Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 152 คําอ้อนวอนของผู้หมวดหลิว
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 152 คําอ้อนวอนของผู้หมวดหลิว
บริเวณบันได
หลิวเป่าเฉินจ้องหน้าฉินอวี่ด้วยความโมโห “คอยดูเถอะ! วันไหนที่เฒ่าหลี่หลอกใช้แกเสร็จแล้ว วันนั้นแหละแกกับฉันได้เห็นดีกันแน่!”
“ฉันว่านายเอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าจะอธิบายเรื่องนั้นกับสํานักงานตํารวจยังไง” ฉินอวี๋พูดขณะชี้หน้าหลิวเป่าเฉิน “ฟังให้ดี ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรมาก แต่ถ้านายคิดเล่นงานฉันละก็…ฉันจะทุ่มสุดตัวเพื่อจัดการกับนาย เพราะงั้นคิดให้ดีก่อนจะมายุ่งกับฉัน”
หลังพูดจบ ฉินอวี่ผลักหลิวเป่าเฉินก่อนจัดระเบียบเสื้อผ้าและเดินหนีไป
หลิวเป่าเฉินลุกขึ้นยืนและมองตามหลังฉินอวี่ด้วยความโกรธแค้นพลางกัดฟันสบถ “แล้วแกจะต้องเสียใจ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ในห้องสอบสวนของกองบังคับการตํารวจภายใน
หลิวเป่าเฉินพยายามอธิบายแก้ต่างให้ตัวเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ “อย่างที่ผมบอก ตาเฒ่าจางเป็นแค่นักเลงข้างถนน พวกคุณจะเชื่อรายงานที่มาจากคนแบบนั้นเหรอ? คนที่ทําร้ายได้แม้กระทั่งเด็กและผู้หญิงเนี่ยนะ!”
สารวัตรตํารวจวัยกลางคนสวมชุดสีน้ำเงินเข้มพูดขึ้น “ผู้บังคับหมวดหลิว ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณมั่นใจใช่ไหมว่าไม่ได้รับเงินสินบนหนึ่งหมื่นดอลลาร์มาจากเฒ่าจาง?”
“ผมไม่ได้รับ!” หลิวเป่าเฉินตอบกลับหน้าซีด
สารวัตรตํารวจผายมือไปยังเจ้าหน้าที่อีกคน “เปิดวิดีโอให้เขาดู”
“ครับ”
ชวเลขหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์และทําการต่อสายเครื่องมือเพื่อเล่นวิดีโอ
ในภาพเคลื่อนไหวเฒ่าจางกําลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้และพยายามยัดเงินใส่กระเป๋าหลิวเป่าเฉิน โดยที่มีรอยยิ้มปรากฏบนหน้าของเขาราวกับดีใจ
เมื่อได้เห็นหลักฐานชัดเจน หลินเป่าเฉินถึงกับพูดไม่ออก
“เอาล่ะ คุณจะอธิบายวิดีโอนี้ว่ายังไง?” สารวัตรตํารวจถามต่อ
หลิวเป่าเฉินรีบตั้งสติและสวนกลับด้วยความเกรี้ยวกราด “ผมถูกใส่ร้าย! ถ้าตาเฒ่านั่นจะติดสินบนผมจริงๆ จะแอบตั้งกล้องไว้ทําไม? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการใส่ร้าย!”
“จะถูกใส่ร้ายหรือเปล่านั่นมันคนละเรื่องกับที่คุณรับเงินมา” สารวัตรตํารวจพูด “อีกอย่างจางต้งที่เป็นคนแจ้งความอธิบายว่าสาเหตุที่ติดกล้องนี้ไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานเผื่อคุณรับเงินแล้วไม่ทําตามคําขอ และอย่างที่คาด…คุณไม่ได้ทําตามข้อตกลงเขาจึงแจ้งความมา”
“เหลวไหลทั้งเพ!” หลิวเป่าเฉินโกรธจนตัวสั่น “ไอ้แก่นั่นยัดเงินให้ผมโดยที่ไม่ได้ขอให้ทําอะไร! แค่บอกให้ผมช่วยดูแลเพื่อ…”
ไม่ทันพูดจบ สารวัตรตํารวจก็ทุบโต๊ะก่อนตะคอก “ระวังปากด้วย! คิดว่านายกําลังขึ้นเสียงกับใครอยู่!”
