Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 37
ตอนที่ 37 ศัตรูเริ่มก่อตัว
หยวนเค่อเดินทางมาถึงบ้านพักโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีหลังเกิดเหตุสลด เขาเห็นศพของไอ้เสือและหยวนเหว่ยนอนแน่นิ่งอยู่บนถนนพร้อมกองเลือดแห้งกรัง
กลุ่มคนต่างยืนก้มหน้าอยู่ตามขั้นบันไดบ้านพักไม่กล้าปริปากพูด
หยวนเค่อกำหมัดแน่นพลางจ้องหน้าคนกลุ่มนั้นก่อนตะคอกว่า “ไอ้ฉีหลินมีหกแขนรึไง?! ทำไมถึงสู้มันคนเดียวไม่ได้?!”
ไม่นานชายคนหนึ่งที่มากับไอ้เสือก็เงยหน้าขึ้นตอบ “มันบ้าไปแล้วครับ! มันตั้งใจจะตายไปพร้อมกับเรา! ขนาดพวกเรามาทันเวลาที่มันกำหนด ทุกอย่างยังเลวร้ายขนาดนี้…”
“ไอ้พวกขยะไร้ประโยชน์!” ความสุขุมที่หยวนเค่อเคยมีหายไปทันที เขาชี้หน้าคนพวกนั้นพร้อมคำรามลั่น “ไปให้พ้น! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!”
…
บนถนนสายหนึ่ง
แมวเฒ่าตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวขณะขับรถ “บัดซบ! แกนี่มันโง่จริงๆ! ทั้งที่ผ่านมายอมทนให้พวกมันเอาเปรียบโดยไม่ปริปากได้แท้ๆ แต่พอเลือดขึ้นหน้าก็ทนไม่ได้เลยรึไง?!”
ฉีหลินที่นั่งอยู่บนเบาะผู้โดยสารตอบอย่างอ่อนแรงขณะที่เลือดไหลออกจากหน้าท้องไม่ขาดสาย “มะ…แมวเฒ่า…เราเป็นเพื่อนกันมานาน…ขอร้องล่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายต้องส่งแม่กับน้องฉันไปจากที่นี่ให้ได้นะ…”
“ไม่สนโว๊ย! ลุกมาทำเองสิ!” แมวเฒ่าตอบอย่างหยาบคาย “ฉันไม่ใช่พ่อแกนะ ที่ต้องมาตามเช็ดตามล้างทุกอย่าง!“
“ฉันคง…ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันยอมรับชะตากรรมทุกอ่างตั้งแต่ตัดสินใจทำ…” ฉีหลินพูดด้วยน้ำตาไหลทั้งที่หลับตา “แมวเฒ่า…ถ้าชีวิตฉันมีความหวังสักนิด…ฉันคงไม่ทำ…โลกนี้มันถูกสาป…”
แมวเฒ่านิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนทุบพวงมาลัยอย่างเกรี้ยวกราด “ทำไมทุกอย่างถึงลงเอยแบบนี้วะ?!”
แม้ฉียู่ที่นั่งอยู่เบาะหลังจะมองไม่เห็น แต่เธอยังคงอ้อนวอนแมวเฒ่าตลอด “พี่แมวได้โปรดช่วยพี่หนูด้วยนะคะ…ขอร้องล่ะค่ะ…”
“เฮ้อ!”
หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ แมวเฒ่าจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขที่เขาจำไว้
ไม่นาน เสียงปลายสายก็ตอบรับ “ว่าไงพี่แมว?”
“อยู่ไหน?” แมวเฒ่าเอ่ยถาม
“ผมเล่นไพ่อยู่ มีอะไรรึเปล่า?”
“เพื่อนฉันถูกยิง ตอนนี้กำลังพาไปหานาย พอจะช่วยได้ไหม?” แมวเฒ่าถามเข้าประเด็น
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนถามว่า “เพื่อนคนไหน? มีประวัติอะไรรึเปล่า?”
“ฉันถามว่าช่วยได้ไหม?” แมวเฒ่าเริ่มขมวดคิ้ว “ถ้าไม่ได้ก็พูด! ฉันไม่ได้บังคับ!”
