Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 168 เข้าหาตระกูลหวู่
Special District 9 ตอนที่ 168 เข้าหาตระกูลหวู่
เวลาหัวค่ํา
ฉินอวี่เอ่ยชวนพรรคพวกของตนไปทานข้าวที่โรงอาหาร จุดประสงค์ของการพบปะครั้งนี้ก็เพื่อแนะนําติงกั๋วเซินและฟูเสี่ยวห่าวให้ทุกคนได้รู้จัก
เมื่ออิ่มหนํากับมื้ออาหารกันแล้ว จู้เหว่ยหันไปพูดกับฉินอวี่ว่า “ผมเพิ่งได้รายละเอียดคดีมาจากทีมสอง แผนของหลิวเปาเฉินคืออยากให้เรารับผิดชอบเรื่องการจับกุมและสอบสวนแถวกลุ่มค้าอาวุธเถื่อนแถบถนนเถ้าธุลีไปจนถึงบริเวณโดยรอบ เผื่อว่าจะเจอเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายที่ฆ่าหวู่เหย้าบ้าง”
“โง่รึเปล่า?” ฉินอวี่ตกตะลึงกับแผนการที่ได้ยิน “พวกค้าอาวุธเถื่อนในซ่งเจียงมีเป็นร้อย! จะหาเบาะแสคนร้ายไม่กี่คนจากจํานวนเยอะขนาดนั้นมันงมเข็มในมหาสมุทรชัดๆ!”
“ผมก็ว่างั้น” จู้เหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ใครก็รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาวงการค้าอาวุธมันเติบโตไวขนาดไหน แม้แต่รัฐบาลเขตพิเศษที่เก้ายังไม่กล้าทุ่มบ่ามเข้าปราบปรามขืนเราเดินเข้าไปมีหวังได้ตายเป็นผีเฝ้าซอยแหง!”
“ช่างหัวมัน” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว
“แต่ถึงยังไงเราก็คงต้องสืบสวนคดีนี้ ถ้าไม่ทําตามคําสั่งเดี๋ยวก็โดนเอาไปฟ้องเหวินหยงกังจนเป็นเรื่องอีก” จู้เหว่ยพูดตัดพ้อ
“จะทําคดีนี้ต่อก็ได้ แต่ถ้าจะให้ไปยุ่มย่ามแถวถนนเถ้าธุลี ฉันไม่เอาด้วยหรอก” ฉินอวี่ตอบพลางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องน่าปวดหัวแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่”
“รับทราบ!”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แด่เพื่อนร่วมทีมใหม่ทั้งสอง!” ฉินอวี่ชูแก้วขึ้นขณะพูด “อ้อ พวกนายสองคนมีเข้าเวรคืนนี้นี่นะ งั้นใช้น้ําเปล่าแทนแล้วกัน มา! ชนแก้วสุดท้ายก่อนแยกย้ายไปนอน!”
“ชน!”
