Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 59
ตอนที่ 59 ถูกใส่ร้าย
บนถนน
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตรอก พี่เซียวจึงหันหลังกลับไปทำมือเพื่อส่งสัญญาณ
ชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบยัดตัวพี่คังเข้าไปในรถกระบะทันที ก่อนล้วงปืนออกมาและปลดระบบความปลอดภัยของปืน
ชายแจ็กเกตดำมองพี่เซียวอย่างกังวลพร้อมกล่าว “มันเห็นหน้าผมหรือยัง? ไม่งั้นผมซวยแน่”
“แกจะกังวลทำไมวะ? ฆ่าทิ้งซะก็จบเรื่อง” พี่เซียวกล่าวตอบพลางใช้มือส่งสัญญาณให้ลูกน้องสองคนที่ถือปืนอยู่
ชายทั้งสองคนแยกย้ายกันไปทันทีที่ได้รับสัญญาณ ก่อนมุ่งหน้าเข้าไปในตรอก
พี่เซียวเดินตามชายทั้งสองเข้าไปอย่างใจเย็น
ชายหนุ่มสองคนเดินเข้าไปในตรอกประมาณสิบเมตร และสังเกตเห็นว่าประตูไม้ที่อยู่ทางด้านซ้ายถูกเปิดแง้มอยู่ ทำให้มีแสงไฟลอดออกมา
พี่เซียวเลียริมฝีปากพลางส่งสัญญาณให้หยุดเคลื่อนไหว จากนั้นเขาจึงเดินไปแอบมองที่ช่องประตูอย่างระมัดระวังก่อนผลักให้เปิดออก
กลิ่นน้ำมันและสมุนไพรโชยออกมาทันทีที่ประตูเปิดออก พี่เซียวมองสำรวจด้านในอย่างเงียบๆ ก่อนพบว่ามันคือห้องครัวของร้านอาหาร ซึ่งมีพ่อครัวชาวตะวันตกกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหาร
เมื่อได้ยินเสียงผลักประตูพ่อค้าร่างท้วมจึงหันไปมองพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทางเข้าอยู่ด้านหน้าครับลูกค้า”
พี่เซียวมองพ่อครัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าพร้อมกล่าว “โทษที มาผิดทาง”
จากนั้นพ่อครัวจึงหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
พี่เซียวมองสำรวจภายในห้องครัว เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติจึงปิดประตูและเดินจากไปพร้อมกับลูกน้องทั้งสองคน
หลังจากพี่เซียวและลูกน้องเดินจากไปไม่นาน ประตูห้องเก็บของภายในห้องครัวก็ถูกเปิดออก ฉีหลินเล็งปืนไปที่พ่อครัวอีกคนพร้อมขู่อย่างโหดเหี้ยม “ทำต่อไป อย่ากระโตกกระตาก! พวกนายคงไม่อยากตายเพราะปากหรอกใช่ไหม?!”
“คะ…ครับ!” พ่อครัวที่ยืนอยู่ข้างเตาต่างพาหันพยักหน้า
“ไปที่ทางเข้ากันเถอะ” ฉินอวี่เก็บปืนพร้อมเร่งฉีหลินให้เดินตามออกไป
…
ทางเข้าตรอก
ขณะที่พี่เซียวกำลังจะขึ้นรถกระบะ เขาได้หันไปมองชายสวมแจ็กเกตสีดำที่ยืนอยู่ริมถนนพร้อมพูด “ไม่ต้องห่วง…เสียงโทรศัพท์ดังมาจากทางร้านอาหาร คงมีคนออกมาโทรศัพท์น่ะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย!” ชายสวมแจ็กเกตดำสูดหายใจเข้าลึก
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยฉันจะติดต่อมา” พี่เซียวกล่าวก่อนปิดประตูพลางหันไปพูดกับคนขับ “ไป!”
คนขับเหยียบคันเร่งรถยนต์ และคนกลุ่มนั้นก็ออกจากพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว
ชายแจ็กเกตดำยืนมองรถกระบะจนลับตาก่อนล้วงเงินที่พี่เซียวมอบให้ออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเลียนิ้วโป้งและเริ่มนับธนบัตรทีละใบ
…
บริเวณทางเข้าร้านอาหาร
ฉินอวี่เดินก้มหน้าพร้อมกล่าว “ไอ้โจรพวกนั้นมีเส้นสายอยู่ในแพลตตินั่มคาสเซิลแน่นอน ไม่งั้นมันคงไม่กล้าลงมือแบบนี้เด็ดขาด!”
“ไอ้แจ็กเกตดำ…” ฉีหลินนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว “มาจากแพลตตินั่มคาสเซิลใช่ไหม?”
“ต้องใช่แน่นอน มันรับเงินมาด้วยนี่” ฉินอวี่พยักหน้า
“แล้วนายจะทำยังไงต่อ…”
“ฉันจะโทรบอกแมวเฒ่าให้รีบมาที่นี่” ฉินอวี่พูดพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาแมวเฒ่า
ฉินอวี่โวยวายทันทีที่แมวเฒ่ารับสาย “นายไม่มีสมองเหรอ? รู้ทั้งรู้ว่าพวกฉันทำอะไรอยู่ก็ยังจะสุ่มสี่สุ่มห้าโทรมาอีก นายเกือบทำพวกฉันตายแล้วรู้ไหม?!”
“อย่าโมโหสิ เพื่อนของนายยังไม่ว่างรับสายน่ะ” เสียงของโกโก้ดังลอดโทรศัพท์ออกมา
ฉินอวี่นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เธอเป็นใคร?”