ปลายสายนิ่งงันชั่วครู่ก่อนตอบอย่างชัดเจนว่า “ผมกำลังไป”
“เพื่อนฉันถูกยิงที่ท้องต้องการหมอด่วน เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” แมวเฒ่ากล่าวต่อ
“ครับ…”
“เหมี่ยวจวง…ฉันขอบอกไว้ก่อน ถ้านายไม่เต็มใจช่วยก็พูดตรงๆ ฉันจะไม่บังคับ แต่ถ้านายเลือกที่จะช่วยแล้วทรยศทีหลัง…ฉันจะจัดการนายซะตั้งแต่วันนี้ต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม” แมวเฒ่าขู่
“ผมพูดแล้วไม่คืนคำ พี่แมววางใจเถอะ”
“ฉันจะรอนายที่ทางแยกตรอกเถ้าธุลีกับถนนโชคลาภ…รีบมาล่ะ!”
“ครับ!”
หลังกดวางสาย แมวเฒ่าก็เหยียบคันเร่งก่อนตบหัวฉีหลินอย่างแรง “ฉันไม่สนว่านายจะเป็นห่วงแม่กับน้องขนาดไหน แต่นายยังติดหนี้ฉันกับฉินอวี่อยู่ ไอ้โง่เอ๊ย! รู้อยู่ว่าการยืนด้วยลำแข้งตัวเองมันลำบาก แต่เลือกตายแบบนี้ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ? เงยหน้ามาตอบฉันสิ!”
…
ณ สำนักงานตำรวจ พื้นที่ปฏิบัติการของหน่วยที่หนึ่ง
ฉินอวี่ที่กำลังนั่งรอข่าว เมื่อเห็นจู้เหว่ยวิ่งอยู่อีกฝั่งจึงรีบยกมือพลางตะโกน “ทางนี้!”
จู้เหว่ยวิ่งไปหาฉินอวี่อย่างรวดเร็ว
ฉินอวี่หันมองรอบข้างก่อนผลักประตูบันไดหนีไฟและลากจู้เหว่ยเข้าไป “ได้เรื่องยัง?”
“คะ…ครับ…” จู้เหว่ยกลืนน้ำลายก่อนเงยหน้ามองฉินอวี่ “คือฉีหลิน…”
“เขาเป็นอะไร?”
“ขะ…เขาฆ่าคนหกคนที่ถนนศักราชใหม่ ผู้ตายคืออาของผู้หมวดหยวนเค่อ ไอ้เสือ และลูกสมุนครับ” จู้เหว่ยตอบตะกุกตะกัก
ฉินอวี่ตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน เขานิ่งสักพักก่อนจะตั้งสติได้และถามต่อว่า “แน่ใจนะว่าฉีหลินเป็นคนทำ?”
“ผมเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน!” จู้เหว่ยตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ผมโทรหาหัวหน้าสาม…เขายืนยันกับผมเองว่าเป็นฉีหลิน ตอนนี้ถนนศักราชใหม่มีลูกน้องของพี่ชายผู้หมวดหยวนมารวมตัวกันนับร้อย สำนักงานตำรวจของเราส่งคนควบคุมสถานการณ์แล้ว…เป็นการก่อการร้ายที่อุกอาจมาก”
“ไม่…เป็นไปไม่ได้…ฉีหลินเนี่ยนะฆ่าคนตั้งหกคน?” ฉินอวี่ยังคงทำใจยอมรับสิ่งที่ได้ยินไม่ได้
“หัวหน้าการสามคงไม่ล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ และเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปสถานที่เกิดเหตุแล้วด้วยครับ”
“เวรเอ๊ย…ฉีหลินมันบ้าไปแล้ว…” ฉินอวี่พึมพำด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “คราวนี้แม่งต้องโดนเล่นหนักแน่”
“ผมรู้จักฉีหลินดี…หมอนั่นขี้ขลาดถึงขนาดอยู่แนวหน้าไม่ได้…แต่ทำไมจู่ๆ ถึงกล้าทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้?” จู้เหว่ยไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงหันไปถามฉินอวี่ว่า “เราตามไปที่ถนนศักราชใหม่ดีไหมครับ? เพราะยังไงเดี๋ยวผู้หมวดหยวนก็คงเรียกเราอยู่ดี”
ฉินอวี่โบกมือปฏิเสธหลังเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันว่าจะไม่ไป นายก็ไม่ควรไปเหมือนกัน”
“ทำไมเหรอครับ?”
