Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 112 ความขัดแย้งภายใน
ตอนที่ 112 ความขัดแย้งภายใน
ผู้กํากับหลีสั่งย้ายฉินอวี่ไปเพิ่งเป่ย แต่ตําแหน่งและเงินเดือนของเขาไม่สูงนัก ซึ่งส่วนใหญ่จะได้อยู่ในค่ายทหารและ ไม่มีโอกาสปะทะกับอันธพาลด้านนอก สิ่งนี้จะทําให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือสูง
ที่พักร้างของทหารละแวกชานเมืองถูกจัดเป็นสนามฝึก คนที่สัญจรไปมาจะสังเกตเห็นป้าย “เขตหวงห้าม” อย่างชัดเจน ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษและจีนกลาง
ทหารในชุดลําลองพาทั้งหมดเดินเข้าไปในตึกโทรมก่อนออกคําสั่ง “ห้ามจุดไฟและส่งเสียงดังเด็ดขาด แล้วก็ห้ามออกไปไหนด้วยเข้าใจไหม?”
“อืม” ฉินอวี่พยักหน้ารับ
“ถ้าใครเห็นก็แค่บอกว่าที่นี่ไม่มีใครเลยเข้ามาหลบแล้วกัน” ทหารพูดต่อ “อย่าพูดอะไรมากกว่านี้เพราะคนที่ซวย ไม่ใช่แค่นาย!”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่สร้างความเดือดร้อนแน่”
“ขอฉันดูอาการบาดเจ็บของเพื่อนนายหน่อย เมื่อผู้หมวดฝากยามาให้นะ”
“ขอบใจมาก”
หลังจากบอกกฏพื้นฐานของที่นี่แล้ว เขาหยิบยาออกมา พร้อมกับพาฉินอวี่และคนอื่นเข้าไปข้างใน ทันทีที่มาถึง เขาเริ่มออกคําสั่งอย่างรวดเร็ว “ช่วยวางผ้าปราศจากเชื้อ นี้ที ใครที่ทําเป็นให้อยู่ช่วยฉันก่อน แต่คนที่ไม่เกี่ยวออกไปรอข้างนอก”
“เดี๋ยวฉันช่วยเอง ฉันพอคุ้นเคยกับการทําแผลมาบ้าง” ฉินอวี่พูดขณะถอดเสื้อคลุมออก
ในขณะที่เฒ่าหม่าและคนอื่นมองหน้ากันก่อนพากันออกไปอย่างเงียบๆ
….
สองชั่วโมงต่อมา
ทหารล้างมือด้วยน้ําสะอาดที่นามาเองก่อนบอกฉินอวี่ว่า “ฉันไปก่อนนะ”
“แล้วเรื่องอาหารการกินล่ะ?” ฉินอวี่ถาม
“แค่สองวันคงไม่อดตายกันหรอกมั้ง” ทหารตอบพลางหัวเราะ “ทนหน่อยนะ”
ฉินอวี่พยักหน้ารับก่อนนําเงินสดทั้งหมดที่รวบรวมจากทุกคนให้ทหารพร้อมบอกว่า “ขอบใจ มากที่ช่วยเหลือ”
ทหารรับเงินมาใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างเต็มใจ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ก่อนจะไป พวกนายต้องทําทุกอย่างให้เหมือนเดิมอย่าทิ้งร่องรอยไว้ล่ะ”
“ได้”
“เอาล่ะ ฉันจะไปแล้ว” เขาทิ้งชุดยาไว้ที่พื้นก่อนออกไป “ฉันจะออกไปเอง นายอยู่นี่แหละ”
ฉินอวี่ยืนมองจนทหารออกไป
หยงตงนั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟาในห้องที่บริษัทเภสัชกรรมหลงสิงเตรียมไว้ โดยไม่พูดอะไรสักคํา
ผู้บริหารกับพี่น้องที่สนิทสนมกับเขานั่งอยู่ด้านข้างแปดคน ทุกคนเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“หยงตง เฒ่าหยวนยอมรับขอเสนอที่จะแลกนายกับสิ่งจื่อห่าวแล้วเหรอ?” ชายวัยกลางคนเปิดประเด็นถามท่ามกลางความเงียบ
หยงตงพยักหน้าพร้อมตอบ “อืม”
“เวรเอ๊ย!” ชายวัยกลางคนสบถด่า “แล้วไอ้หัวโล้นกับ เสี่ยวจิวมันว่าไงบ้าง?”
หยงตงตอบ “เฮอะ! สองคนนั้นเหรอ? นายคิดว่าพวกนั้นจะพูดอะไรได้ล่ะ?”
ชายวัยกลางคนเงียบไป
“หมอนั่นโทรมาหาฉันก่อนแล้ว” หยงตงพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาบอกว่าหยวนหัวลําบากใจมากที่ต้องตัดสินใจเรื่องนี้ และเขากําลังร้องไห้อยู่ในห้องเขาไม่มีทางเลือกนอกจาก ต้องทําตามเงื่อนไข แถมยังบอกว่าถ้าเขาเป็นฉันก็จะทําเพราะเชื่อว่าทุกคนจะดูแลความปลอดภัยของเขาได้”
“เหลวไหล!” ชายวัยกลางคนโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง “เป็น ใครก็พูดได้! ถ้าถึงคิวเจ้านั่นจริงๆ ก็ไม่กล้าทําหรอก!”
หยงตงกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนพูด “ทุกคนในห้องนี้ห่วงใยฉันจริงๆ ส่วนคนอื่นที่ให้ฉันไปทําแล้วอ้างว่าเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของทุกคนหรือแท้จริงแล้วแค่หวังให้ฉันตายเพื่อจะได้ส่วนแบ่งของฉันกันแน่”
ทั้งห้องเงียบอีกครั้ง
ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มที่นั่งด้านซ้ายก็พูดขึ้นว่า “ถ้ามันเป็นแบบนี้ทําไมพี่ไม่หนีไปเลยล่ะ?”
หยงตงสูบบุหรี่และหันไปมองเด็กหนุ่มอย่างเงียบๆ
” จริงสิ แล้วทําไมนายไม่หนีไป?” ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่พอใจคล้ายกับเดือดร้อนแทนหยงตง
“ลืมทุกอย่างที่นายทําเพื่อเฒ่าหยวนซะ ถ้าไม่ใช่เพราะนายเป็นคนเสนอแผนยาปลอมเพื่อล้มล้างตระกูลหม่า สักครึ่งปีตลาดทั้งหมดก็คงตกอยู่ในกํามือของพวกมัน พอถึง ตอนนั้นเฒ่าหยวนจะไม่สามารถจ่ายหนี้ได้แล้วก็ล้มละลายไปเอง! นอกจากนี้คนที่ต้องไปจัดการเสี่ยวลู่ไม่ใช่นาย ทั้งหมดมันเป็นงานของอันธพาล แต่สุดท้ายเขากลับโยนงานนี้มาให้นาย นี่ฉันยังไม่พูดถึงเรื่องที่เขาเอาไอ้โง่สิ่งจื่อห่าวที่ไร้ความสามารถนั้นมาลากนายลงนรกอีก พอจบเรื่องเขาขอร้องให้นายรับผิดชอบและยอมตายเพื่อเขางั้นเหรอ? มันคือสิ่งที่มนุษย์ควรทําใช่ไหม!?”
หยงตงไม่ตอบอะไร
“ตอนนี้เราไม่ได้ติดหนี้เฒ่าหยวนแล้ว!” ชายวัยกลางคนตะคอกอย่างโกรธจัด “แม้แต่พ่อแม่ยังไม่มีสิทธิ์สั่งให้ลูกไปตาย แต่นี่คืออะไร! เป็นเจ้านายแต่ไม่สนใจชะตากรรมของลูกน้องงั้นเหรอ? ปากพร่ําบอกถึงมิตรภาพและความภักดี แต่พอเกิดเรื่องบ้าบอนี้เขากลับเลือกที่จะทรยศต่อพี่น้องในบริษัท มันคุ้มแล้วงั้นเหรอที่จะยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนแบบนี้?”
“หึ! ฉันไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะพูดแบบนี้” หยงตงพูด
“เราจะช่วยนายออกจากเฟิงเปยคืนนี้” ชายหนุ่มตรงข้ามหยงตงพูดขึ้น “ฉันพอมีคนจากซ่งเจียงบ้าง พวกเขาจะพานายออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”
หยงตงดับบุหรี่ก่อนลุกขึ้นยืนและพูด “ไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยเหรอ? ยังไงล่ะ? ดูข้างล่างนั้นสิมีแต่พวกของบริษัทหลงสิงเต็มไปหมด”
“เราจะจัดการพวกนั้นเอง” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วย ท่าที่ไม่เกรงกลัว “และถ้าเฒ่าหยวนมาขวาง ฉันจะยิงเขา!”
หยงตงถอนหายใจยาวมองทุกคนที่อยู่ในห้อง รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าก่อนพูด “ทั้งหมดเป็นปัญหาของฉัน แล้วฉันก็จะไม่ให้ใครมายุ่งเด็ดขาด!”
“หยงตง…” ชายวัยกลางคนยังคงมีอีกหลายอย่างจะพูด
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” หยงตงโบกมืออย่างไม่ใส่ ใจก่อนจะพูดต่อ “ถ้าอยากช่วย งั้นพาเหวินเหวินไปอยู่ที่อื่นแล้วกัน แค่นั้นฉันพอใจแล้ว”
“นายจะไปจริงเหรอ?” ชายวัยกลางคนยืนขึ้นถามด้วยตาเบิกกว้าง เขาจ้องหยงตงพร้อมตะโกน “ที่หยวนหัว กับพวกเจ้าหัวโล้นบอกว่าจะปกป้องนายมันไร้สาระสิ้นดี! สิงจื่อห่าวอยู่ในมือของพวกนั้นถูกใช้เป็นตัวล่อ ถ้าเฒ่าหม่าอยากจะฆ่านายจริงๆ นายไม่มีทางรอดหรอก!”
หยงตงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เข้ามาในใจ เขามองไปที่ชาย วัยกลางคนก่อนจะพูด “ฉันเข้าใจสิ่งที่นายพูด แต่ไม่จําเป็นที่พวกนายต้องเข้ามายุ่งหรอก แค่ช่วยพาเหวินเหวิน ออกไปและรับรองความปลอดภัยของเธอด้วย ฉันยังยืนยันคําเดิม”
ในตึกสนามฝึกทหาร
ฉินอวี่กําลังเล่นโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเขาอยู่ จู่ๆหม่าเหลาเอ๋อเริ่มได้สติและพูดด้วยเสียงแหบ “น้ำ…ขอน้ำหน่อย”
ฉินอวี่ลุกขึ้นไปเปิดประตูและตะโกนทันที “เฮ้ย เอาน้ำ มา! เหลาเอ๋อตื่นแล้ว!”
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
หยงตงยืนโทรศัพท์อยู่ข้างหน้าต่าง
“โย่! ว่าไงหยงตง?”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่มีคนพยายามจะฆ่าฉัน”
………………………….