Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 89
ตอนที่ 89 การหลบหนีของแมลงวันปลายแถว
ในร้านขายเนื้อ
เสี่ยวฉู่ยกบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นสูบพลางนั่งจ้องนาฬิกาอย่างกระวนกระวายใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเหยียบเบรกดังมาแต่ไกล รถจี๊ปสภาพใกล้พังแล่นเข้ามาจอดเทียบตรงแยกถนน ชายหน้าแดงที่อยู่ในรถกำลังโทรหาเฒ่าสาม “ผมมาถึงแล้ว”
“เขาอยู่ห้องสามศูนย์เจ็ด”
“รับทราบครับ” ชายหน้าแดงวางสายก่อนสวมถุงมือยางกับหมวกไหมพรม
เขาดึงเบรกมือขึ้นโดยไม่ดับเครื่องยนต์ เพื่อหลังจัดการเป้าหมายแล้วจะได้หนีทันที
เมื่อเตรียมการทุกอย่างเสร็จชายหน้าแดงก็รีบสาวเท้าตรงไปที่ร้านขายเนื้อ
“ว่าไงพี่ชาย สนใจเข้าไปหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ทางเข้าร้านกล่าวทักทาย “สาวๆ อยู่ข้างใน ให้ผมเรียกมาดูตัวก่อนไหม?”
“ไม่ต้อง ฉันนัดเพื่อนไว้” ชายหน้าแดงก้มหน้าตอบ “ห้องสามศูนย์เจ็ดอยู่ไหน?”
เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ลูกค้าเด็กหนุ่มจึงทำสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนกลับไปนั่งเก้าอี้และชี้ไปทางบันได “ขึ้นไปแล้วเลี้ยวซ้าย ห้องอยู่ขวามือ”
“ขอบใจ” ชายหน้าแดงตอบพร้อมเดินขึ้นบันได
เด็กหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่หลังเคาท์เตอร์ “ไอ้พวกยาจกน่ารังเกียจ ไม่มีที่อื่นให้นัดคุยกันแล้วหรือไงวะ?”
…
ชายหน้าแดงเดินมาถึงทางเดินสลัวที่ชั้นสองของร้าน เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อพลางสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด
ภายในห้อง
เสี่ยวฉู่นอนเล่นโทรศัพท์อย่างกระวนกระวาย หลังเกมแพ้ไปสองตาเขาจึงลุกขึ้นพลางสบถ “ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงช้านักนะ…หรือว่าเราจะโดนเบี้ยว?”
เสี่ยวฉู่เดินไปมารอบห้องอย่างร้อนใจก่อนตรงไปที่ประตูและส่องช่องตาแมว
…
สามศูนย์สอง
สามศูนย์ห้า
ชายหน้าแดงดูหมายเลขห้องฝั่งซ้ายของทางเดินก่อนเร่งฝีเท้ามุ่งสู่ประตูต่อไป เขาชักปืนออกมาพลางกดปลายปืนลงซ่อนไว้หลังขาขวา
กระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าห้องสามศูนย์เจ็ด
เขาหันมองโดยรอบก่อนเอื้อมมือซ้ายเคาะประตู
ภายในห้อง
เสี่ยวฉู่ส่องช่องตาแมวแล้วไม่เห็นใครจึงเดินเข้าห้องน้ำไป เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่าคิดมากเกินไป ซึ่งตั้งแต่มาถึง…เขาปลอบตัวเองไปสิบกว่าครั้งแล้ว
“ก๊อกๆ!”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น
เสี่ยวฉู่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกก่อนร้อนรนวิ่งไปส่องช่องตาแมวที่ประตูอีกครั้ง
“ใช่เสี่ยวฉู่หรือเปล่า? เปิดประตูหน่อย…พี่สามรออยู่ข้างล่าง เขาบอกให้ฉันมาตามนายลงไป!” ชายที่อยู่นอกประตูตะโกนบอก
เสี่ยวฉู่รู้สึกอุ่นใจขึ้นทันทีที่ได้ยิน ขณะที่กำลังเอื้อมมือไปปลดล็อกลูกบิดประตู จู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก
“อยู่ข้างในหรือเปล่าเสี่ยวฉู่? เปิดประตูสิ!” ชายหน้าแดงยังคงตะโกนเรียก
เสี่ยวฉู่หน้าซีดเหงื่อเริ่มผุดเต็มหน้าผาก ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความตื่นตระหนกก่อนล้วงมีดสั้นจากกระเป๋าออกมา
หลังไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายชายหน้าแดงจึงหมดความอดทน เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนยกขาขึ้นถีบประตู
“ปัง!”
