Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 128 จากไปโดยไม่ทันร่ำลา
ตอนที่ 128 จากไปโดยไม่ทันร่ำลา
สิบโมงเช้า
หยวนเค่อนั่งรถออกจากเฟิงเปย เขาเร่งเร้าคนขับอย่างร้อนรน “ขอร้อง ขับให้ไวกว่านี้หน่อย!”
…..
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เฒ่าหม่าถูกหมอทหารผลักเข้าไปในห้องผู้ป่วยโล่งขณะที่ กวนฉีกําลังเข้ารับการรักษาอยู่
บริเวณล็อบบี้ ประธานสิงเดินเข้ามาพร้อมโบกมือทักทาย ผู้คนโดยรอบ “ขอรบกวนด้วยนะครับ”
ทหารคนหนึ่งเดินเข้าไปจับมือทักทายกับประธานสิ่งก่อน ผายมือไปทางลิฟต์ “หยวนหัวอยู่ชั้นสามครับ”
“ผมจะไปเยี่ยมลุงคนนั้นก่อน”
“อ้อ เขาอยู่ชั้นสี่ครับ!”
“เขาตื่นหรือยัง? พอจะพูดอะไรได้ไหม?” ประธานสิงถาม
“เขาไม่ได้โดนยิงตรงจุดสําคัญ เพราะงั้นพูดได้ไม่มีปัญหาครับ” นายทหารตอบกลับ
“ ขอบคุณที่เป็นธุระให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ทําตามคําสั่ง” นายทหารตอบกลับ ก่อนนําประธานสิงขึ้นลิฟต์
ไม่นานประธานสิ่งก็มาถึงหน้าห้องผู้ป่วยโล่งๆ พร้อมกับลูกชายคนที่สองและปีเตอร์ ทั้งสามเข้าไปในห้องโดยคนที่เหลือรออยู่ด้านนอก
ภายในห้อง เฒ่าหม่านอนหน้าซีดอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ประธานสิงถอดถุงมือหนังก่อนตบบ่าเฒ่าหม่า “เฮ้ แก่ขนาดนี้แล้วกระดูกยังแข็งใช่ย่อย”
“แต่ก็คงแข็งไม่เท่าแกหรอกไอ้นายทุนหน้าเลือด” เฒ่า หม่าตอบพลางถอนหายใจ
ประธานสิ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างเตียงพลางมองหน้าเฒ่าหม่าก่อนพูดขึ้น “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
“อยากคุยเรื่องอะไร?”
“อย่ามาทําไขสือ ลูกชายฉันอยู่ไหน?” ประธานสิงถาม
เฒ่าหม่ามองหน้าประธานสิ่งก่อนยิ้มมุมปาก “ตอบคําถามฉันก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องนั้น”
ประธานสิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอบ “เออ จะถามอะไรก็ถาม”
“ทําไมแกถึงขายยาแพงทั้งที่ต้นทุนเท่ากับฉัน?” เฒ่าหม่า เปิดประเด็น
“ใครบอกว่ายาฉันต้นทุนเท่าแก” ประธานสิงตอบกลับ “แกแค่หาเงินเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ในขณะที่ฉันหาเงินมาทําธุรกิจกับพวกชนชั้นสูง มูลค่าของต้นทุนจะไปเทียบกันได้ยังไง?”
เฒ่าหม่าครุ่นคิดก่อนพยักหน้ารับ “อืม ก็จริงอย่างที่แกว่า”
“จะถามอะไรอีกไหม?”
“แกหาเงินเพื่อทําธุรกิจกับพวกชนชั้นสูง แล้วคนที่อยู่ต่ำกว่าไม่จําเป็นต้องกินต้องใช้รีไง? ฉันต้องขายยาถูกเพื่อให้อยู่รอดทั้งที่สินค้ามีสต็อกไม่มาก พวกฉันแค่ทํางานไม่เคยคิดแข่งขันธุรกิจกับใครแล้วแกยังต้องการอะไรอีก? ไม่คิดให้คนรากหญ้าอย่างพวกฉันหายใจบ้างเลยรึไง?” เฒ่าหม่าเงยหน้าก่อนถามต่อ “ทําไมถึงต้องไล่บี้พวกฉันขนาดนี้ด้วย?”
