Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 หลินเซียว
เมื่อเสียงปืนดังขึ้นสิงจื่อห่าวไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใดเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจับมาผิดคน กระทั่งหลินเซียวกับหลินเหนียนเล่ยปรากฏถึงได้รู้สึกตัว
เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนคว้าโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว มือหนาสั่นรัวพยายามกดเบอร์โทรออก
“ฮัลโหล?”
“คุณปีเตอร์ ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยด่วน! ตอนนี้ผมถูกทหารเกือบสี่สิบคนล้อมอยู่ที่ถนนศักราชรุ่งเรือง ไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ที่แน่ๆ มันจะเอาตัวผมไป ได้โปรดหาใครก็ได้มาช่วยผมที…” สิงจื่อห่าวกระหน่ำพูดใส่ปลายสายจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์
ปีเตอร์ที่กำลังจะเข้านอนจึงจับใจความไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ให้ตายเถอะคุณพูดอะไรน่ะ? ให้ผมสืบหาเบื้องหลังกลุ่มทหารนิรนามเหรอ? คิดว่าผมเป็นพระเจ้าหรือไง?”
สิงจื่อห่าวเหงื่อตก เขาบอกหมายเลขป้ายทะเบียนรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้ปีเตอร์อย่างเร่งรีบ
“พรืบ!”
ทันใดนั้นกลุ่มทหารกระชากประตูรถตู้อย่างแรงจนมันเปิดออก
หลินเซียวยืนอยู่นอกรถพร้อมกับลากชายหนุ่มที่เคยเตะเป้าของตนออกมาก่อนขึ้นเสียงถาม “ปืนของแกอยู่ไหน?”
ชายหนุ่มสั่นกลัวไม่กล้าปริปาก เขาไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
“ฉันถามว่าปืนอยู่ไหน?!” หลินเซียวตะคอกด้วยน้ำเสียงที่ใช้กับทหาร
ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวก่อนเอื้อมมือไปหยิบปืนด้านหลังออกมาตามสัญชาตญาณ
หลินเซียวรีบผละออกจากชายหนุ่มพลางชี้ปืนใส่และตะโกนสั่ง “ยิงมัน!”
“ปังๆ!”
หนึ่งในพรรคพวกของหลินเซียวลั่นไกปืนอย่างไม่ลังเลใส่หัวเข่าของชายหนุ่ม เขาล้มลงกับพื้นเลือดไหลทะลักพลางร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“ไอ้พวกสวะในรถออกมาเดี๋ยวนี้!” ทหารคนหนึ่งตะโกนสั่ง
ขณะเดียวกันทหารอีกห้าสิบคนที่เหลือตั้งลำปืนเล็งไปที่รถตู้
สิงจื่อห่าวหน้าซีด เขารวบรวมความกล้าลงจากรถก่อนถามหลินเซียวว่า “ตกลงแกเป็นใครกันแน่?”
“รู้หรือเปล่าว่าใครให้อำนาจแกขายยา?” หลินเซียวถาม
สิงจื่อห่าวชะงักทันทีที่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เบื้องหลังของตน
หลินเซียวยืนประจันหน้าสิงจื่อห่าวก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิทธิในการซื้อขายยากำหนดโดยผู้ปกครองเขตพิเศษก็จริง แต่รู้หรือเปล่าว่าคนอย่างพวกฉันนี่แหละที่สละเลือดเนื้อสร้างที่นี่ขึ้นมา! เพราะงั้นอย่ามาทำตัวโอหังใส่ฉันคนนี้อีก เจียมกะลาหัวตัวเองบ้าง!”
สิงจื่อห่าวได้แต่กำหมัดแน่นไม่กล้าตอบโต้
หลินเซียวคว้าเสื้อคลุมโยนใส่หน้าสิงจื่อห่าวพร้อมถาม “ไม่เห็นหรือไงว่าชุดพวกนี้คืออะไร?”
สิงจื่อห่าวมองอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่รู้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้พิเศษยังไง
หลินเซียวกระชับปืนในมือก่อนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันจะบอกให้ก็ได้…เสื้อคลุมนี้เป็นเครื่องแบบฤดูหนาวของผู้บัญชาการ หรือที่เรียกกันเมื่อก่อนว่าเสื้อโค้ตนายพล! ทั้งที่ไม่รู้อะไรแต่ยังกล้ากระดิกหางเห่าไปทั่วเฟิงเป่ย หนำซ้ำยังมาแตะต้องน้องสาวฉันอีก รู้ไว้ซะด้วย…ต่อให้ฉันฆ่าแกทิ้งที่นี่ก็ไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้าเอาเรื่องฉันหรอก!”
หลินเซียวง้างปืนทุบศีรษะของสิงจื่อห่าวอย่างรุนแรง
“ตุบ ตุบ!”