“ปัง!”
ชายหน้าแดงออกแรงถีบสองครั้งติดจนกลอนประตูพังและเปิดออก
เขาเข้าไปในห้องมืดก่อนพบว่าไม่มีใครอยู่ด้านใน
…
เสี่ยวฉู่ตกตะลึง
เขาปาดเหงื่อบนหน้าก่อนรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาปิดเสียง มืออีกข้างกระชับมีดสั้นไว้แน่นและมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องสามศูนย์เจ็ดซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องสามศูนย์หกที่เขาอยู่
ที่ชั้นล่างของร้าน
เสียงฝีเท้ามากมายของพนักงานวิ่งกรูขึ้นไปที่ชั้นสองพลางตะโกนลั่น “เกิดบ้าอะไรขึ้น? ใครพังประตู?”
“แม่งเอ๊ย!” ชายหน้าแดงสบถพลันรีบออกจากห้อง เขาเร่งฝีเท้าเดินไปตามทางกระทั่งเผชิญหน้ากับพนักงาน
“เมื่อกี้แกเป็นคนพังประตูหรือเปล่า?” พนักงานถามด้วยความโมโห
“วันนี้มีใครเช็กอินห้องสามศูนย์เจ็ดไหม?” ชายหน้าแดงถามพร้อมชี้ปืนไปที่หัวอีกฝ่าย เมื่อไม่ได้ยินคำตอบเขาจึงถามซ้ำอีกครั้ง “ถ้างั้นคนที่เช็กอินห้องสามศูนย์เจ็ดได้จองห้องอื่นเพิ่มอีกไหม?”
พนักงานอึกอักพูดไม่ออกเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คอขาดบาดตาย เขาเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“ถ้าไม่ตอบฉันจะเป่าหัวแกซะ!” ชายหน้าแดงจ้องหน้าพนักงาน
“ผะ…ผมไม่รู้ ผมเพิ่งเข้างานเมื่อกี้!” พนักงานตอบอย่างหวาดกลัว
ชายหน้าแดงขมวดคิ้วมองพนักงานก่อนพบว่ามีวิทยุสื่อสารห้อยอยู่ที่เอวจึงออกคำสั่ง “วิทยุถามเพื่อนแกสิ เร็ว!”
“ตุบ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกร้าน
ชายหน้าแดงจึงหันมาถามพนักงานอย่างร้อนรน “ในห้องมีหน้าต่างด้วยเหรอ?”
พนักงานไม่กล้าโกหกด้วยถูกปืนจ่อหัวอยู่จึงรีบตอบกลับตามจริงว่า “มีแค่ห้องฝั่งเลขคู่ที่มีหน้าต่าง”
ชายหน้าแดงจึงรีบวิ่งกลับไปที่ห้องสามศูนย์หกก่อนยกขาถีบประตูสามครั้ง
“ปัง!”