“ผะ..ผมแค่แค่ขึ้นเสียงใส่ตัวเอง” หลิวเป่าเฉินกําหมัดแน่นพลางระวังคําพูดตัวเอง
หลิวเป่าเฉินรู้สึกกระวนกระวายใจหลังถูกกล่าวหาว่ารับสินบนซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงสําหรับเจ้าหน้าที่ตํารวจ ต่อให้เขาจะไม่ได้รับเงินนั้นมาจริง แต่ข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วสํานักงานแล้ว และอาจส่งผลกระทบต่อการเลื่อนตําแหน่งในอนาคต ทว่าอันที่จริงแล้วหลิวเป่าเฉินไม่ได้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด…เขารับเงินติดสินบน ตอนนี้ถ้ามีคนคิดเล่นงานให้เขาหลุดจากตําแหน่งก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
หลิวเป่าเฉินรู้สึกกลัว เขาไม่เหมือนกับเหวินหยงกัง จุดยืนและอิทธิพลของเขาทั้งในสํานักงานตํารวจและในย่านถนนไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกไล่ออก เงินที่ได้จากตระกูลหยวนก็คงถูกริบไปด้วย แล้วเขาจะเลี้ยงดูครอบครัวได้ยังไง?
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
หลังการสอบสวนของกองบังคับการภายในสิ้นสุด หลิวเป่าเฉินรีบรุดไปยังหาเหวินหยงกังที่สํานักงานตํารวจทันที
เหวินหยงกังที่กําลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทํางานพูดกับปลายสายว่า “มีคนมาหาฉัน แค่นี้ก่อนนะไว้จะโทรกลับ อืม… โอเค”
หลังวางสาย เหวินหยงกังเงยหน้ามองหลิวเป่าเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่เข้าใจ ไอ้ฉินอวี่กลับมาได้แค่ไม่กี่วัน นายปล่อยให้มันเล่นงานได้ยังไง?”
“ไอ้ฉินอวี่มันเล่นสกปรก มันแอบไปคุยกับเฒ่าจางเป็นการส่วนตัว!” หลิวเป่าเฉินขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด “ส่วนไอ้เฒ่าจางนั่นก็ตอแหลเก่งจนผมตกหลุมพราง คุณน่าจะได้เห็นตอนที่มันขอร้องให้ผมช่วยดูแล…”
“ทั้งหมดมันเพราะนายโลภมาก!” เหวินหยงกังกอดอกพูด “ปล่อยให้เงินแค่หมื่นดอลลาร์บังตา นายเป็นเด็กรึไง?”
หลิวเป่าเฉินเริ่มรู้สึกถึงความไม่พอใจของเหวินหยงกังจึงสงวนท่าที่ “ผมผิดเองที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อน”
“ฉันเพิ่งเข้ามายังไม่ทันได้สร้างจุดยืนนายก็หาเรื่องให้ฉันแล้ว!” เหวินหยงกังโมโห “รอตัดสินลงโทษไปแล้วกัน!”
“รองผู้กํากับเหวิน คุณจะปล่อยให้กองบังคับการจัดการเรื่องนี้ไม่ได้นะ! ถ้าไอ้ฉินอวี่มันใช้เส้นสายอีกผมก็โดนเด้งออกจากงานน่ะสิ แล้วถ้าผมไปจะมีใครในหน่วยสี่ทํางานให้คุณอีก!” หลิวเป่าเฉินพยายามอ้อนวอน “ขอร้อง…ช่วยผมเถอะ คุณก็รู้ว่าครอบครัวต้องพึ่งผม ถ้าไม่มีงานทําแล้วผมจะทํายังไง…”
“หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ฉันจะช่วยอะไรได้?” เหวินหยงกังพูดด้วยความหงุดหงิด “ฉันไม่โง่เหมือนนายหรอก ขืนพยายามช่วยจนออกนอกหน้า พวกกองบังคับการคงหาว่าฉันมีเอี่ยวกับเงินหมื่นนั้นแน่นอน”
“รองผู้กํากับเหวิน ช่วยผมเถอะนะ.. รับรองว่าครั้งต่อไปผมจะไม่ทําพลาดอีก” หลิวเป่าเฉินละทิ้งศักดิ์ศรียอมก้มหัวขอร้องทั้งน้ำตา
เหวินหยงกังเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ “เตรียมเสียประวัติได้เลย แล้วก็เลิกหวังเรื่องเลื่อนขั้นด้วย”
“ทําแบบนั้นไม่ได้นะครับรองผู้กํากับ! ถ้าผมโดนขึ้นประวัติ อนาคตผมดับแน่!”
