Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 74
ตอนที่ 74 หมายเลข 3088
ฉินอวี่มองหลินเหนียนเล่ยกับเด็กชายด้วยความประหลาดใจ “พวกเธอสองคนสนิทกันแล้วเหรอ?”
หลินเหนียนเล่ยหันมาหัวเราะก่อนตอบ “อ๋อ…ฉันเพิ่งเลิกงานกำลังจะกลับเข้าบ้าน แต่บังเอิญเห็นเด็กคนนี้พยายามงัดบ้านฉันอยู่น่ะ พอถามก็เลยรู้เด็กมันกำลังหิวอยากหาอะไรกิน”
ฉินอวี่หัวไปดุเด็กชายที่นั่งอยู่บนเตียง “ไม่เคยได้ยินหรือไงว่ากระต่ายไม่กินหญ้าข้างโพรง? แล้วทำไมนายถึงไปขโมยอาหารเพื่อนบ้านกิน?”
เด็กชายผิวเข้มผมยาวรุงรังเงยหน้ามองฉินอวี่ก่อนพูด “ไม่ได้ขโมยซะหน่อย…แค่ยืมมากิน ผมหิวแต่ไม่มีอะไรให้กินก็เลยลองออกมาหาดู”
“แงะบ้านคนอื่นเขาไม่เรียกว่ายืมเว้ย!” ฉินอวี่ตบหัวเด็กชาย “ถ้าทำอีกฉันจะจับนายเข้าคุกซะ”
“ก็บอกว่าแค่ยืมไง! ยืมมากินแล้วพรุ่งนี้ผมจะเอามาคืน” เด็กชายพูดไปเคี้ยวไป “เด็กในยุคทรหดอย่างพวกผมไม่ผิดคำพูดหรอก คนอย่างผมไม่ขอกินฟรีแน่นอน!”
ฉินอวี่ถึงกับพูดไม่ออก “เหลวไหล…คนอย่างนายจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับยุคทรหด?”
“หืม? เด็กคนนี้ฉลาดพูดใช่เล่น” หลินเหนียนเล่ยพูดแทรกพร้อมหัวเราะ “แล้ว…พรุ่งนี้เธอจะคืนอาหารฉันยังไงเหรอ?”
“ผมบอกแล้วว่าจะคืน ไม่ต้องถามเยอะได้ไหม?” เด็กชายกลอกตาพูด
ฉินอวี่เริ่มรู้สึกรำคาญ เขาหันไปอธิบายกับหลินเหนียนเล่ย “ฉันเจอเด็กนี่นอนใกล้ตายอยู่ที่ทุ่งหิมะในเขตพัฒนา อาจเป็นเพราะไม่มีใครสั่งสอนและใช้ชีวิตลำบากคนเดียวมาตลอดเลยดื้อแบบนี้”
“ใจดีกว่าที่เห็นนะเนี่ย” หลินเหนียนเล่ยมองฉินอวี่อย่างประหลาดใจ
“ช่วยไม่ได้หนิ” ฉินอวี่ยักไหล่ตอบก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเธอกินอะไรหรือยัง?”
“กินมาจากที่ทำงานแล้ว” หลินเหนียนเล่ยกล่าวพร้อมลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย “จริงสิ ถุงมือนายฉันซักให้เรียบร้อยแล้วนะ เดี๋ยวเอามาคืน”
“ทำไมล่ะ ซื้อมาแล้วเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
“ทำงานจนแทบไม่ได้กินข้าว จะเอาเวลาไหนไปซื้อถุงมือคะ?” หลินเหนียนเล่ยทำหน้ามุ่ย “ไม่ได้ชอปปิงมานานเป็นปี เดือนหน้าคงต้องหาเวลากลับเฟิงเป่ยแล้วล่ะ!”
“ถ้างั้นก็เอาไปใช้เถอะ…ฉันให้” ฉินอวี่ยิ้ม “อีกอย่าง…ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อย”
“เรื่องอะไร?”
“ถ้าได้ไปเฟิงเป่ยฝากซื้อเครื่องสำอางได้ไหม?” ฉินอวี่ยื่นรายการของที่โกโก้อยากได้ให้หลินเหนียนเล่ย “เพื่อนฉันอยากได้ของตามนี้ ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจัดการให้”
หลินเหนียนเล่ยหรี่มองก่อนพูด “อ๋อ…ซื้อให้แฟนนี่เอง จะเอาใจคุณนายแมวสุดที่รักเหรอคะ?”
