Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 265 หวังว่านายจะกลับมาและยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่
- Home
- Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9
- ตอนที่ 265 หวังว่านายจะกลับมาและยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่
ตอนที่ 265 หวังว่านายจะกลับมาและยังคงเป็นวัยรุ่นอยู่
ในร้านอาหารเล็กๆ
จ่าวเปาเหลือบมองไปที่ถังหยวน “เอาน่า อยู่กับฉันน่ะนายไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทําเป็นเกรงใจอะไรหรอก ส่วนนี้ให้นาย นายรับไว้เถอะฉันไม่ลําบากหรอกฉันยังมีเงินเดือนอีกแปดพันหยวนอยู่”
“จ่าวเปา ถึงฉันจะจนถึงขั้นต้องมาขอข้าวนายกินฉันก็รับเงินจากนายฟรีๆ ไม่ได้เด็ดขาด!” ถังหยวนแกะซองจดหมายออกก่อนจะหยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกมาวางตรงหน้าของตัวเองแล้ว จึงส่งเงินที่เหลือคืนให้จ่าวเปา
“เดี๋ยวนะ ฉันเห็นปัญหาใหญ่ของนายแล้วล่ะ… นายนี่มันชอบสร้างภาพนี่เอง” จ่าวเปาเริ่มหงุดหงิดจนทําให้น้ําเสียงเวลาพูดเริ่มรุนแรงขึ้น “เราทั้งสองเป็นเพื่อนกันรู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดี นายลําบากถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาสร้างภาพต่อหน้าฉันเพื่ออะไรวะ? รีบๆเอาไปซะ!”
“เหอะๆ” ถังหยวนหัวเราะก่อนตอบกลับอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร “จ่าวเปา เพื่อนสําหรับ นายคืออะไรเหรอ? การที่เราทั้งสองช่วยกันและคอยสนับสนุนกันต่างหากล่ะ นี่สิที่เรียกว่าเพื่อน แต่การที่นายเอาแต่ช่วยฉัน ส่วนฉันกลับไม่สามารถช่วยอะไรนายได้เลยเนี่ย ฉันว่าความสัมพันธ์ของเรามันคงเปลี่ยนไปแล้วล่ะ”
“เปลี่ยนไปยังไงวะ?”
“ก็แสดงว่าเราก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้วไงล่ะฉันกลายเป็นลูกน้องของนายไปแล้ว” ถังหยวนตอบกลับอย่างจริงจัง
จ่าวเปาได้ยินจึงนิ่งและทําตัวไม่ถูก
“ทําตามที่ฉันบอก เราคุยกันไว้แล้วว่าค่าจ้างแค่พันเดียวฉันก็จะเอาแค่พันเดียว” ถังหยวนเอาเงินหนึ่งพันหยวนยัดเข้าไปในกระเป๋าของตัวเองก่อนจะพูดกับจ่าวเปาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “โอเค กินข้าวกันเถอะ”
จ่าวเปามองตาขวางไปที่ถังหยวน “ฉันรู้แล้วว่าทําไมชีวิตนายถึงได้เละเทะแบบนี้”
“ทุกอย่างต้องมองจากสองมุม ถ้าฉันกลายเป็นคนชั้นต่ําที่มีคนคอยดูถูกเยอะขนาดนั้น แบบนี้ก็แสดงว่านายก็ไม่ต่างอะไรกับฉัน ถึงได้มานั่งกินเหล้าด้วยกันตรงนี้ไง” ถังหยวนเป็นคนใจเย็นมาก จึงไม่อยากต่อปากต่อคํากับจ่าวเปา
“ก็จริง” จ่าวเปาฟังอย่างตั้งใจแล้วจึงพยักหน้าตอบ
“จ่าวเปา ยังไงวันนี้ก็ถือเป็นวันที่ดีแล้ว งั้นเรามาชนแก้วกันหน่อยเถอะ” ถังหยวนยิ้มพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“เนื่องในโอกาสอะไรล่ะ?” จ่าวเปายิ้ม
“ฉันขอคิดก่อน” ถังหยวนครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงยิ้มพลางพูด “แก้วนี้ดื่มให้กับชีวิตหลังรั้วโรงเรียนที่เราได้ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนโลกใบนี้ แต่ก็ยังคงเป็นเหมือนตอนวัยรุ่นกันเหมือนเดิม นายไม่เปลี่ยนฉันก็ไม่เปลี่ยนดื่มเหล้ากันไปก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแบบนี้ก็ดีมากแล้ว”
“มา หมดแก้ว” จ่าวเปาซาบซึ้งกับคําพูดของถังหยวนจึงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
การรําลึกถึงมิตรภาพของเพื่อน เรื่องของศัตรูและความทุลักทุเลในตอนที่พวกเขายังอยู่ในรั้วโรงเรียน ทําให้คืนนี้เรื่องวันวานกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทําให้พวกเขาตื่นเต้นในใจขึ้นมาโดยตลอด
ในค่ําคืนนี้พวกเขารําลึกถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดจึงทําให้ในใจรู้สึกคิดถึงสุดๆ
พวกเขาพากันเฉลิมฉลอง และพูดคุยกันถึงรูปร่างหน้าตาของตัวเองที่เริ่มเปลี่ยนไปตามสถานภาพทางสังคม แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความคิดในช่วงวัยรุ่นที่ยังคงพลุ่งพล่านและตื่นเต้นอยู่อย่างนั้น..