ทุกคนลุกขึ้นชนแก้วก่อนกระดกเครื่องดื่มจนหมด
บ่ายวันต่อมา
จู้เหว่ยเดินไปหาฉินอวี่ที่ลานทํางานก่อนรายงานข้อมูลว่า “ผมไปไล่ถามคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุวันนั้นแล้ว แต่ไม่มีใครติดต่อกับหมอนั่นได้เลย”
“ไปดูที่บ้านมารียัง?” ฉินอวี่ขมวดคิ้วถาม
“หมอนั่นไม่มีบ้าน อาศัยเปลี่ยนที่ไปเรื่อยแล้วแต่สะดวกใจ”
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเดินไปหยิบเสื้อโค้ต “เรียกเด็กใหม่มา เราจะออกไปข้างนอกกัน”
“ไปไหน?” จู้เหว่ยถาม
“ไปบ้านตระกูลหวู่”
…
สองชั่วโมงต่อมา
ณ บ้านพักแถบถนนหวนเจียงในรัฐเจียงหนาน จู้เหว่ยนั่งบนโซฟาในห้องอ่านหนังสือและมองสํารวจรอบห้อง “เป็นถึงบ้านของวุฒิสมาชิกแต่ดูติดดินกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”
“นั่นสินะ บ้านของของพวกวุฒิสมาชิกก็ควรจะเป็นแบบนี้แหละมั้ง” ฉินอวี่ยิ้ม
“ไม่หรอก…พวกโกงกินจะตัวติดดินงั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก”
จู้เหว่ยไม่ค่อยชอบตระกูลหญ่เท่าใดนัก เหตุผลเดียวที่เขามาที่นี่ก็เพราะเรื่องงาน
ทั้งคู่พูดคุยกันตามประสาไม่นานก่อนประตูจะถูกเปิด ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับฉินอวี่เดินเข้ามาพร้อมแนะนําตัวเอง “สวัสดีครับ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของหวู่เหย้า”
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฉินอวี่ลุกขึ้นจับมือทักทาย
“เชิญนั่งตามสบายครับ” ชายหนุ่มผายมือไปทางโซฟาก่อนทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามฉินอวี่ “คุณอาของผมกําลังยุ่งอยู่กับเรื่องงานศพ ส่วนคนอื่นก็ไม่มีใครสะดวกผมเลย เป็นตัวแทนมาพบพวกคุณนะครับ”
ฉินอวี่รู้ดีว่าตระกูลหวี่คนไม่ชอบใจเขานัก เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเป็นคนจัดการคดีต๋งกุ้ยเซิง ฉะนั้นจึงไม่แปลกหากหวู่เป็นเพิ่งจะไม่มาพบเขาต่อให้อยู่บ้านก็ตาม
ในเมื่อคดีฆาตกรรมหวู่เหย้าถูกมอบหมายให้หมวดสี่เป็นคนจัดการ จะให้เขาทําตัวเรื่อยไปไม่สนใจก็คงไม่ได้
“พวกผมมาเพื่อหาข้อมูลประกอบการสืบสวนเพิ่มเติมนะครับ”
“ถามมาได้เลยครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“กั๋วเซิน บันทึกข้อความด้วยนะ” ฉินอวี่สั่ง
“ครับ!” ติงกั๋วเซินพยักหน้า
ฉินอวีรีบตั้งสติและจัดระเบียบความคิดก่อนถามออกไป “ผมได้ยินมาว่ามีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ตอนที่หวู่เหย้าถูกฆาตกรรมอยู่ เขาชื่อต้าจิน รู้จักไหมครับ?”
“รู้จักครับ” ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนพยักหน้าตอบรับ
“เขาเกี่ยวข้องกับหวู่เหย้ายังไงครับ?”
“เขาเป็นเพื่อนกัน”
“แน่ใจเหรอครับ? เท่าที่ผมรู้…ต้าจินทํางานให้หวู่เหย้านี้” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว
“อ้อ…ใช่แล้วครับ เขาเป็นพนักงานชั่วคราวของบริษัทหวู่เหย้า คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันมากหรอกครับ” ชายหนุ่มรีบกลับคําอย่างมีพิรุธ
ฉินอวี่มองท่าที่อีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนถามอีกครั้ง “เจ้าหน้าที่ฝั่งเจียงหนานส่งคําให้การของพยานผู้เห็นเหตุการณ์มา และผมจึงจําเป็นต้องมาตรวจสอบ หนึ่งในพยานอ้างว่าในวันนั้นมีคนอยู่กับหวู่เหย้ามากถึงยี่สิบคน แถมแต่ละคนยังมีอาวุธครบมือด้วย คุณพอจะรู้รึเปล่าครับว่าทําไมกลุ่มคนจํานวนมากจึงต้องพกอาวุธแล้วไปรวมตัวกันที่กองขยะวันนั้น?”
ชายหนุ่มลังเลและครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ “เขาไปที่นั่นเพื่อจ่ายหนี้ให้ต้าจิน”
“ หมายความว่าต้าจินติดหนี้พวกอันธพาลอยู่ใช่ไหมครับ? แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าเป็นหนี้ค่าอะไร?”
