Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 55
ตอนที่ 55 นัดหมายที่เจียงโจว
บุคคลปลายสายอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ทำไมจู่ๆ เด็กนั่นถึงติดต่อพี่มาล่ะ?”
“มันบอกว่าอยากฟื้นฟูช่องทางการค้ายาขึ้นใหม่และอยากได้สินค้าจากเราด้วย” ชายหัวล้านตอบ “ผมลองหยั่งเชิงถามดู ได้ความว่ามันเจรจากับตระกูลหม่าแล้ว แถมยังมีเฒ่าหลี่จากสำนักงานตำรวจพื้นที่ทมิฬคอยหนุนหลังด้วยนะ ที่เหลือก็ขาดแค่สินค้าจากทางเราเท่านั้น”
“แล้วพี่คังพอจะรู้เรื่องครอบครัวฉีหลงบ้างหรือเปล่า?” ปลายสายถามขึ้น
“ก็พอรู้บ้าง อาหลงไม่ค่อยพูดถึงเรื่องตัวเองเท่าไหร่” คังตอบกลับ “จากที่คุยกับไอ้เด็กที่ชื่อฉีหลินมา มันก็ให้ข้อมูลตรงกับที่ผมรู้มาทุกอย่างเลยนะ ก็จริงอยู่ว่ามันอาจจะแอบสืบมา แต่รายละเอียดบางอย่างมีแค่คนที่อยู่ด้วยกันนานเท่านั้นที่จะรู้ ผมคิดว่ามันไม่น่าโกหก หมอนั่นคือน้องชายของฉีหลงจริงๆ”
ปลายสายเงียบไป
“ผมควรไปเจอเด็กนั่นดีไหม?” หลังรอคำตอบอยู่ครู่หนึ่งจึงถามต่อ “มณฑลซ่งเจียงถือเป็นช่องทางการค้าที่สำคัญของเรา พอเสียช่องทางนั้นไป เราก็เลยต้องเก็บสินค้าไว้นานกว่าสองเดือน ผมคิดว่าตอนนี้ควรติดต่อกลับหาไอ้ฉีหลินนะ เพราะถ้ามันทำได้อย่างที่พูดจริง เราก็มีโอกาสกลับไปค้าขายในซ่งเจียงอีกครั้ง”
“แต่มันค่อนข้างเสี่ยง” ปลายสายลังเล “ถ้าเกิดน้องของฉีหลงถูกตระกูลหยวนบงการอยู่ล่ะ? นายจะทำยังไง? แล้วถ้ามันเป็นกับดัก? ลำพังตาแก่หยวนหัวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พวกบริษัทยาที่มันทำธุรกิจด้วยกับคนที่รับผลประโยชน์จากมันนี่สิน่ากลัว เพราะยาที่เราผลิตเองดันไปกระทบกับสินค้าในตลาดพวกมัน ไม่แน่นะตอนนี้เราอาจถูกตามกลิ่นจนเจอและโดนล่อไปเก็บอยู่ก็ได้”
“แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะ” คังตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผมให้คนไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในซ่งเจียงแล้ว ไอ้ฉีหลินมันฆ่าอาเล็กของหยวนหัวกับลูกสมุน เลยต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากเขตพิเศษที่เก้า เพราะความขัดแย้งนี้เป็นไปได้ยากมากที่ฉีหลินจะร่วมมือกับตระกูลหยวน”
“แล้วคนในครอบครัวอาหลงยังเหลือใครอีกนอกจากไอ้ฉีหลิน?” ลูกพี่ถาม
“ยังมีแม่กับน้องสาวครับ”
“ถ้าเกิดว่าสองคนนั้นถูกพวกหยวนหัวจับเป็นตัวประกันแล้วบังคับไอ้ฉีหลินให้ร่วมมือล่ะ?” ลูกพี่ถามอีกครั้ง
คังชะงักทันทีที่ได้ยินคำถาม
“เราไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสถานการณ์ในซ่งเจียงตอนนี้เป็นไงกันแน่ ถ้าฉีหลินถูกบงการอยู่แล้วพี่หลวมตัวเข้าไปคงไม่รอดโดนจับ และพวกมันต้องใช้พี่ล่อพวกเราออกไปหาต่อแน่นแน” ลูกพี่วิเคราะห์อย่างรอบคอบ “ถ้าเราถูกเปิดโปง ไอ้พวกบริษัทยากับนักการเมืองทั้งหลายต้องถล่มเรายับแบบไม่ต้องสงสัย”
คังเริ่มคิดตามที่ลูกพี่พูด
“เราอยู่ในยุคที่ยาเป็นสิ่งขาดแคลน ตราบใดที่ยังผลิตยาได้บริษัทก็จะเติบโตอย่างมั่นคง ตอนนี้พวกเรายังสู้กับบริษัทยาคู่แข่งที่ได้การยอมรับจากทางการไม่ได้ เพราะงั้นเรื่องความอยู่รอดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” ลูกพี่แนะนำ “ฉันว่าพี่อย่าเพิ่งเสี่ยงติดต่อกับฉีหลินจะดีกว่า ทางที่ดีที่สุดคือล้มเลิกเรื่องช่องทางการค้าที่ซ่งเจียงไปก่อน”
ตอนนี้มีสองเรื่องที่คังคิดอยู่ในใจ
เรื่องแรกเขากับฉีหลงสนิทกันมาก ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ของเขาแก่น้องชายเผื่อเกิดเรื่องฉุกเฉิน ฉีหลงคงมั่นใจในความสนิทสนมและเชื่อว่าคังจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือฉีหลินแน่
เรื่องที่สอง คังมีหน้าที่ดูแลช่องทางการค้ายาและการตลาดในมณฑลซ่งเจียงให้บริษัท หากเสียช่องทางขนยาไป…นอกจากผลประโยชน์ด้านการเงินจะลดลงแล้ว ตำแหน่งหน้าที่ของเขาก็จะตกต่ำลงด้วย
หลังจากคิดอยู่นาน คังจึงกัดฟันพูดขึ้น “ผมว่าไอ้ฉีหลินไว้ใจได้ ได้ยินมาว่าเฒ่าหลี่แห่งสำนักงานตำรวจนครบาลรัฐพื้นที่ทมิฬกับหยวนเค่อขัดแย้งกันเพื่อแย่งชิงข้อมูลช่องทางการค้ายา แถมยังพยายามรื้อช่องทางขึ้นมาใหม่ ผมไม่มีทางปล่อยโอกาสทองนี้ไปแน่นอน”
“หมายความว่าพี่จะ…”
“ผมคิดว่าจะลองไปเจอฉีหลินดู” คังกล่าว “ไม่ต้องห่วง ถ้าฝ่ายนั้นคิดโจมตีบริษัท ผมจะจบเรื่องนี้ด้วยตัวเองโดยไม่เอาบริษัทไปเสี่ยงด้วย”
ลูกพี่เงียบไปชั่วขณะก่อนตอบกลับ “แล้วแต่ละกัน ยังไงนายก็ตัดสินใจไปแล้วนี่ ทำตามที่นายต้องการเถอะ แต่…ต้องทำตามแผนที่ฉันวางไว้นะ…”
…
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ฉีหลินก็ได้รับโทรศัพท์ “สวัสดีครับ?”