ประธานสิงถอนหายใจอย่างรําคาญ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ไล่บี้พวกแกเพราะยาจํานวนเท่าขี้หนูนั่นหรอก แต่การที่พวกแกขายมันในราคาถูกทําให้บริษัทฉันเสียชื่อ ซึ่งฉันรับไม่ได้!”
“แกหากินกับคนรากหญ้าแต่ขายยาแพงหูฉี ขูดรีดพวกเขาเพื่อเอาใจไอ้พวกโกงกินบ้านเมืองแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาพูดเรื่องชื่อเสียงอีกนั้นเหรอ?”
“ก็มันช่วยไม่ได้ สําหรับนักธุรกิจอย่างพวกฉัน…จะเงินดีหรือเงินสกปรกมันก็คือเงิน” ประธานสิงตอบอย่างเย็นชา “สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับฉันคือการรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ซึ่งสิ่งที่แกทําอยู่มันส่งผลต่อเรื่องนั้น ในเมื่อเจรจากันไม่ได้ก็มีอยู่ทางเดียวคือต้องปะทะกันแล้วหาผู้ชนะ”
“แค่โดนจับตัวมาก็คิดว่าฉันต่อรองไม่ได้แล้วรึไง?” เฒ่าหม่าถาม
ประธานสิงหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดขึ้น “ฉันไม่จําเป็นต้องเจรจาอะไรอีกแล้ว แค่โทรหาครอบครัวแกกรั้งเดียวว่าแกอยู่กับฉันรับรองพวกมันต้องส่งลูกชายฉันคืนแน่นอน”
“ฮ่าๆๆ!” เฒ่าหม่าระเบิดเสียงหัวเราะ
ประธานสิงมองหน้าชายชราก่อนขมวดคิ้วถาม “รู้รึเปล่าว่าทําไมสุดท้ายแล้วแกถึงแพ้?”
เฒ่าหม่าไม่ตอบ
“เพราะแกตามโลกไม่ทันไง ฉันเป็นนักธุรกิจถึงได้รู้ว่ายุคนี้ต้องทําอะไรเพื่อให้อยู่รอด” ประธานสิ่งตอบขณะเดินรอบห้อง “แค่มีลูกน้องกับปืนไม่กี่กระบอกแล้วมีลูกค้า เป็นพวกขอทานมาประจบซื้อยาราคาถูก…แกก็ทึกทักเอาเองว่านั่นคือธุรกิจ อย่าได้ใจไปหน่อยเลย!”
“แกเองก็กําลังได้ใจเหมือนกันนั่นแหละ” เฒ่าหม่าตอบอย่างไม่แยแส
…..
บริเวณชั้นล่างของโรงพยาบาล
หยวนเค่อวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปถามแผนกประชาสัมพันธ์ “หยวนหัวอยู่ห้องไหน?!”
“อยู่ชั้นสามค่ะ” พนักงานเงยหน้าตอบ
หยวนเค่อไม่รีรอตรงดิ่งไปที่บันไดทันที
ไม่นานเขาก็ขึ้นมาถึงชั้นสาม ตรงโถงทางเดินเขาตะโกนด้วยสีหน้าซีดเซียว “พี่หัวโล้น!”
“ทางนี้!” ชายหัวโล้นชะโงกหน้าพร้อมกวักมือเรียกหยวนเค่อ
หยวนเค่อพยายามสูดอากาศเข้าปอดขณะถาม “พี่หัวยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเหรอ?”