พวกเขาก็ยังคงพูดคุยและดื่มเหล้ากันอยู่ในร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตจนทั้งคู่เริ่มเมาหนักโดยไม่รู้ตัว
จนถึงตอนที่ต้องแยกกันกลับบ้าน หลังจากจ่าวเปาจ่ายเงินเสร็จแล้วก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของถังหยวน “ถ้าเรื่องนี้จบลงแล้วนายก็มาทํางานที่สถานีโทรทัศน์สิ ฉันจะจัดแจงตําแหน่งให้นายเอง!”
“ไม่ไป” ถังหยวนส่ายหัวด้วยความมึนเมา
“แม่งเอ๊ย! นายเป็นบ้ารึไงวะ! ถ้านายเข้ามาในสถานีโทรทัศน์ นายก็จะได้รับรายได้ที่มั่นคง และตามมาพร้อมสิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ แล้วต่อไปนายจะได้มีเมียมีลูกกับเขาสักที นายเข้าใจฉันใช่ไหม?”
“จ่าวเปา ถ้านายอยากช่วยฉันจริงๆ นายก็เปิดเว็บไซต์คอลัมน์ข่าวเกี่ยวกับกฎหมายให้ฉันสิ” ถังหยวนตอบกลับพลางเรอออกมา
“มันก็ความหมายเดียวกันไม่ใช่รึไง?”
“ไม่เหมือนกันโว้ย ถ้าฉันได้เปิดคอลัมน์ฉันก็จะได้เงินจากความสามารถของตนเองจริงๆแล้ว ถ้านายคิดว่าฉันทําได้ดีนายก็แค่เรียกใช้ฉัน แต่ถ้ามันไม่ดีก็แค่เลิกจ้างเท่านั้นเอง” ถังหยวนมองไปที่จ่าวเปา “ในความสัมพันธ์ของเพื่อนนายเสียเงินกับเรื่องกินเรื่องเที่ยวไปมากแล้ว เรื่องนั้นเราไม่ถือสากัน ฉันเข้าใจได้ แต่นี่นายเอาแต่เลี้ยงฉันอยู่แบบนี้แล้วยังมาช่วยฉันใช้ชีวิตอีก บอกก่อนเลยนะว่าฉันไม่มีปัญญาทดแทนบุญคุณให้นายแน่นอน”
“เฒ่าถัง”
“จ่าวเปา ฉันเคยเป็นคนฉลาดในสายตาของครูและโรงเรียนมาก่อน ฉันเคยเป็นไอดอลของ พวกรุ่นน้องและเป็นบุคคลที่ถูกยกย่องด้วยกระดาษแผ่นเดียว แต่พอฉันได้มาอยู่ในสังคมบ้าๆ นี้ ฉันกลับเสียทุกอย่างไป..แฟนที่คบกันมาสามปีก็หนีไปกับผู้ชายคนอื่น พ่อฉันปวยตายแต่ฉันไม่มี แม้แต่เงินที่จะซื้อที่ดินฝังศพให้พ่อของฉัน” ดวงตาของถังหยวนแดงก่ํา “ฉันอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เงินไม่มีบ้านก็ยังไม่มี..ตอนนี้เหลือแค่กระดูกแข็งๆ ในตัว ถ้าฉันยังก้มตัวลงไปอีกล่ะก็ สิ่งที่เคยสั่ง สมมาทั้งหมดมันจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรอกเหรอ? ฉันถามหน่อยสิไอ้เพื่อนยากว่าคนเรามันจะ สามารถใช้ชีวิตเหมือนเป็นตัวตลกได้ไหม?”