“ฉันเป็นลูกพี่ของพี่คัง” โกโก้ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เราเคยเจอกันที่แพลตตินั่มคาสเซิลแล้วนี่”
ฉินอวี่นั้นมีความจำที่แม่นยำ ดังนั้นเขาจึงจำเสียงของอีกฝ่ายได้ทันที “เธอเป็นคนที่เก็บกระเป๋าไปเหรอ?”
“ใช่!”
“หมายความว่ายังไง?” ฉินอวี่รู้สึกสับสน
“หลังจากอาหลงตาย พวกเราได้วางแผนว่าจะละทิ้งช่องทางการค้าในเมืองซ่งเจียง แต่พี่คังใจดีเกินไป…เขายืนกรานที่จะช่วยเหลือ…ถึงอย่างนั้นพวกนายก็ยังทำผิดกฎ…” โกโก้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พาตัวพี่คังกลับมา ไม่งั้นฉันจะตัดขาเพื่อนพวกนายทิ้งซะ!”
ฉินอวี่ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนอุทาน “เธอกำลังโยนความผิดให้พวกฉันนี่!”
“นายก็น่าจะรู้ดีแก่ใจว่าฉันโยนความผิดให้นายหรือไม่”
“พี่คังไม่ได้อยู่กับเรา เขาถูกลักพาตัวไป!” ฉินอวี่พยายามอธิบาย “พวกเรายังไม่ทันเจอเขาเลยด้วยซ้ำ…”
“คนที่รู้เรื่องเวลาและสถานที่นัดพบมีแค่ฉันกับนาย” โกโก้พูดอย่างเย็นชา “และพี่คังก็หายตัวไปทันทีที่นายถือปืนเดินขึ้นไป แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่านายไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”
ฉินอวี่รู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาโน้มน้าวใจของอีกฝ่ายให้เชื่อ
“ฉันไม่สนหรอกว่านายมาจากตระกูลหยวนหรือเป็นขี้ข้าของบริษัทไหน ถ้าพี่คังเป็นอะไรไป ฉันรับรองเลยว่าเพื่อนของนายได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่!”
“พวกเราไม่ได้ทำจริงๆ!” ฉินอวี่แทบจะตะโกนออกมา “เรามาที่นี่เพื่อติดต่อเรื่องช่องทางขนยาเถื่อน!”
โกโก้เคาะนิ้วเบาๆ บนต้นขาก่อนตอบอย่างเคร่งเครียด “ฉันกับนายไม่เคยทำการค้าร่วมกันมาก่อน มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อใจ…ในเมื่อนายบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แล้วทำไมเราไม่มาคุยกันตัวต่อตัวล่ะ?”
“เธอเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? จะเชื่อคำพูดฉันเพียงแค่ยอมออกไปพบงั้นเหรอ?” ฉินอวี่เย้ยหยัน “ถ้าฉันสองคนตกหลุมพรางเธออีก พวกเราต้องจบเห่แน่!”
“ไม่ยอมส่งตัวพี่คังกลับและยังไม่กล้ามาพบฉันอีก นายเห็นฉันเป็นโสเภณีเหรอ?” โกโก้แค่นเสียงด้วยความสมเพช “ได้ งั้นก็เตรียมตัวจุดธูปอธิษฐานให้เพื่อนแกไปสู่สุคติแล้วกัน!”
“เดี๋ยวก่อน!” ฉินอวี่ตะโกนขณะเหงื่อไหลเต็มหน้า “ให้เวลากันหน่อยสิ ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าพวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
โกโก้รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเหลือบมองนาฬิกา “ฉันให้เวลานายถึงพรุ่งนี้เช้า ถ้ายังไม่ติดต่อมา…ฉันก็จะไม่รออีกต่อไป”
หลังจากนั้นฉินอวี่ก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายตัดสาย
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีหลินถามอย่างร้อนรน ขณะที่ฉินอวี่ค่อยๆ เอาโทรศัพท์ออกจากหู
“แม่งเอ๊ย!” ฉินอวี่สบถพลางตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้หญิงที่อยู่กับแมวเฒ่าคือลูกพี่ของพี่คัง เธอสงสัยว่าเราลักพาตัวพี่คังไปจึงจับแมวเฒ่าเป็นตัวประกัน”
“ฉิบหาย!”
ฉีหลินเตะถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ “ทำไมเราซวยขนาดนี้วะ? ทำอะไรก็มีแต่อุปสรรค!”
…
บนถนน
โกโก้นั่งไขว่ห้างและเท้าคางอยู่ในรถ ดูเหมือนว่าเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์
“ลูกพี่…มีแค่พวกอันธพาลเท่านั้นที่กล้าลักพาตัวพี่คังในถิ่นของเรา” ชายคนขับพูดขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นขณะบังคับพวงมาลัย “พวกมันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว และคงถือโอกาสนี้กำจัดคู่แข่ง…พี่คังกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
“เรื่องนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่เรารู้แน่นอน” โกโก้ขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะก่อนกล่าว “ไปสืบมาว่าพี่คังเคยมีปัญหากับใครหรือเปล่า”
“ลูกพี่คิดจะทำอะไรเหรอครับ?” คนขับรถเอ่ยถามด้วยความสับสน
“อย่าถามมาก ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” โกโก้ตอบเสียงเรียบ
“ผมจะรีบตรวจสอบเดี๋ยวนี้ครับ” คนขับพยักหน้าพร้อมเอ่ยตอบ
…………………………………