“ยัยบ้า”
“ตกลงนายมีแฟนแล้วเหรอ?” หลินเหนียนเล่ยถาม
“เปล่า…เป็นเพื่อนกันนี่แหละ” ฉินอวี่ตอบพลางลุกขึ้นยืน “ถามทำไม…หึงเหรอ?”
หลินเหนียนเล่ยหน้าแดงทันทีที่ได้ยิน “มีสมองหรือเปล่ายะ? คนอย่างฉันเนี่ยนะจะหึงนาย? ฝันไปเถอะ!”
พูดจบหลินเหนียนเล่ยก็หมุนตัวจากไป
ฉินอวี่เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะไปจึงรีบตะโกนบอก “เด็กกำลังกินข้าวอยู่ ฉันขอไปคุยต่อที่บ้านเธอได้ไหม?”
“ไปให้พ้น!” หลินเหนียนเล่ยตอบพลางเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้านตน
“พี่นี่หื่นเหมือนกันนะ” เด็กชายเงยหน้ามองฉินอวี่
ฉินอวี่หันไปถาม “นายมีชื่อหรือเปล่า?”
“ผมชื่อหวังเฮ่อหนานแต่เพื่อนๆ เรียกผมว่าเขี้ยว” เด็กชายตอบพลางดูดเส้นบะหมี่เข้าปาก
ฉินอวี่หันมองรอบบ้านพลางถอนหายใจและพูด “อย่างที่นายเห็น…ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เอาไว้มีเวลาฉันจะหางานให้นายทำ ระหว่างนี้ก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน”
หวังเฮ่อหนานวางถ้วยบะหมี่ลงก่อนมองหน้าฉินอวี่และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะคุณช่วยชีวิตผมไว้ จากนี้ไปเราเปรียบเสมือนพี่น้องกันแล้ว อยากให้ผมทำอะไรบอกมาได้เลยนะครับ”
“เริ่มจากการล้างถ้วยตัวเองก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำอุ่นมาให้” ฉินอวี่ตอบ “พอล้างเสร็จก็เอาไปคืนยัยเซ่อหลินด้วย อ้อ…แล้วอย่าลืมพูดจาให้มีมารยาทนะ”
หวังเฮ่อหนานทำหน้าบูดเบี้ยวก่อนพูดราวกับไม่พอใจ “ทำไมผมต้องล้างด้วยล่ะ?”
“แล้วจะเอายังไง? ให้ฉันล้างเหรอ? อย่ามาปากดี…นายนั่นแหละไปล้าง!” ฉินอวี่ตะคอก
“ผมแค่พูดเล่นเองครับคุณพี่!”
“อย่ามาทำตัวแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นฉันจะฟาดให้หลังหักเลยคอยดู!” ไม่พูดเปล่า ฉินอวี่เอื้อมมือไปตบศีรษะเด็กน้อยตรงหน้า “ลุกไปได้แล้ว!”
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ละแวกบ้านส่วนใหญ่เริ่มเข้านอนกันแล้ว ฉินอวี่พาเขี้ยวไปอาบน้ำและตัดผมในอ่างไม้
เขี้ยวนั่งมองกองผมตัวเองที่ถูกตัดพร้อมกับอาการง่วง เนื่องจากก่อนหน้านี้เขากินมื้อเย็นจนอิ่มแปล้
“นายอายุเท่าไหร่แล้วนะ?” ฉินอวี่ถาม
“สิบแปด”
“อย่ามาตอแหล ขอความจริง”
“ลบสาม”
“ตอบสิบห้าแต่แรกก็จบแล้ว” ฉินอวี่บ่นพลางใช้มีดโกนตัดผม “ทำไมวันนั้นถึงไปนอนในทุ่งหิมะล่ะ?”