สิงจื่อห่าวร่วงลงกับพื้นเลือดไหลอาบหน้า ร่างหนากระตุกสองสามทีก่อนสลบไป
“กระทืบมัน”
เหล่าทหารฟังคำสั่งหัวหน้าโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นทายาทหรือนักธุรกิจใหญ่ในเครือไหน
พวกเขาดาหน้าเข้าไปกระทืบสิงจื่อห่าวอย่างโหดเหี้ยม
ฉินอวี่กับคนอื่นๆ ที่เพิ่งลงมาจากรถตู้อีกคันได้แต่ยืนมองหลินเซียวด้วยความตกตะลึง
แมวเฒ่าเหลือบมองหลินเหนียนเล่ยก่อนพูดพึมพำ “เฮ้อ…คนอารมณ์ร้อนอย่างฉันเจอแบบนี้แทบไปไม่เป็นเลย อย่างกับอยู่คนละโลก”
หลังระบายความโกรธแค้นเรียบร้อย หลินเซียวจึงพาน้องสาวกลับขึ้นรถพร้อมทหารและพาพวกฉินอวี่รวมทั้งสิงจื่อห่าวไปยังค่ายทหารที่อยู่ไม่ไกล
…
ในค่ายทหารไม่มีกล้องวงจรปิดและมีห้องปิดตายอยู่สองสามห้องใช้สำหรับการลงโทษ
ฉินอวี่กับคนอื่นๆ ถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้ในห้องแยกส่วนตัว ด้วยไม่อยากมีปัญหาพวกเขาจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
กระทั่งบ่ายวันถัดมา ขณะเฒ่าหม่ากำลังเดินรอบห้องอย่างกังวลก็มีเสียงคนตะโกนขึ้น “ปล่อยพวกเขาออกมาและพาไปที่ห้องทำงาน!”
“รับทราบ!” ยามเฝ้าประตูตอบกลับทันที
สิบนาทีต่อมา ฉินอวี่ถูกพาเข้าไปในห้องทำงาน มีเพียงแมวเฒ่าและเฒ่าหม่าที่ถูกกันไว้ข้างนอก
หลินเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเงยหน้ามองฉินอวี่ก่อนผายมือ “นั่งสิ”
ฉินอวี่เดินไปนั่งตรงข้ามกับหลินเซียวตามคำเชื้อเชิญ
“แผลที่ต้นขาเป็นยังไงบ้าง?” หลินเซียวถาม
“ไม่เป็นอะไรมากครับ หมอนั่นจับมีดไม่แน่นแผลเลยไม่ลึก” ฉินอวี่ตอบกลับ
หลินเซียวพยักหน้าก่อนหยิบเงินจำนวนหนึ่งในลิ้นชักออกมาและโยนลงบนโต๊ะ “ถึงงานของฉันจะไม่ได้เงินมาก แต่นี่เป็นค่าจ้างล่วงหน้าสำหรับสามเดือน เอาไปสิ…น่าจะราวๆ หมื่นดอลลาร์”
ฉินอวี่ชะงัก “หมายความว่าไงครับ?”
“ฉันแค่อยากขอบคุณที่ช่วยน้องสาวฉันไว้ในซ่งเจียง” หลินเซียวตอบตามตรง “ในยุคนี้เงินมีค่ามากกว่าคำพูด ฉันไม่อยากอ้อมค้อม…เพราะสำหรับฉันการให้เงินก็ถือเป็นการขอบคุณเหมือนกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
ฉินอวี่นั่งมองหน้าหลินเซียวโดยไม่พูดหรือรับเงินที่เสนอมา
หลิงเซียววางถ้วยชาลงก่อนมองฉินอวี่อย่างพิจารณาและพูดขึ้น “อย่างที่บอกว่ามันเป็นค่าจ้างด้วย ฉันมีเรื่องอยากขอนาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…หวังว่านายจะอยู่ให้ห่างจากเล่ยเล่ยไว้ ส่วนเรื่องเหตุผลนายคงรู้อยู่แล้ว”
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนผลักเงินบนโต๊ะกลับ “ไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรอกครับ ผมเคยช่วยเหนียนเล่ยไว้ครั้งหนึ่งก็จริง แต่ที่ผ่านมาเธอก็ช่วยผมไว้มากเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่คุณขอผมเข้าใจดีครับ”
“งั้นก็ดี” หลินเซียวพยักหน้าตอบ
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วผมขอตัวก่อน”
“ฉันจะไม่ไปส่งแล้วกันนะ” หลินเซียวโบกมือให้
ฉินอวี่ลุกขึ้นแล้วออกจากห้องทำงานไป
แม้เมื่อวานพวกเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันโดยบังเอิญเพราะสถานการณ์บีบบังคับ แต่อันที่จริงหลินเซียวเองก็ไม่ได้คิดจะญาติดีกับพวกฉินอวี่สักเท่าไร
เพราะจากมุมมองของเขา ฉินอวี่เป็นคนอันตรายที่ไม่ควรข้องเกี่ยวด้วย อีกอย่างเป็นเพราะเมื่อวานนี้พวกฉินอวี่ปกปิดตัวตนจนน่าสงสัยว่าอาจหลอกใช้หลินเหนียนเล่ยอยู่
หลังออกจากห้อง ฉินอวี่หันไปมองป้ายบนประตูที่เขียนว่า ‘ห้องทำงานสารวัตร’ ก่อนพูดพึมพำว่า “ที่แท้ก็แค่ทหารทั่วไป!”
…
บนถนน
สิงจื่อห่าวฟื้นขึ้นมาพร้อมกับรอยฟกช้ำและคราบเลือดเต็มใบหน้า เขาพูดสาปส่งด้วยสภาพอันน่าอนาถว่า “ฉันจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้ขยี้พวกนรกนั่นให้จมดิน!”
หลังสิงจื่อห่าวโทรไปโวยวายอยู่หลายนาทีทำให้บริษัทหลงสิงต้องรีบระดมพลเพื่อจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น ปีเตอร์ผู้น่าสงสารต้องวิ่งระหกระเหินทั้งคืนเพื่อประสานงานแผนกต่างเพื่อช่วยเขา
…………………………………