล้มได้สบายๆ” ชาเหมิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ฉีหลินตะลึง “ขี้โม้เกินไปแล้ว นายจะล้มผู้ใหญ่สี่ห้าคนง่ายๆ เนี่ยนะ?”
ชาเหมิงยิ้มพลางปล่อยต้นขาของฉีหลิน และกระโดดลงไปยืดเส้นส่วนขาสักครู่ก่อนจะเดินไปที่กระสอบทรายเพื่อแตะ
“ตุบ!”
เสียงเท้ากระทบดังสนั่น กระสอบทรายขนาดหนึ่งร้อยปอนด์ที่ถูกเตะเอียงไปด้านข้าง
ชาเหมิงยกขาขวาเตะไปอีกครั้งทันที
“ตุบ!”
กระสอบทรายที่ยังไม่ดีดตัวกลับก็ถูกขาขวาเตะอีกครั้งในแนวทแยง หลังเสียงดังอีกครั้งเสาสปริงก็หักและกระสอบทรายก็กระเด็นตกพื้น
ฉีหลินตกตะลึง “กะ โกหกน่า”
ชาเหมิงพูดอย่างสุภาพ “เดี๋ยวผมจะนวดขาให้คุณต่อต้องคลายกล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้จะเจ็บ”
“กรึง!”
จากนั้นโทรศัพท์มือถือของฉีหลินก็ดังขึ้นทันที
“ฉันขอไปรับสายแป๊บหนึ่งนะ” ฉีหลินคลานไปด้านข้างเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อโค้ตของเขาและกดรับสาย “ฮัลโหล?”
“พี่ทำอะไรอยู่ ว่างคุยมั้ย?” เสียงหม่าเหลาเอ๋อดังขึ้น
“ได้สิ พูดมาเลย”
“ธุรกิจเมื่อเร็วๆ นี้ผลประกอบการค่อนข้างดี เอาสินค้าให้อีกได้ไหมพี่?” หม่าเหลาเอ๋อถาม
“เพิ่มสินค้าอีกแล้วเหรอ?”
“ใช่ คราวนี้ขนมาเต็มรถเลย” หม่าเหลาเล่อพยอง
เต็มรถเลย” หม่าเหลาเอ๋อพยักหน้าและกล่าว “เตรียมตัวได้เลยพี่”
“ตกลง ฉันจะไปที่โรงงานเดี๋ยวนี้แหละ”
“อืม กลับมาคราวนี้ฉันจะชวนพี่ไปดื่ม”
“ได้เลย”
หลังจากทั้งสองคุยกันฉีหลินก็วางสายโทรศัพท์ก่อนเงยหน้าขึ้นทันทีพร้อมหันไปบอกชาเหมิง “ชาเหมิงเดี๋ยวนายไปที่โรงงานกับฉัน เราอาจต้องจัดส่งสินค้าทันที”
สามทุ่มกว่า
ทางเข้าจอย พาเลซ
ถังหยวนนั่งอยู่ในรถมองไปที่จ่าวเปาอย่างตื่นเต้น “นายจะตามฉันไปไหม?”
“ฉันไม่ไป ฉันกลัวคน.”
“ถ้าไม่งั้นก็ไม่ทำมันแล้ว ลาก่อน โอเคมั้ย?”
“ดูนายสิงอแงอย่างกับเด็ก!” จ่าวเปามองอีกฝ่าย “แค่แกล้งนายเอง ดูฉันแต่งตัวมาขนาดนี้แล้ว จะไม่ไปกับนายได้ยังไง?”
“งั้นก็ไปกัน!”
“เดี๋ยวก่อน นายใส่อุปกรณ์นี้ไว้” ข่าวเปาก้มหน้าลุงหยิบถุงผ้าใบออกจากเท้าของเขา “ฉันเอามาจากสำนักงาน ใช้อย่างระวังล่ะ ไม่งั้น”