เหวินหยงกังยกชาขึ้นจิบก่อนถอนหายใจพร้อมพูด “คืนนี้ฉันมีนัดประชุม เตรียมของขวัญมาด้วยแล้วกัน”
“ครับ ผมจะทําตามที่บอก!” หลิวเป่าเฉินพยักหน้ารับทันที “แล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน…ผลจะเป็นยังไงครับ?”
“ถึงยังไงนายก็ต้องโดนโทษอยู่ดี แต่ฉันจะพยายามทําให้เสียแค่ค่าปรับ”
หลิวเป่าเฉินกัดฟันก่อนพูดขึ้น “ไอ้ฉินอวี่ต้องชดใช้!”
“เลิกคิดเรื่องนั้นไปก่อน ไม่รู้รึไงว่าตอนนี้ควรทําตัวยังไง?” เหวินหยงกังพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “มีเวลาก็หัดอ่านหนังสือซะบ้างนะ เผื่อจะฉลาดขึ้น!”
ในห้องทํางาน
ฉินอวี่คุยโทรศัพท์ “ขอบใจนะ ไว้หลิวจื้อชูกลับมาฉันจะพาไปเลี้ยงเบียร์”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เราจัดการเรื่องเฒ่าจางแล้ว ตอนนี้เขากับเพื่อนลี้ภัยไปอยู่เฟิงเปยเรียบร้อย ด้วยเงินก้อนที่มีอยู่คงช่วยให้อยู่ได้โดยไม่ต้องกลับมาซ่งเจียงสักพัก” พรรคพวกของหลิวจื้อชูพูดผ่านโทรศัพท์ “อีกอย่างไอ้หลิวเป่าเฉินคงดิ้นไม่หลุดแน่ ต่อให้ฆ่าเฒ่าจางก็ไม่เปลี่ยนผลกรรมที่มันต้องรับ!”
“เยี่ยม ฉันเชื่อใจนายว่าเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่มีปัญหา ฉันคงต้องวางสายก่อน ไว้เจอกันคราวหน้านะ ”
“อืม”
ฉินอวี่ไปหาหู้เหว่ยที่ห้องทํางานหลังวางสายตั้งใจว่าจะชวนไปหาอะไรกิน ก่อนจะพบว่าเจ้าตัวยังคงทํารายงานคดีของชายแก่เมื่อเช้าอยู่
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?” ฉินอวี่ประหลาดใจ
จู้เหว่ยหันไปมองต้นเสียงก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า “คดีมันซับซ้อนนะ ลูกชายของลุงคนนี้หายตัวไป”
“เขามาจากไหน?”
“จากทางใต้”
“รู้สึกแปลกๆ แล้วทําไมเขาถึงไม่แจ้งความกับสํานักงานในพื้นที่ล่ะ?” ฉินอวี่สงสัย
“เพราะคดีนี้เกิดขึ้นที่รัฐพื้นทมิฬ” จู้เหว่ยตอบพลางเดินไปปิดประตู “ลุงแกสงสัยว่าลูกชายอาจถูกฆ่าตาย แถมมีผู้ต้องสงสัยแล้วด้วย”
“แล้วลุงแกสงสัยใคร?”
“ผมคิดว่าคดีนี้ค่อนข้างซับซ้อน มีหลายคนที่เหมือนจะเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีประวัติ” จู้เหว่ยกระซิบที่ข้างหูฉินอวี่ “ลุงแกยังบอกอีกว่า…คนที่ฆ่าลูกแกชื่อหวู่เหย้าจากทางใต้ มันเป็นพ่อค้าอาวุธที่ค่อนข้างมีอันจะกิน”
“หวู่เหย้าไม่เคยได้ยิน” ฉินอวี่ตอบกลับ
ขณะเดียวกัน
หวู่เหย้าเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ขณะนอนบนเตียงก่อนกดเบอร์โทรหาหยวนเค่อ “ว่าไงคุณหยวน คืนนี้ว่างรึเปล่า…มาเจอกันหน่อยไหมครับ?”