Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 281 ศึกปะทะในซอยลึก
ตอนที่ 281 ศึกปะทะในซอยลึก
ฉินอวี่วิ่งเข้าไปในซอยด้านซ้ายมือ เมื่อได้ยินเสียงสับเท้าดังมาจากข้างหลังจึงรู้สึกว่ามีทางรอดแล้ว อีกฝ่ายต้องไม่มีปืนแน่นอนไม่งั้นคงลั่นปืนตั้งแต่เมื่อครู่
ฉินอวี่หยุดเดินก่อนจะพิงอยู่ที่กำแพงแล้วคนที่อยู่นอกซอยก็ถูกฆ่าไปเรียบร้อยแล้ว
“ใครสั่งให้แกมาตามฉัน!” ฉินอวี่โมโหจึงปล่อยหมัดออกไปทันที
อีกฝ่ายสูงประมาณร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ดูแล้วเหมือนจะบิ๊กบินกว่าฉินอวี่เสียอีก แต่การตอบสนองกลับเร็วมาก เขาขยับเอียงตัวหลบหมัดก่อนจะยกาขวาขึ้นแล้วแตะออกไปข้างหน้า
ฉินอวี่คาดการณ์การตอบสนองของเขาผิดพลาดไป ในขณะที่กำลังเก็บแขนตัวเองจึงถูกเข่าของอีกฝ่ายชนเข้าที่ใบหน้า ดังนั้นทั้งสองจึงทำได้แค่ขยับตัวแล้วยกแขนขึ้นป้องกันตัวด้วยสัญชาตญาณ
“ตึง!”
เสียงดังสนั่นเนื่องจากมือซ้ายของฉินอวี่บังเข่าของอีกฝ่ายได้ไม่หมดจึงโดนเข้าที่หน้าท้องอย่างจังก่อนจะกระเด็นถอยหลังไป
ท่ามกลางแสงไฟสลัว ฉินอวี่มองเห็นหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาเป็นรูปสี่เหลี่ยมคิ้วเข้มตาโตตักทรงผมสกินเฮด ดูจาก ท่ายืนการเคลื่อนไหวรวมถึงรองเท้าบู๊ตทหารที่เขาสวมแล้ว ก็สามารถรู้ได้เดาได้อย่างง่ายดายเลยว่าเขาน่าจะเป็นทหารในกองทัพ
คนคนนั้นชื่อเสี่ยวช เป็นนายทหารกลุ่มที่สามของกองพัน เป็นการ์ดข้างกายของเจิ้งหยิ่ง ส่วนเรื่องที่เขาเจอกับเรื่องนี้ก็เพราะเมื่อกี้เฉินป๋อได้โทรบอกให้เขามารับตัวเอง
“ลูกน้องนายก็โหดใช้ได้นะ!”
“ตึง!”
ฉินอวี่ใช้ไหล่ดันแขนของอีกฝ่ายออกจากนั้นเสี่ยวชีโน้มตัวลงไปก่อนจะใช้มือซ้ายชกไปที่ท้องของเขา
“ตึง!”
เสียงดังสนั่น ขณะที่ฉินอวี่กำลังจะโดนหมัดของอีกฝ่ายชกเข้าแต่ก็ใช้มือทั้งสองข้างคว้าแขนของเขาเอาไว้ ออกแรงขาหมุนตัวไปจากนั้นจึงใช้หลังดันเข้าที่หัวของอีกฝ่าย แล้วก็ดันแผ่นหลังใหญ่ทิ้งตัวลงทันที
“แม่งเอ๊ย!”
เสี่ยวตะโกนด่าเขารู้สึกแค่ว่าร่างกายของตัวเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศและหัวก็กำลังพุ่งลงที่พื้น
“ตึง!”
เสียงดังขึ้นหลังจากที่เสี่ยวที่ตกลงมาบนพื้นหิมะอย่างเต็มแรง
เฉินอวี่ได้เปรียบ จึงยกขาขึ้นเตะอีกขมับของอีกฝ่ายทันที
“ทิ้ง!”
เสียวชีเหยียดแขนขวาจากนั้นจึงใช้มือซ้ายคว้าไปที่ข้อเท้าของฉินอวี่ ก่อนจะออกแรงดึงไปด้านหลัง
“พลั่ก!”
ฉินอวี่ลื่นล้มลงไปนั่งกับพื้นเต็มกันจนกระดูกเชิงกรานปวดไปหมด
“ไอ้คนสกปรก!” เสี่ยวชีสะบัดหัวก่อนจะยื่นมือออกมาคว้าคอเสื้อของฉินอวี่
ฉินอวี่โน้มตัวหลบพลางถอยหลังหลบแล้วมองเขาด้วยแววตาที่ประหลาดใจ
“ฉีก!”
