Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 101
ตอนที่ 101 เหวินเทาผู้เฉื่อยชา
ความสนใจของหม่าเหลาเอ๋อพุ่งสูงขึ้นทันที “แน่ใจนะว่าเป็นเหวินเทา?”
“อืม ฉันเห็นว่ามีคนทักทายมัน” หลิวจื้อชูพูด “ให้ฉันทำยังไงต่อ? จับมันไว้ดีไหม?”
“อย่า…อยู่เฉยๆ ไปก่อน” หม่าเหลาเอ๋อสั่งอย่างรวดเร็ว “ดูคคาร์นิวัลไม่ใช่สถานที่ที่เราจะก้าวก่ายได้ ถ้าก่อเรื่องในนั้นเราอาจกลับออกมาไม่ครบสามสิบสองแน่ ฉันกำลังไปที่ทางเข้าเดี๋ยวนี้แหละ”
“โอเค” หลิวจื้อชูพยักหน้าพร้อมตอบ
หม่าเหลาเอ๋อโทรหาฉินอวี่ทันทีหลังจากวางสายแต่กลับโทรไม่ติด
…
บนถนนในเมือง
ฉินอวี่คุยโทรศัพท์พร้อมขมวดคิ้ว “ใช่ ตอนนี้เราออกจากค่ายทหารแล้ว ไม่ว่ายังไงฉันต้องขอบคุณเธอกับพี่ชายที่ช่วย”
“หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อคืน ฉันคงออกไปหานายไม่ได้แล้ว” หลินเหนียนเล่ยกล่าว “ดูแลตัวเองด้วย พี่ชายของฉันบอกว่าสิงจื่อห่าวคือลูกหลานของบริษัทยารายใหญ่ในเฟิงเป่ยและค่อนข้างมีอิทธิพลที่นี่”
“อืม” ฉินอวี่พยักหน้าพร้อมตอบ “ฉันมีเรื่องด่วนต้องทำแล้วจะเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลังนะ”
“ฉินอวี่”
“หืม?”
“คือ…เอ่อ พี่ชายของฉันพูดอะไรนายไม่ดีกับนายหรือเปล่า?” หลินเหนียนเล่ยพูดอย่างติดขัด
ฉินอวี่ผงะไปชั่วครู่ก่อนตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ “เปล่า ฉันแค่เข้าไปขอบคุณเขาแค่นั้นเอง”
“อ้อ ดีแล้ว…” หลินเหนียนเล่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายของฉันเป็นคนเซ่อซ่าที่ชอบพูดจาขวานผ่าซาก และชอบยุ่งเรื่องของฉันด้วย”
“ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงห่วงเธอมากนะ”
“เอาล่ะๆ นายไปทำธุระเถอะ ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
“แล้วเจอกัน”
ทั้งสองวางสาย หลินเหนียนเล่ยนั่งลงบนเตียงพลันรู้สึกถึงระยะห่างที่เกิดขึ้นระหว่างตน ฉินอวี่ และคนอื่นๆ เพราะพวกเขาสุภาพมากจนรู้สึกราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกัน
ริมถนน
แมวเฒ่ามองฉินอวี่พร้อมพูดว่า “จะเอาอย่างงี้จริงดิ สองพี่น้องทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงไม่เคยจบดีสักครั้ง”
“ใครทะเลาะกับนายเรื่องผู้หญิง?” ฉินอวี่เย้ยหยัน
“ลองส่องกระจกดูแล้วจะเห็นหน้านายอยู่ในนั้น เพียงแต่นายไม่ยอมรับมันเอง”
ฉินอวี่แตะผ้าพันแผลตรงต้นขาก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ลุงหม่าและคนอื่นๆ โทรมาหรือยัง?”
“โทรมาเมื่อกี้” แมวเฒ่าพูดพลางเหลือบมองนาฬิกา “พวกเขากำลังไปเอาอาวุธ”
“รอพวกเขากลับมาแล้วค่อยไปตามหาหม่าเหลาเอ๋อด้วยกัน” ฉินอวี่พูดพร้อมกวาดสายตามองถนนฝั่งตรงข้าม จากนั้นกวักมือเรียกแมวเฒ่าให้เดินตาม “ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
…
ในห้องพักพนักงานของดูคคาร์นิวัล
เหวินเทาเปิดล็อกเกอร์ส่วนตัวเพื่อหยิบกุญแจ เสื้อผ้า และเอกสารออกมาโยนลงบนโต๊ะพร้อมพูดว่า “ฉันเพิ่งซื้อเครื่องแบบเมื่อเดือนที่แล้ว ใครใส่ได้เอาไปเลย ส่วนนี่คือรายชื่อลูกค้าที่ฉันรวบรวมไว้ตลอดหลายปีมานี้ ฉันเอาให้แต่ถ้าโทรไปหาลูกค้า พวกนายต้องบอกว่าฉันเป็นคนแนะนำ”
“นายจะลาออกจริงเหรอ? มันกะทันหันเกินไป!” ชายที่ยืนอยู่ด้านซ้ายถาม “นายหาที่ดีกว่านี้ได้แล้วเหรอ?”
“เปล่า เพื่อนฉันจ้างให้ไปช่วยงานที่บริษัทน่ะ” เหวินเทาตอบ
“ขอบใจมาก! ของดีทั้งนั้นเลย” ชายหนุ่มอีกคนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาและรีบคัดลอกหมายเลขโทรศัพท์ลงในสมุดบันทึก”
“ไม่เป็นไร” เหวินเทาตอบด้วยรอยยิ้มพลางนั่งลงบนเตียง “ถึงฉันจะไม่อยู่แต่เรายังติดต่อกันได้ ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่นี่พวกนายดูแลฉันอย่างดี ถ้างั้นวันหลังเรามานัดรวมตัวกันเถอะ”
“เข้าท่า!”