จ่าวเปามองถังหยวนพลางทําตัวไม่ถูก
“ฉันไม่เคยเสียดายกับสิ่งที่ฉันเลือกไปหรอกนะ” ถังหยวนมองหิมะที่อยู่นอกหน้าต่าง “แต่ถ้า ให้โอกาสฉันอีกครั้งฉันคงไม่ใช้วิธีแบบเมื่อก่อนมาทําให้ฉันประสบความสําเร็จแน่นอน จ่าวเปา สังคมเราตอนนี้ไม่เหมือนกับในรั้วโรงเรียนหรอกนะ!”
“ได้ ฉันจะเปิดคอลัมน์ข่าวให้นายเองไม่ว่าใครก็มาขัดขวางไม่ได้ทั้งนั้น!” จ่าวเปาตบโต๊ะแสด งการตอบรับ
“ฮ่าๆ ได้!”
ทั้งสองพูดคุยกันพลางเดินออกจากร้านอาหาร
ถังหยวนและจ่าวเปาดินโซเซบนถนนในขณะที่หิมะกําลังโปรยปรายลงมา
เมื่อมาถึงสี่แยกจ่าวเปาดื่มหนักจนไม่กล้าขับรถเองจึงยื่นมือไปขวางรถไฟฟ้าคันเล็กๆเอาไว้
“ไป เดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง!” จ่าวเปาหันกลับมาตะโกนเรียก หลังจากที่เขาขึ้นรถยนต์ไฟฟ้า
ไป
“ไม่แล้วล่ะ เรากลับคนละทางกัน เดี๋ยวฉันกลับเอง” ถังหยวนส่ายหน้า
“พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันไปหานะ!”
“โอเค กลับดีๆ ล่ะ!” ถังหยวนโบกมือขณะกําลังยืนอยู่บนพื้นหิมะ
“ตั้งแต่ที่ฉันกลับมาอยู่ในประเทศนานขนาดนี้ก็มีแค่วันนี้แหละที่ฉันมีความสุขที่สุด!” จ่าวเปานอนเงยหน้าอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า “วันนี้แหละที่มีความสุขที่สุด!”
พูดจบ รถยนต์ไฟฟ้าก็ค่อยๆขับออกไป ส่วนจ่าวเปาก็นั่งหลับอยู่ในรถด้วยความมึนเมา
ตรงข้างถนน ถังหยวนสั่งน้ํามูกพร้อมเดินจากไป เนื่องด้วยเวลานี้เขาไม่อยากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเท่าไหร่นัก
เช้าตรู่เวลาประมาณตีห้าเกือบหกโมง
หลังจากที่ถังหยวนกลับไปถึงที่พัก แล้วก็ส่งข้อมูลของตัวเองเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และชินกับการจัดเก็บข้อมูลเอาไว้ในคลาวด์
พอกลับมาถึงข้างเตียงถังหยวนได้ต้มน้ําอุ่นหม้อหนึ่งก่อนจะถอดเสื้อผ้า แล้วจากนั้นค่อยล้างหน้าล้างตาตรงถนนหน้าห้องพัก
มีรถเก๋งสีดําสองคันค่อยๆ จอดลงก่อนจะมีคนราวแปดคนผลักประตูลงรถมา
“ไป!”
คนที่เป็นหัวโจกหยิบมีดพกออกมาจากรถ ก่อนจะถือเอาไว้ในมือพร้อมเดินมุ่งตรงเข้ามา
บนถนนที่เงียบเหงา ชายทั้งแปดคนยืนอยู่บนพื้นหิมะที่ขาวสะอาดตา
ท่ามกลางแสงไฟสลัวในโกดังบริเวณรัฐพื้นที่ทมิฬ
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยแววตาแน่วแน่พร้อมท่าทางที่ดูตื่นเต้น “แค่เอาของกลับ มาก็พอแล้วล่ะมั้ง? ”
“นายไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก” ชายหนุ่มวัยกลางคนนั่งไขว่ห้างพลางโยนเงินสี่หมื่นออกไปด้วยท่าทางไร้อารมณ์ “ ต่อไปก็มาร่วมมือกันเถอะ นายช่วยฉันได้ฉันก็ช่วยนายได้เช่นกัน”
“ฉันว่าพี่แค่เอาของกลับคืนมาให้ได้ก็พอแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพูดต่อ
“เหอะๆ” จู่ๆ ชายหนุ่มวัยกลางคนก็หัวเราะขึ้น “อืม ฉันรู้”
ในห้องนอน
ถังหยวนดื่มน้ําไปหนึ่งแก้ว ก่อนห่มผ้าเตรียมตัวนอน
“เอ๊ยด!”
เสียงเอี๊ยดอ๊าดแทบเสียวฟันดังมาจากด้านนอก
“ใคร?” ถังหยวนขมวดคิ้ว