“ทะ…ทําไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?” ชายหนุ่มเริ่มกระวนกระวาย “ลูกพี่ลูกน้องผมถูกฆ่าตายที่นะ! พวกคุณควรจะไปตามหาไอ้พวกฆาตกรนั่นไม่ใช่เหรอ?!”
“ต้นตอของเรื่องก็เป็นหนึ่งในเบาะแสที่ช่วยให้เราหาตัวคนร้ายได้นะครับ” ฉินอวี่พูดอย่างใจเย็น “ดีไม่ดีสามารถเปลี่ยนทิศทางของผลลัพธ์ได้เลย”
“ผมไม่แน่ใจว่าต้าจินติดนี้พวกนั้นค่าอะไร แต่สิ่งที่รู้แน่ๆคือพวกมันฆ่าหวู่เหย้า!” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างหัวเสีย
“เรื่องนั้นผมรู้แล้ว หลังจากนั้นคุณได้ติดต่อกับต้าจินบ้างรึเปล่า? เขาเป็นกุญแจสําคัญในคดีนี้ เพราะงั้นการจะตามหาคนร้ายให้ได้จําเป็นต้องให้เขาช่วย”
“ผมไม่ได้ติดต่อกับเขา”
“งั้นก็ขอบคุณสําหรับข้อมูลครับ ถ้าได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมผมจะแจ้งให้ทราบนะครับ” ฉินอวี่มองหน้าตามีพิรุธของชายหนุ่มก่อนลุกขึ้นยืน “ขอตัวนะครับ”
“ครับ ไว้ผมจะรอฟังข่าว” ชายหนุ่มตอบขณะยังนั่งอยู่กับเก้าอี้
ฉินอวี่เก็บข้าวของและเดินไปที่ประตูพร้อมคนในทีม
แต่ก่อนจะเดินออกไปเขาหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า “อ้อ ผมลืมบอกคุณไปอย่าง คนร้ายที่ฆาตกรรมหวู่เหย้าเหมือนจะเป็นพวกพ่อค้าปืนนอกกฎหมาย ตอนนี้ทางตํารวจกําลังไล่สอบสวนคนพวกนี้อยู่ ส่วนผมแค่อยากรู้ว่าทําไมคนพวกนี้ถึงจ้องเล่นงานหวู่เหย้าเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งนั่งทําหน้าเครียดหลังได้ยินที่ฉินอวี่พูด
“ไว้เจอกันใหม่นะครับ” ฉินอวี่พูดหันกลับและออกจากบ้านไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ชายหนุ่มกลับไปยังบ้านหลักซึ่งมีงานศพของหวู่เหย้าจัดอยู่ เขาเดินเข้าไปในกระโจมเพื่อพบหวู่เวินเซิ่ง “คนที่มาวันนี้เป็นตํารวจจากรัฐพื้นทมิฬชื่อฉินอวี่ครับ”
หวู่เวินเซิ่งนิ่งเงียบก่อนถามกลับ “ใช่คนเดียวกับที่จับลูกฉันรึเปล่า?”
“คนนั้นแหละครับ” ชายหนุ่มตอบ
“แล้วมาถามเรื่องอะไร?”