“โอเค ครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนยื่นซองจดหมายสีขาวในมือให้เหวินเทาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ค่าจ้างสำหรับเดือนนี้”
“ขอบคุณมากครับผู้จัดการ!”
“ขอบคุณฉันทำไม? มันคือผลตอบแทนจากการทำงานหนักของนาย!” ผู้จัดการตอบพลางหัวเราะ “ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกก็ระวังตัวให้ดีล่ะ ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งฉันอาจต้องการความช่วยเหลือจากนายก็ได้”
“ฮ่าๆๆ คำพูดของผู้จัดการยังฟังรื่นหูเหมือนอย่างที่คิดไว้เลยนะครับ”
“เอาล่ะ ฉันจะกลับไปทำงานแล้ว ไว้เจอกัน!” ผู้จัดการพูดก่อนเดินออกจากห้อง
เหวินเทายืนขึ้นก่อนประสานหมัดพร้อมพูดอย่างติดตลกว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอตัวก่อน…เราอาจได้พบกันในโลกนักสู้สักวันหนึ่ง!”
“ไปดีมาดีล่ะ!”
“ฉันจะเดินไปส่งเอง”
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็เดินออกจากห้องพักและมุ่งหน้าไปยังล็อบบี้
หลิวจื้อชูที่ยืนอยู่ตรงมุมโต๊ะพนันหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบหูพลางพูดว่า “มันออกไปแล้ว”
ในขณะเดียวกันที่บ้านเหวินเทา
เสี่ยวฉู่นอนอยู่บนเตียงพลางเหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะๆ พร้อมพึมพำออกมา “ทำไมไปเอาของนานจังวะ?”
…
สิบนาทีต่อมา
เหวินเทาที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าของดูคคาร์นิวัลโบกมือลาเพื่อร่วมงานทุกคน ก่อนเดินไปหาเพื่อนที่รออยู่ในลานจอดรถทางซ้ายมือ
ขณะนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด ในที่สุดเหวินเทาและเพื่อนก็เดินมาหยุดอยู่ข้างรถ
ตอนนั้นเองเพื่อนร่วมงานของเหวินเทาที่บังเอิญเดินผ่านมากำลังจะตะโกนเรียกเขา แต่เงาของหม่าเหลาเอ๋อที่ถือมีดโผล่ออกมาเสียก่อน
หม่าเหลาเอ๋อเดินไปทางเหวินเทาพร้อมตะโกนเสียงดัง “เหวินเทา!”
เหวินเทาหันกลับมาทันที ทำให้หม่าเหลาเอ๋อมั่นใจว่านี่คือเป้าหมายของเขา
หม่าเหลาเอ๋อดึงตัวของเหวินเทาพลางจ้วงแทงโดยไม่ลังเล
“มึงจะทำอะไรวะ!” เพื่อนของเหวินเทาตะโกนด้วยความโกรธจัด
ทันใดนั้นหลิวจื้อชูและเสี่ยวหลิวกระโจนออกไปกดหัวเพื่อนของเหวินเทาลงกับพื้นพร้อมเอาปืนจี้เอว ก่อนที่หลิวจื้อชูจะกระซิบว่า “ลองแหกปากสิ แกได้ไปนอนคุยกับยมบาลแน่”
“ก้มหัวแล้วขึ้นรถ” หม่าเหลาเอ๋อสั่งเหวินเทา
เหวินเทาที่ไม่ทันตั้งตัวมองไปรอบๆ และบังเอิญเห็นเพื่อนที่กำลังจะตะโกนเรียกเขาเมื่อครู่
“เสี่ยวลู่!” เหวินเทาตะโกน
เมื่อเพื่อนร่วมงานเห็นกลุ่มคนที่จับเหวินเทามีทั้งปืนและมีด เขาจึงก้าวถอยหลังก่อนวิ่งหนี
“เชี่ย! มันหนีไปแล้ว!” เสี่ยวหลิวถ่มน้ำลายก่อนวิ่งไล่ตามเสี่ยวลู่
“อย่าตาม! กลับมา!” หม่าเหลาเอ๋อตะโกน “ถ้ามันเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ ดูคคาร์นิวัลจะส่งคนมาที่นี่ หนีก่อนเถอะ!”
แม้หม่าเหลาเอ๋อไม่สั่งให้หยุด แต่เสี่ยวหลิวก็ไม่คิดจะวิ่งตามอยู่ดีเพราะเสี่ยวลู่อยู่ห่างจากเขามากกว่าสิบเมตร อีกทั้งยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมจึงไม่มีทางตามทัน อ่านนิยาย novelza.com
“ขึ้นรถเร็ว!” หม่าเหลาเอ๋อพูดขณะยัดเหวินเทาเข้าไปในรถ
เสี่ยวหลิววิ่งกลับมาขึ้นรถฝั่งผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หม่าเหลาเอ๋อกวาดสายตามองทุกคนบนรถพร้อมตะโกนว่า “ของใคร?!”
แขนซ้ายของเหวินเทาถูกหลิวจื้อชูจับไว้แน่น ดังนั้นเขาจึงใช้มือขวาที่ยังไม่ถูกพันธนาการกดวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“โทรศัพท์ของมัน!” หลิวจื้อชูตะโกนตอบ
“โยนทิ้งซะ!” หม่าเหลาเอ๋อพูดอย่างกังวล
…
บ้านของเหวินเทา
เสี่ยวฉู่ที่นั่งอยู่บนเตียงถือโทรศัพท์ไว้ในมือก่อนพึมพำออกมา “ทำไมถึงตัดสาย? หมายความว่ายังไง?”
………………………………….