Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 263 ผ่านไปด้วยดี
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 263 ผ่านไปด้วยดี
ตอนที่ 263 ผ่านไปด้วยดี
ในห้องสามศูนย์แปดของจอยพาเลซ แม้จ่าวเปาจะแต่งหน้าเพื่อปิดบังยังไงก็หลอกได้เฉพาะคนรู้จักแค่ผิวเผินเท่านั้นไม่ใช่กับลิซ่าที่จําเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีอะไรก็มีใบหน้าแดงก่ํา
จ่าวเปาเห็นว่าสายตาของลิซ่าสงสัยอย่างมากว่าเขากําลังทําอะไรอยู่ และกลัวว่าแม่สาวคนนี้จะพูดอะไรออกมาจนทําให้แผนพวกเขาพังทลายได้
ลิซ่ามองดูเสื้อผ้าของจ่าวเปา และเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรเลยจึงยิ้มทันทีแล้วพูด “เจ้านายดื่มสิคะ!”
“อะอืม” จ่าวเปายืดตัวขึ้นบนโซฟาเพื่อชนแก้วกับลิซาและดื่มไวน์ไป
“เจ้านาย ให้ฉันนั่งด้วยได้ไหมคะ?” ลิซ่าถามขณะวางแก้วลง
“อะโอเค นั่งลงสิ” จ่าวเปาขยับที่ให้อีกฝ่ายนั่ง
จ่าวเปาเหลือมองที่ลิซ่าด้วยความกังวลใจ
ลิซ่าจัดผมของเธอพลางยิ้มก่อนไปพึ่งแนบจ่าวเปาแล้วถาม “นายกับเพื่อนเล่นบ้าอะไรกันอยู่? ฉันไม่เข้าใจเลย!”
“รอก่อน เดี๋ยวฉันจะบอกทีหลัง หันกลับไปได้แล้ว” จ่าวเปากระซิบกลับมา
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ประตูก็ถูกเปิดเขามาจากด้านนอกและชายหนุ่มสองคนก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“อ้าวเพื่อนนั่งก่อนสิ” เสี่ยวจือเห็นทั้งสองเข้ามาก็ลุกขึ้นเพื่อทักทายทันที
“มีบางอย่างผิดปกติ พวกฉันเลยมาสายไปหน่อย” ชายหนุ่มทางซ้ายยิ้มพลางหันไปมองที่โซฟาแล้วถาม “เพื่อนอีกสองคนล่ะ?”
จ่าวเปาและถังหยวนมองไปที่ชายคนนั้นหน้าพวกเขาจึงซีดทันที หัวใจก็เริ่มเต้นแรง
“สองคนนี้มาแล้วทํายังไงต่อดีล่ะ?” ถังหยวนก้มหน้าลงและถามจ่าวเปา
“ฉัน…ฉันไม่รู้” จ่าวเปาตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะทําอะไรต่อไป
“ฮ่าฮ่า!” โหยวจือก้าวไปข้างหน้าเพื่อคุยกับจ่าวเปา “นี่พี่ชาย คุณคือเสี่ยวเฟิงใช่ไหม?”
จ่าวเปากลืนน้ําลายอีกใหญ่ขณะจ้องอีกฝ่ายโดยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“หืม…จําไม่ได้เหรอ? ” โหยวจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถังหยวนเหลือบมองจ่าวเปาขณะที่เหงื่อเต็มหน้าผาก เขากําหมัดซ้ายแน่นและใช้มืออีกข้างสะกิดกระเป๋าของเพื่อน
“สาวๆ ออกไปข้างนอกก่อนเราจะคุยกันก่อน” เสี่ยวจือพูดด้วยรอยยิ้ม
พวกผู้หญิงเดินออกไปข้างนอกกันหมด
จ่าวเปาเงยหน้ามองหลังลิซ่าและสาวคนอื่นโดยไม่พูดอะไร
“เป็นอะไรไป ผมคุยกับคุณอยู่นะ!” โหยวจือเหล่มองจ่าวเปา “ที่เราคุยกันในโทรศัพท์ไง ลืมไปแล้วเหรอ? ผมเป็นคนแนะนําให้คุณรู้จักกับบริษัทค้ามนุษย์ในซ่งเจียง!”
ถังหยวนเช็ดเหงื่อบนใบหน้าด้วยมือซ้ายพลางอธิษฐานในใจอย่างต่อเนื่อง “อย่าพูดผิด ขอล่ะอย่าพูดอะไรผิด”
“แน่ใจนะว่าเป็นคนแนะนําให้ฉันรู้จักกับซ่งเจียง?” จ่าวเปาโพล่งคําถามทันที
พูดจบถังหยวนก็หันไปมองจ่าวเปา
เสี่ยวจือตัวแข็งค้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น และก้มลงหยิบบุหรี่ไฟฟ้าพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด
เมื่อโหยวจือได้ยินคําถามนั้นก็ไม่ตอบอะไร
“ฉันจะแยกเสียงในโทรศัพท์ออกได้ยังไง?” จ่าวเปาถามอีกครั้ง
โหยวจือได้ยินดังนั้นก็หันไปมองเสี่ยวจือที่อยู่ด้านข้าง
จ่าวเปาสังเกตท่าทางชายสองคนที่เพิ่งเขามาและทําสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น “ฉันต้องมัดจําไว้ก่อนสองหมื่นไหมถึงจะเชื่อใจกัน?”