เสียวชีไม่ใช่คนที่ชอบเห็นใจคนอื่นมากนัก เขารู้สึกได้ว่าฉันอที่ต้องการหนีจึงก้มหน้าพลางหยิบมีดพกออกมาจากเอว
แววตาของฉินอวระแวงพลางกลืนน้ำลายจากนั้นก็ถอยหลังไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นเสี่ยวชีก็โมโหพลางพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับถือมีดเอาไว้ในมือขวาและเดินเข้ามา
ฉินอวี่ขยับหลบไปด้านข้างพลางเอื้อมไปคว้าข้อมือของเสี่ยวชีไว้
“พลั่ก!”
จู่ๆ เสี่ยวชีก็สะบัดมือขวาออกจากนั้นมีดในมือก็หล่นลงมา ในขณะที่มือซ้ายก็ยื่นมือมารับมีดจากข้างล่างแล้วเอามีดแทงเข้ามาที่แขนของฉันอรี่
ฉินอวี่ลิ้งนิ่งไม่ทันได้หลบจึงทำได้แค่ยกขาขวาขึ้นแล้วใช้น่องขาบังมีดเอาไว้
“ฉีก!”
มีดแหลมคมฟันจนขากางเกงข้างขวาฉีกออกแต่แขนซ้ายของเสี่ยวชก็ถูกผลักไปอีกข้างหนึ่งเช่นกัน
ฉินอวี่ใช้สองมือคว้าไปที่มือขวาของอีกฝ่ายจากนั้นจึงลากออกไปข้างนอก
พื้นลื่นมากจนทำให้เสี่ยวชีถูกสะบัดจนกระเด้นออกไปไกล ส่วนตัวของฉินอวี่ก็โซเซก่อนจะล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
เสี่ยวชีนิ่งไปสักพักก่อนจะเดินขึ้นมาข้างหน้าแล้วใช้มือทั้งสองข้างสะบัดมีดไม่หยุด
ฉินอวี่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับถอยหลังเอาตัวพิ่งไปที่กำแพงและเห็นอีกฝ่ายกำลังใช้มีดแทงเข้ามา
“พลั่ก!”
ฉินอวี่ใช้มือซ้ายจับไปที่แขนของอีกฝ่ายและกระชากลงอยากรวดเร็ว
แววตาของเสี่ยวชีแดงและใช้แรงพยายามขัดขืนและยื่นมีดแทนมาข้างหน้า
“พวก อย่าแทง อย่าแทง เรามาคุยกันดีๆเถอะ” จู่ๆ ฉินอวี่ก็ตะโกนขึ้นด้วยความจำยอม
เสี่ยวชกัดฟัน “เรื่องนอกเขตแบบนี้ แกคงรู้นะว่ายังไงวันนี้แกก็ไม่รอดแน่นอน…”
“แกอย่ามาทำเป็นปูหน่อยเลย ถ้าฉันจะไปฉันก็ไปได้”
“งั้นแกก็ลองดูสิ!” “ลองดูก็ลองดู” ฉินอวี่ตะโกนด้วยความโมโหพลางยกมือซ้ายขึ้นอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวชีเอนหัวไปข้างหลัง แต่มือทั้งสองข้างยังคงไม่ปล่อย เพราะเขารู้ว่าในมือของฉันอวี่ไม่ได้มีอาวุธอะไร
ฉินอวี่ที่กำลังเสียเปรียบกางมือซ้ายออกแล้วตบเข้าที่เบ้าตาของเสี่ยวชีทันที
“แม่งเอ๊ย!” ตาของเสี่ยวชมองเห็นเป็นสีดำพลางตะโกนด่า
ฉินอวีใช้มือซ้ายกวักหิมะขึ้นมาจากนั้นก็อุดไปที่ตาของเสี่ยวชีซ้ำถึงสองครั้ง
“มะ…แม่งเอ๊ย!” เสี่ยวชีตะโกนด่า
“ตึง!”