ประตูเปิดออก ไฟในห้องยังคงสว่างพร้อมกับกลิ่นบุหรี่ไฟฟ้าอบอวล หน้าต่างที่อยู่ตรงข้ามประตูเปิดกว้างจนลมหนาวพัดเข้ามา
ชายหน้าแดงพุ่งตัวไปที่หน้าต่างก่อนก้มมองด้านล่างและเห็นว่าเสี่ยวฉู่กำลังวิ่งข้ามถนนหายเข้าไปในตรอกฝั่งตรงข้าม
“บัดซบ! เงินพันห้ากู! หนีไปแล้ว!” ชายหน้าแดงสบถอย่างไม่สบอารมณ์
เขาหมุนตัวกลับและออกจากร้านขายเนื้อพลางต่อสายหาเฒ่าสาม
…
สามนาทีต่อมา
เสี่ยวฉู่วิ่งออกจากตรอกอย่างทุลักทุเลพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาหน้าซีดทันทีที่เห็นชื่อคนโทรเข้า หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจรับสาย
“เสี่ยวฉู่?”
“พี่สามสั่งคนมาฆ่าผมเหรอ?!”
“เดี๋ยว…เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”
“เข้าใจผิดเหรอ? ผมได้กลิ่นเขม่าดินปืนมาจากตัวไอ้สารเลวที่พี่ส่งมา…” เสี่ยวฉู่แค่นเสียงตอบ “ถ้าตอนนั้นผมไม่ไปเรียนกับเฒ่าหม่า ป่านนี้คงนอนเป็นศพไปแล้ว!”
“พูดเรื่องอะไร? ฉันส่งมันไปรับนายต่างหาก”
“พี่สาม…ผมเป็นแค่แมลงวันปลายแถว ปล่อยผมไปเถอะ…ผมไม่อยากได้อะไรแล้ว” เสี่ยวฉู่ขอร้องอย่างสิ้นหวัง “ถ้าปล่อยผมไป…ผมสัญญาว่าจะไม่กลับมาเหยียบซ่งเจียงอีก ผมขอร้องนะพี่…”
“ฟังฉันก่อนเสี่ยวฉู่…”
“พี่ยังจะให้ผมฟังอะไรอีก?! คิดว่าผมโง่หรือไง? ก็เห็นๆ อยู่ว่าคนที่พี่ส่งมามันเป็นนักฆ่า!” เสี่ยวฉู่ตะคอกใส่โทรศัพท์อย่างเหลืออดก่อนจะตัดสายและหนีหายไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว
…
ที่โต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกในคฤหาสน์เริงรมย์ หยวนหัวสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของเฒ่าสามจึงเอ่ยถาม “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“นักฆ่าที่ผมจ้างไปจัดการเสี่ยวฉู่ทำงานพลาด” เฒ่าสามตอบกระอึกกระอัก “เด็กนั่นฉลาดกว่าที่คิด มันบอกผมว่าอยู่ห้องสามศูนย์เจ็ด แต่จริงๆ แล้วมันแอบดูสถานการณ์อยู่สามศูนย์หก”
หยวนหัวผละจากไพ่นกกระจอกและยืนขึ้นมองหน้าเฒ่าสามก่อนถาม “พลาดงั้นเหรอ?”
“ครับ…” เฒ่าสามหลบสายตา
“เพียะ!”
หยวนหัวตบหน้าเฒ่าสามจนหันไปอีกทาง “ตำรวจอย่างแกโดนไอ้เด็กนักเลงกระจอกนั่นหลอก…ไม่คิดว่าตัวเองโง่ไปหน่อยเหรอ?!”
เฒ่าสามก้มหัวตอบอย่างเจียมตัว “ไอ้นักเลงพวกนี้เร่ร่อนตามถนนมานาน พวกมันรู้วิธีซ่อนตัวเป็นอย่างดี…”
“ไอ้ขยะไร้ประโยชน์! ทำห่าอะไรก็ไม่ได้เรื่อง!” หยวนหัวโมโหจนหมดอารมณ์เล่นไพ่ เขาหันไปถามหยงตง “ไอ้เด็กนั่นยอมไม่เอาเงินก้อนสุดท้ายจากเรา แกคิดว่ามันจะกลับมาไหม?”
…
ในเมือง
หม่าเหลาเอ๋อนั่งคุยกับเสี่ยวหลิวในรถ “ล่อมันออกมา ฉันจะรออยู่ข้างล่าง”
“ครับ” เสี่ยวหลิวพยักหน้าตอบ
………………………………….