“วันนั้นเพิ่งลงมาจากภูเขาผิง ผมทั้งหนาวทั้งหิว ทั้งเหนื่อยก็เลยนอนตรงนั้นและเผลอหลับไป”
ก่อนหน้านี้เขี้ยวตัวสั่นเพราะความหนาว แต่เมื่ออากาศอุ่นขึ้นเขาก็เผลอเกาแผลจากผิวหนังที่แห้งโดยไม่รู้ตัว เขาต้องเดินกะเผลกเพราะร่างกายอ่อนแอมาก ด้วยเหตุนี้ในสายตาฉินอวี่เขาจึงน่าสงสาร
“แล้วนายขึ้นไปทำอะไรบนเขาผิง?”
“พี่ผมพาขึ้นไป…” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขี้ยวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าท่าทางกลับมาหนักแน่นเหมือนเดิม “พวกผมเก็บสมุนไพรและล่าสัตว์บนเขาน่ะ”
“บนเขามีสัตว์ให้ล่าด้วยเหรอ?”
“ในป่าลึกยังพอมีอยู่” เขี้ยวตอบ “เมื่อเดือนที่แล้วผมกับพรรคพวกสี่คนถูกบังคับให้เข้าไปลึกถึงกลางเขาเลยนะ ที่นั่นหิมะตกหนักมาก หัวหน้าใช้ปืนขู่…แต่พวกผมก็ยังไม่กล้าเข้า ไอ้ชั่วนั่นเลยยิงพวกเราตายไปสามคนและหนึ่งในนั้นมีพี่ชายผมด้วย”
ฉินอวี่พูดไม่ออก
“ตอนนั้นผมยังเด็ก…ไม่มีกำลังมากพอจะแก้แค้นให้พี่ คอยดูเถอะ…สักวันหนึ่งผมจะตัดหัวมันไปฝังหลุมหิมะที่พี่ผมตายให้ได้” เขี้ยวพูดพึมพำด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ใต้แสงสลัวฉินอวี่ขมวดคิ้วฟังพลางตัดผมเด็กชายไปด้วย
“หลังจากพี่ตาย ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่ฝันถึงเขา…” เขี้ยวพูดพลางก้มหน้าลง “ผมทนคิดถึงไม่ไหว ถึงได้พยายามหนีออกมากระทั่งเจอคุณ”
“แล้วพ่อแม่นายไปไหนซะล่ะ?” ฉินอวี่ถามอย่างสงสาร
“เราพลัดหลงกันตั้งแต่ก่อนมีเขตพิเศษที่เก้าแล้ว บางที…พวกเขาอาจตายไปแล้วก็ได้มั้ง?”
“ฉันก็เหมือนกัน…” มือฉินอวี่ที่ถือมีดโกนอยู่หยุดชะงักขณะพูดเสียงแผ่ว
เขี้ยวตกตะลึง “เหมือนเราทั้งคู่จะมีอะไรคล้ายกันอยู่นะ”
“นายอยากแก้แค้นงั้นเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
“แน่นอนสิ หัวหน้าฆ่าครอบครัวคนเดียวของผม…ยังไงก็ต้องล้างแค้นให้ได้” เขี้ยวตอบอย่างไม่ลังเล
“ถ้างั้นก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน” ฉินอวี่พูด
ไม่นานผมยาวรุงรังของเขี้ยวก็ถูดจัดการเรียบจนกลายเป็นเด็กชายหัวโล้น แต่เมื่อเส้นผมถูกโกนออกไปแล้ว ฉินอวี่ก็สังเกตเห็นรอยสักที่คอของเขี้ยว “‘3088’ มันคืออะไร?”
“บนภูเขาผิงหิมะตกหนักมาก มันมากจนถ้ายืนอยู่เฉยๆ ก็อาจโดนหิมะทับตายได้เลยนะ ที่นั่นมีเด็กอย่างผมอยู่เยอะมาก พวกเราถูกแบ่งเป็นกลุ่มและใช้ตัวเลขเรียกแทนชื่อเพราะหัวหน้าจำชื่อทุกคนได้ไม่หมด ถ้าเกิดมีคนตายแค่นับเลขก็จะรู้ได้ทันที”
ฉินอวี่น้ำตาปริ่มราวกับเห็นตัวเองในอดีต เขาเอื้อมมือไปลูบหัวเขี้ยวพลางพูดขึ้น “ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ แต่งเรื่องเก่งเหมือนกันนะเรา”
………………………………….