“นายรู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น?” ฉินอวี่ขมวดคิ้วถาม
จู้เหว่ยส่ายศีรษะ
“ถ้างั้นก็ดูลาดเลาไปก่อน อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเรื่องนี้”
จู้เหว่ยครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนพยักหน้าตอบ “เอาตามนั้นก็ได้ครับ”
…
เวลาตีสี่
ฉินอวี่งีบอยู่ในหอพัก ทันใดนั้นก็มีสายโทรเข้าจากแมวเฒ่า
“ว่าไง?” ฉินอวี่ลุกขึ้นนั่งทันทีที่รับโทรศัพท์
“อย่าเพิ่งถาม ออกมาเจอกันที่ตรอกหลังสำนักงาน” แมวเฒ่าพูดตัดบท
ฉินอวี่ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนตอบกลับว่า “เดี๋ยวฉันไป”
“เออ…”
ฉินอวี่คว้าเสื้อโค้ตและออกจากหอพักของหน่วยที่สามทันทีที่วางสาย
…
ในขณะเดียวกัน…
ภายในคฤหาสน์เริงรมย์ในตรอกเถ้าธุลี มีชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็กนั่งจิบชาอยู่บนโซฟา.
ผู้ชายคนนี้คือหยวนหัว…พี่ของหยวนเค่อ
หยวนหัวอายุสี่สิบแปด รูปร่างท้วมเล็กน้อย เขามีผิวพรรณดีจึงช่วยส่งเสริมรูปลักษณ์ให้ดูสุภาพและน่าเชื่อ
“ไม่คิดเลยว่าเราจะโดนไอ้ฉีหลินปั่นหัว” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายหยวนหัวพูดขึ้น “ขนาดไอ้เสือที่ว่าร้ายกาจ ก็ยังปกป้องน้องเหว่ยในเวลาคับขันไม่ได้!”
หยวนหัวพับแขนเสื้อขึ้นก่อนหยิบกล่องบุหรี่ขึ้นมา…ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใส่ใจคำพูดของชายวัยกลางคนสักนิด
เสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นล่าง ซาก้าที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากบ้านพักในถนนศักราชใหม่เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“พรึบ!”
เขาคุกเข่าลงพร้อมพูดครวญครางว่า “พะ…พี่หัว ผะ…ผมพลาดไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร…คนเราพลาดกันได้” หยวนหัวตอบพร้อมกวักมือเรียกเบาๆ “มานี่สิ ฉันอยากถามอะไรหน่อย”
ซาก้าลุกเดินไปยืนข้างหยวนหัวด้วยท่าทีเจียมตัวพลางโค้งคำนับ “ถามมาได้เลยครับพี่หัว…”
“ฉันสั่งให้แกทำอะไร?” หยวนหัวเงยหน้าขึ้นถาม
ซาก้าตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน
“ฉันให้เงินแกใช้ ให้ข้าวแกกิน แต่แกกลับทำตัวไร้ประโยชน์…ฉันจะทำยังไงกับแกดี?” หยวนหัวพูดต่อ.
ซาก้าหน้าซีดเผือด
“ปัง!”
หยวนหัวล้วงปืนออกมาจากใต้โต๊ะและเหนี่ยวไกยิงหน้าอกซาก้าทันที
ซาก้าล้มคว่ำกับพื้น เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
หยวนหัวเช็ดเลือดที่กระเด็นใส่เสื้อเชิ้ตขาว ก่อนตะโกนอย่างไม่แยแสต่อหน้าคนทั้งห้องว่า “ตอนนี้เราติดค้างไอ้ฉีหลินอยู่สองเรื่อง…เรื่องแรกคือเส้นทางขนยา เรื่องที่สองคือหน้าตาของตระกูลหยวน มันฆ่าอาเหว่ยของฉัน หวังว่าทุกคนคงรู้ว่าต้องจัดการมันยังไง!”
หยวนหัวลุกขึ้นยืนและเดินจากไปหลังพูดจบ ขณะที่ศพของซาก้าผู้โชคร้ายถูกชายสี่คนลากออกไป ใช้เวลาไม่นานก่อนคราบเลือดบนพื้นจะถูกทำความสะอาดจนกลับสู่สภาพเดิม
…
ณ ตรอกหลังสำนักงานตำรวจ ฉินอวี่กับแมวเฒ่ามาพบกันตามนัดหมาย
………………………………….