อีกฝ่ายยิ้มขณะเกาหัวและไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“ทําไมถึงไม่เชื่อใจกันนะ?” จ่าวเปายืนขึ้นพลางพูดกับทุกคนพลางดึงคอเสื้ออีกฝ่าย “สามหมื่นต่อหัวราคานี้ยังไม่พอที่จะค้าขายกันจริงๆ เรอะ?!”
“พี่ชาย ใจเย็นก่อน” โหยวจือขมวดคิ้ว
“ฉันชื่อซ่งหนี่หม่า!” จ่าวเปาตะโกนอย่างไร้อารมณ์ใส่เพื่อนของเขา “ไปกันเถอะเหล่าถัง”
พอได้ยินถังหยวนก็ดึงมือขวาในกระเป๋ากางเกงออกมาและลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกไป
“เดี๋ยวพี่” เสี่ยวจือสูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะหันไปมองจ่าวเปา “ใจเย็นก่อนสิครับ”
จ่าวเปาจ้องมาที่เขาและไม่พูดอะไร
“ฮ่าฮ่า!” เสี่ยวจือลุกขึ้นและจับข้อมือจ่าวเปา “พี่จะรีบไปไหน ฉันไม่รู้ว่าต้องทํายังไง ยกโทษให้เพื่อนฉันได้ไหม?”
“นายจะบอกว่านายเสี่ยง แล้วฉันไม่เสี่ยงเหมือนกันรึไง?” จ่าวเปาถามกลับ
“ทําไงได้ล่ะ ทุกคนก็ต้องป้องกันไว้ก่อน” เสี่ยวจือยิ้ม “นั่งลงคุยกันก่อนเถอะพี่”
จ่าวเปาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งบนโซฟากับเสี่ยวจืออีกครั้ง
“เรื่องเด็กแปดคนที่เสียชีวิตนอกเขต คนขับทําพลาด มันเลยหนีไปเพราะกลัวความผิด” เสี่ยวจือมองจ่าวเปาขณะอธิบายอย่างนุ่มนวล “ฉะนั้นคุณบอกว่าพวกนั้นแนะนําคุณมา ฉันจึงมีวิธีนี้เท่านั้นแหละที่จะยืนยันว่าเป็นความจริง”
“หนี้เหรอ?” จ่าวเปาถาม
“อืม สถานการณ์นอกเขตนั้นซับซ้อน ไอ้คนขับสองคนเราก็ยังหาไม่เจอ” เสี่ยวจือพูดต่อ “แต่ก็ไม่สําคัญแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ฉันเชื่อพี่แล้วและพี่ก็มั่นใจกับพวกผมได้เลย มาทําธุรกิจกันเถอะ”
จ่าวเปาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ตอบอะไร
“โอเค พี่ชายเราทําธุรกิจแบบนี้ก็ต้องเชื่อใจกันไว้ก่อนเมื่อเราเข้าใจกันดีแล้ว ก็มาดื่มกันเถอะนะ แก้วนี่ฉันขอดื่มให้กับพี่และธุรกิจของเรา” จากนั้นเสี่ยวจือก็กระดกดื่มไวน์หมดแก้ว
สีหน้าของจ่าวเปาอ่อนลงเล็กน้อย “เราเสียเวลามามากแล้ว”
“บอกมาเลยพี่ แล้วเราจะเตรียมให้ทันที” เสี่ยวจือวางบุหรี่ไฟฟ้าลงแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “พี่ต้องการกี่คนล่ะ?”
“ห๊า”
“คนละสามหมื่น?”
“ใช่” จ่าวเปาพยักหน้า
“แล้วก็จะมีเรื่องของเงินมัดจําด้วยนะพี่” เสี่ยวจือพูดหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
“ฉันมีอยู่สองหมื่นน่ะ” จ่าวเปาได้เตรียมเงินก่อนที่จะมา
“เท่านี้ก็พอแล้วพี่” เสี่ยวจือยิ้มพลางชูสามนิ้ว “อีกสามวันเราจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อม พี่มารับสินค้าได้เลย”
“โอเค” จ่าวเปาหันไปมองถังหยวนด้วยท่าทางเคร่งขรึม “เงินอยู่ในกระเป๋าฉัน”
“ได้…ได้ครับ” ถังหยวนก้มล้วงเงินสดออกมาจ่ายทันที
จากนั้นสิบนาที
ภายในห้องน้ํา
จ่าวเปาจับหน้าของลิซ่าด้วยมือสองข้าง “เธอรู้จักพวกนั้นด้วยเหรอ?”
“ ฉันบอกเหรอว่าไม่ใช่?!” ลิซ่ากลอกตาแล้วพูดว่า “พวกนั้นมาด้วยกันตลอด”
“คุณรู้จักคนเยอะไหม?”
“พูดอะไรไร้สาระ…ดูงานของฉันสิ ผู้ชายทั่วฮ่งเจียงมาที่นี่ตลอดและฉันคุ้นเคยกับพวกผู้ชายทุกระดับแหละ” ลิซ่าตอบอย่างมั่นใจ
เมื่อจ่าวเปาได้ยินดังนั้นก็รีบหอมแก้มลิซ่าสองครั้งทันที “ที่รัก วันนี้เธอช่วยฉันไว้ได้มากเลย พอดีฉันกําลังทําภารกิจอันยิ่งใหญ่อยู่น่ะ”