“ใช่ นายรีบเข้าไปข้างในเถอะ!” ชายหัวโล้นลากหยวนเค่อไปยังประตูห้องฉุกเฉิน
หยวนเค่อกําหมัดแน่นก่อนเดินเข้าไปและเห็นเตียงผู้ป่วยที่อยู่กลางห้อง
“คุณคือ…” หัวหน้าศัลยแพทย์ถาม
“ผมเป็นน้องชายเขา”
“มาสักที…” หัวหน้าศัลยแพทย์ถอดหน้ากากพร้อมเดินเข้ามาอธิบายอาการคร่าวๆ “ทางเราพยายามยื่อกันสุดความสามารถแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินหยวนเค่อรู้สึกราวกับโลกทั้งใบกําลังโคลงเคลง
หยวนหัวนอนอยู่หันหน้ามองน้องชายของตน
หยวนเค่อมองหยวนหัวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรทํายังไง
หยวนหัวพยายามยกแขนอ่อนแรงขึ้นพลางพูดพึมพําว่า “อาเค่อฉันผิดเอง นายเคยบอกแล้วแท้ๆ”
หยวนเค่อรีบเข้าไปหาพี่ชายทั้งตาน้ำตา
“ช่วยดูแลบริษัทของเราให้ดี ดูแลพวกลูกน้องของฉันด้วย จากนี้ไป…นายคือผู้นําตระกูลหยวน” หยวนหัวค่อยๆ หลับตาพลางทิ้งแขนยาวอ่อนแรงลงข้างตัวก่อนพูดเบาๆ ว่า “ฉันคงต้องไปหาพ่อกับแม่สักที”
“ติ๊ด…”
เสียงเครื่องวัดชีพจรดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอที่แสดงอัตราการเต้นเป็นเส้นตรง
“พี่!”
หยวนเค่อทรุดตัวลงข้างเตียงพลางร้องไห้คร่ำครวญจนตัวสั่น ความรู้สึกอาลัยถูกปลดเปลื้องออกมาในคราวเดียว
……
ในห้องคนไข้ชั้นสี่
ประธานสิงจ้องหน้าเฒ่าหม่าพลางขมวดคิ้วถาม “จะคายทุกอย่างออกมาเองหรือต้องให้ฉันโทรหาครอบครัวแก่ก่อน?”
“มั่นใจจังเลยนะท่านประธาน
“เพราะแกต้องปริปากอยู่แล้วฉันถึงได้มั่นใจ”
“ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฒ่าหม่าหัวเราะก่อนพูดต่อ “แต่มีอย่างหนึ่งที่แกคิดไม่ถึงแน่ๆ”
ประธานสิงหมดความอดทนเมื่อเห็นเฒ่าหม่าพูดจาอ้อมค้อม เขาจึงเดินไปที่ประตูก่อนหันมาพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “ไอ้แก่หม่า…ถ้าคิดจะทดสอบความอดทนฉันละก็ฝันไปเถอะ แกหมดสิทธิ์พูดแล้ว”
“เฮ้ยไอ้อ้วนสิง บอกตรงๆ ฉันคงคืนลูกชายให้แกไม่ได้ แต่ถ้าแกอยากเจอมันนักจะบอกให้เอาบุญก็ได้ว่ามันโดนฝังไว้ที่ไหน!” เฒ่าหม่าพูดอย่างไม่สะทกสะท้านขณะนอนอยู่บนเตียง
ประธานสิงชะงักก่อนหันไปมองเฒ่าหม่า รอยยิ้มเหี้ยมโหดปรากฏขึ้นบนหน้าขณะเอ่ยถาม “แกคิดจะเล่นเกมกับฉันเหรอ?”
“ลูกแกตายแล้ว วันนั้นที่จัตุรัสรําลึกฉันเป็นคนฆ่ามันเองกับมือ ไปหาพยานเอาก็ได้…พวกฉันมัดพวกมันไว้ที่สนามฝึกทหาร” เฒ่าหม่าพูดพลางจ้องหน้าประธานสิง “ที่จริงลูกแกมันก็สวะพอๆ กับฉัน ถ้าจะต้องตายเพราะฆ่ามันฉันก็ไม่เสียดาย!”
ประธานสิงหน้าซีดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ท่าที่เคร่งขรึมก่อนหน้าหายไปอย่างสิ้นเชิง
“นี่แหละคือการล้างแค้นมันคือผลของการที่แกใช้คนเป็นหมากเดินเกม!” เฒ่าหม่าตะคอกสุดเสียง