ฉินอวี่ยกเข่าขึ้นแล้วเตะไปที่หลังแขนของเสี่ยวชีจนกระเด็นถอยหลังไป ในขณะเดียวกันตาทั้งคู่ของเขาก็มีหิมะละลายไหลลงมาและเข้าตาจนลืมตาไม่ออก
ชายหนุ่มจึงรีบเดินไปข้างหน้าทันที
ถึงเสี่ยวชีจะไม่ได้ลืมตาขึ้นแต่ก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าและถือมีดเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ฉินอวี่มองดูเขาโดยไม่ได้ลงมืออะไรอีก ทันใดนั้นเขาก็กันหลังวิ่งออกไป
เสี่ยวชีเดินตามเสียงฝีเท้าไปได้สี่ถึงห้าก้าวก่อนดวงตาจะเผยความเจ็บปวดออกมา เขาก้มตัวใช้มือเช็ดแต่ก็ยังแสบอยู่เหมือนเดิมและไม่มีทางจะล้างให้สะอาดได้ทั้งหมด
“กะ…แกกล้าตบฉันเหรอ!” เสี่ยวชีตะโกนด่าพลางก้มตัวเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
ผ่านไปหลายนาที
ฉินอวี่ขึ้นนั่งบนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแล้วเอื้อมมือไปดึงสายไฟสองเส้นที่หนีบอยู่บนหน้าปัดมาถูกกันสอนครั้งแล้วไฟหน้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงสว่างขึ้น
ฉินอวี่ยกขาเหยียบตรงที่วางขาก่อนจะขับสกู๊ตเตอร์แสนรักออกไปในซอยลึก
เสี่ยวชีเดินมาประมาณสิบนาที อาการบวมและปวดตายังไม่หายดีเพราะในหิมะมีทั้งหินทรายและเชื้อโรคอื่นๆ ด้วย ฉะนั้นต้องใช้น้ำสะอาดล้างถึงจะหาย
แต่ยังดีที่ตอนนั้นเสี่ยวชีลืมตาและมองเห็นทางแล้วเขาจึงเอามีดเก็บกลับเข้าไปก่อนจะหันไปรอบด้านกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นรอยเลือดอยู่บนกำแพง
เสี่ยวชีนิ่งไปสักพักแล้วเดินตรงไปที่ข้างกำแพงถึงได้เห็นว่าข้างกำแพงมีป้ายโฆษณาและข้างนอกยังหมุดรูปตัวแอลปักเอาไว้สองตัว
เสี่ยวชียื่นมือไปลูบกำแพงถึงจะรู้ว่าที่นั่นคือที่ที่ฉินอวี่เอาหลังพิงเมื่อสักครู่นี้
เขาครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก้มหน้ามองไปรอบๆสุดท้ายก็นิ่งอยู่กับที่
ตอนที่ฟ้าเพิ่งจะสว่าง ฉินอวก็กลับไปยังซอยที่ขับรถผ่านได้ หลังจากนำรถสำรวจไปหนึ่งรอบถึงจะกลับไปที่เดิม เขายังต่อสายไฟข้าวด้วยกันแล้วติดตั้งกล่องหน้าปัดเองอีกด้วย
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จหมดแล้วจึงเอื้อมมือคลำไปที่หลังก้มหน้ามองดูรอยเลือดซิบ “ชิบหายจริงๆ มาเจอกับไอ้บ้านี่!”
สิบกว่านาทีผ่านไป
ฉินอวี่รีบกลับไปยังอาคารสำนักงานตำรวจก็เจอเชือกที่แขวนไว้บนกำแพงเป็นอันดับแรกจากนั้นใช้ถุงพลาสติกหุ้มเท้าทั้งสองข้างเอาไว้ เมื่อไม่ให้หลงเหลือรอยเท้าของตัวเองจากนั้นก็ดึงเชือกและปีนขึ้นไปตามท่อประปาเพื่อไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
ฟูเสี่ยวหาวเคาะประตู “พี่ พี่ ตื่นรึยังเนี่ย?”
ผ่านไปสักพัก ฉินอวี่เปิดประตูห้องทำงานด้วยตาที่สะลึมสะลือ “ซวยแล้ว ดูเอกสารอยู่ดีๆ เผลอหลับไปจนได้”
“โรงอาหารเริ่มกินข้าวกันแล้ว เดี๋ยวฉันตักกลับมาให้นายหน่อยไหม?”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวไปกินพร้อมกันเลยดีกว่า” ฉินอวี่หาวพลางพูดเชิญ
ในอาคารโรงพยาบาลกองทัพทหาร
เสียวชีลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวก่อนจะคำนับทำความเคารพ “ครับ! ท่านผบ.!”
“ใครเป็นคนทำ?!” ผู้บังคับบัญชาเดินมาถามขณะที่เอามือไขว้หลังเอาไว้