“มาถามหาต้าจินและต้นเหตุของคดีครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วตอบ “ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นศัตรูกับเรา”
หวู่เวินเซิ่งครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ “สองวันมานี้ ฉันเหนื่อยมากแล้วไม่อยากคิดมากไปกว่านี้ เรื่องที่เสี่ยวหวู่ไปที่กองขยะเพื่อจ่ายค่าสินค้าห้ามให้หลุดรอดไปเด็ดขาด บอกทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นให้หุบปากให้สนิท ไม่ว่าใครก็ตามที่มาถามถึงเรื่องนี้ จะเป็นตํารวจยศน้อยหรือมาจากสํานักงานใหญ่ บอกไปแค่ว่าเสี่ยวหวู่ไปจ่ายค่าหนี้ให้ต้าจิน…และถูกไอ้พวกอันธพาลนั่นหักหลังถึงได้โดนฆ่า”
“รับทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับ
หวู่เวินเซิ่งโยนกงเต๊กลงเตาไฟก่อนพูดเสริม “จนกว่าคดีจะคลี่คลาย ให้หยุดดําเนินการทุกธุรกิจไปก่อน แล้วก็อย่าเพิ่งตกลงเป็นหุ้นส่วนเรื่องยากับหยวนเค่อตอนนี้ เราต้องหมอบให้ราบจนกว่าปัญหาจะหมดไป”
“เข้าใจแล้วครับคุณอา”
“ต้าจินหนีไปรึยัง?” หวู่เวินเซิ่งถาม
“ไปแล้วครับ น่าจะกลัวโดนเอี่ยวในคดี”
“ไปแล้วก็ดี” หวู่เวินเซิ่งพยักหน้า
ขณะเผากงเต๊ก หวู่เวินเซิ่งยังคงครุ่นคิดอยู่ในหัวก่อนจะตัดสินใจโทรหาหยวนเค่อ
“สวัสดีครับคุณหวู่”
“หยวนเค่อ ผมอยากจะขอบคุณที่ช่วยเหลือ” หวู่เวินเซิ่งพูดเสียงเรียบ “คนที่จับหวู่เหย้าเริ่มสืบสวนคดีนี้แล้ว ที่บอกว่ามีอิทธิพลในรัฐพื้นทมิฬคงไม่เกินจริงสินะ”
หยวนเค่อชะงัก “คุณหมายถึงฉินอวี่”
“ใช่…เขาเพิ่งออกจากบ้านผมไป”
“เอ่อ…คุณหญ่ครับ หมอนั่นไม่ได้อยู่ใต้”
“ตอนนี้ผมกําลังยุ่ง ไปถ้าว่างจะเลี้ยงมื้อค่ําขอบคุณแล้วกันนะ” หวู่เวินเซิ่งวางสายทันทีโดยไม่รอฟังคําอธิบายของหยวนเค่อ
ภายในคฤหาสน์เริงรมย์รัฐพื้นทมิฬ หยวนเค่อกําหมัดแน่นด้วยความโมโห “สักวันฉันจะฆ่าไอ้ฉินอวี่นั่นให้ได้”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เสี่ยวจิ๋วถาม
“ฉินอวี่ที่จับตัวหวู่เหย้าก่อนหน้านี้น่ะเหรอ? เรื่องคงวุ่นวายแน่ถ้าหมอนั่นไปยุ่มย่ามกับตระกูลหวี่”
“รู้อยู่แล้วโว้ย! หวู่เวินเซึ่งเพิ่งพูดประชดฉันเมื่อกี้” หยวนเค่อโมโหสุดขีด “ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าหลิวเปาเฉินกําลังทําอะไรอยู่ อุตส่าห์วางใจให้ทําคดีนี้แต่กลับปล่อยให้ไอ้ฉินอวี่เข้ามายุ่งเนี่ยนะ?”
บนถนน
ขณะนั่งอยู่ในรถฉินอวี่หันไปคุยจู้เหว่ย “ต้องมีเบื้องหลังอะไรมากกว่าการตายของหวู่เหย้าแน่”
“คนโง่ยังดูออกเลยว่าพวกค้าปืนเถื่อนนั่นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” จู้เหว่ยเห็นด้วย “จะโยงเรื่องนี้เข้าหาตระกูลหวู่คงยากแล้วล่ะ เพราะไอ้ต้าจินมันหนีไปแล้ว แถมพวกตระกูลหวู่ยังสั่งให้พยานปิดปากกันหมดอีก”
ในตรอกแห่งหนึ่ง อาเซียวยืนพิงกําแพงสูบบุหรี่รอใครคนหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่นานชายร่างใหญ่ที่ชอบอ่านนิยายอีโรติกก็เดินเข้ามา “ตรวจสอบดูแล้ว เราพร้อมเคลื่อนไหวได้ทุกเวลา”