“มาเจอกันหน่อย” คังเข้าประเด็น “สามวันหลังจากนี้ ฉันจะไปรอที่สถานบันเทิงแพลตตินั่มคาสเซิลในชุมชนจี้อัน ภูมิภาคเจียงโจว เขตพัฒนา แกต้องถึงที่นั่นก่อนแปดโมงเช้า”
ฉีหลินผงะ “เจียงโจว? มันไกลจากที่ผมอยู่มาก…กลัวว่าจะไม่ทัน”
“ถ้าแกไม่มัวแต่เถลไถล เวลาแค่นั้นยังไงก็เหลือเฟือ” คังพูดตัดบท “อีกสามวันเจอกัน”
“เอางั้นก็ได้ครับ…”
“เออ!” พี่คังตัดสายทันทีหลังพูดจบ
ในห้องนอน ฉินอวี่มองหน้าฉีหลินก่อนถามอย่างกระวนกระวาย “เป็นไง เขาว่าไงบ้าง?”
“เขาขอนัดเจอเรา แต่จุดนัดหมายคือภูมิภาคเจียงโจว เขาบอกให้เราไปเจอในอีกสามวันข้างหน้า” ฉีหลินขมวดคิ้ว “เวลากระชั้นชิดมาก”
“เจียงโจวอยู่ไกลเกินไป แถมเรายังไม่เคยเจอหมอนั่นมาก่อน รีบร้อนออกไปหาทั้งที่เพิ่งคุยกันไม่กี่คำผ่านโทรศัพท์แบบนี้…ถ้าเกิดมันเป็นกับดัก เราคงตายห่ากันหมด” แมวเฒ่าพูดขึ้นหลังจากได้ยินฉีหลินบอก
ฉีหลินหันไปพูดกับคนทั้งสองในขณะที่มือยังถือโทรศัพท์อยู่ “ไม่ว่าจะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า ยังไงฉันก็ต้องไปที่นั่นให้ได้ ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้ช่องทางการค้า”
ฉินอวี่มองไปที่แมวเฒ่าก่อนพูดว่า “ไม่ต้องไปก็ได้นะแมวเฒ่า นายยังมีคนห่วงหาอยู่”
“เหลวไหล! เรื่องนี้สำคัญกับตำแหน่งและชีวิตของเฒ่าหลี่เหมือนกัน ในเมื่อพวกนายยอมเสี่ยงชีวิต แล้วฉันจะทิ้งพวกนายไปได้ไง?” แมวเฒ่าตอบอย่างไม่ลังเล “เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรเท่เหมือนชื่อที่แม่ตั้งให้”
“ในเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็รีบไปเตรียมตัวเถอะ จะมัวยืดยาดไม่ได้” ฉินอวี่พูดขึ้น “ฉีหลินนายควรพาแม่และน้องสาวไปที่หากบดานก่อน คืนนี้เราต้องออกเดินทางกันแล้ว”
“ได้เลยเพื่อน!” ฉีหลินพยักหน้า
…
ในคืนนั้น ฉินอวี่โทรหาจอห์นเพื่อให้เขาพาแม่กับน้องสาวฉีหลินไปหาคนดูแลสักพัก ซึ่งต้องเสียเงินตอบแทนไม่น้อย
หลังจากจัดการเรื่องสองแม่ลูกตระกูลฉีเรียบร้อย ทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไปหาซื้อน้ำมันสี่ถังจากพ่อค้าขายน้ำมัน ก่อนจะออกเดินทางไปยังภูมิภาคเจียงโจวในเขตพัฒนา
การเดินทางครั้งนี้จะล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด เพราะทั้งสามเดิมพันทุกอย่างกับช่องทางค้ายาไว้
ในยุคแห่งความโกลาหลที่เหล่าผู้มีอิทธิพลต่างห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงอำนาจในเขตปกครองพิเศษที่เก้า
ในที่สุดชายหนุ่มทั้งสามที่มารวมตัวกันก็ได้เริ่มต้นหนทางสู่ความยิ่งใหญ่แล้ว
………………………………..