Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 196 เป้าหมายใหม่ของแมวเฒ่า
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 196 เป้าหมายใหม่ของแมวเฒ่า
หลังจากที่หยวนเค่อเข้ามาในห้อง เขายังไม่เปิดไฟแต่นั่งลงตรงเก้าอี้ถัดจากหลีจือก่อนจะยัดบุหรี่เข้าปากเขาพร้อมกับจุดไฟให้
หลีจือคาบบุหรี่พลางมองหน้าหยวนเค่อ
“ขังไว้แค่สามวันแกคงอยากฆ่าฉันจนตัวสั่น แต่ถ้าเกิดฉันขังแกสักครึ่งปีและเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำไปด้วยล่ะ? แกจะขอบคุณฉันรึเปล่า?” หยวนเค่อจุดบุหรี่ “ฉันว่าอย่างหลังน่าจะดีกว่าเนอะ”
หลีจือก้มหน้าเงียบ
“สําหรับฉันกับหวู่เวินเซิ่ง แกจะอยู่หรือตายก็ไม่สําคัญหรอกนะ” หยวนเค่อเขี่ยเศษบุหรี่ “ช่วงนี้ทุกคนค่อนข้างเครียดและอึดอัด เพราะงั้นเรามาจบเรื่องเร็วๆ กันเถอะ”
“แก..อยากรู้อะไร?”
“ทําไมพวกแกต้องฆ่าเหยียนคัง?” หยวนเค่อถาม
หลีจือเงียบไปครู่หนึ่ง “เพราะมีคนอยากให้หวู่เวินเซิ่งตาย”
“ใคร?” หยวนเค่อถามอีกครั้ง
หลีจือคีบบุหรี่ด้วยฝ่ามือสั่นเทาก่อนตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “มันเริ่มมาจากเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังจากอาเซียวพาพวกฉันกลับมาจากเจียงโจว เขาก็เริ่มเตรียมการโดยพุ่งเป้าไปที่หวู่เวินเซิ่งเพื่อเรียกความสนใจจากพวกตํารวจระดับสูง”
“หมายความว่าการที่หวู่เหย้าตายไม่ได้อยู่ในแผนแต่แรกใช้ไหม?”
“ไอ้เด็กนั่นมันโง่” หลีจือตอบ “ตอนแรกเราปล่อยของให้ต้าจินกะจะสร้างคู่ค้าเพิ่มแต่ไม่คิดว่ามันจะเบี้ยวเงิน หนําซ้ำยังปล่อยให้ไอ้หลู่เหย้าตบหน้าหยามอาเซียวอีก นั่นแหละคือเหตุผลที่มันโดนฆ่า”
“อืม ก็ฟังดูสมเหตุสมผล พูดต่อสิ”
“หลังจากหลู่เหย้าตายเรื่องเงินกับสินค้าก็กลายเป็นคดีในเมื่อพลาดจากเป้าหลายแรกที่วางกันไว้ อาเซียวก็เลยปล่อยเรื่องเหยียนคังกับตระกูลหวู่ขายอาวุธเถื่อนให้ตํารวจรู้” หลีจือทิ้งก้นบุหรี่และก้มหน้าเล่าต่อ
“งั้นคนที่อยากจัดการหวู่เวินเซิ่งก็คือคนที่มีอิทธิพลมากในฮ่งเจียงใช่ไหม?” หยวนเค่อถาม
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” หลีจือส่ายหัว
หยวนเค่อขมวดคิ้วมอง
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าใครอยู่เบื้องหลัง” หลีจือรีบอธิบายอย่างลนลาน “ถึงจะติดตามอาเซียวมาหลายปี แต่พวกฉันทําแค่เรื่องจัดการสินค้ากับเงินเท่านั้น ไม่มีใครเคยถามถึงคนที่ทํางานให้เลย เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นมันไม่มีใครแทนที่คนที่รู้ทุกเรื่องอย่างอาเซียวได้ อีกอย่างพวกฉันองว่ามันไม่สําคัญ และไม่อยากหาเรื่องใสตัวด้วย”
“ตัวติดกันขนาดนั้นแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเนี่ยนะ?” หยวนเค่อถามกลับ
“ก็ไม่เชิง ที่จริงฉันก็พอรู้อะไรมานิดหน่อย” หลีจือมองไปที่หยวนเค่อ “อาเซียวเคยพูดถึงสองอย่าง”
“คือ?”
“เขาบอกเราว่าหลังจากงานนี้จบลง เราจะไม่ออกจากซ่งเจียง แต่จะทําธุรกิจเล็กๆ อยู่ที่นี่” หลีจือเล่าพลางขมวดคิ้ว “อย่างที่สอง…ฉันได้ยินเขาคุยโทรศัพท์เกี่ยวกับหวู่เวินเซิ่ง ประมาณว่าถ้าหวูเวินเซิงยังลงสมัครตําแหน่งประธานสภาคนต่อไปก็อาจจะ…”
หยวนเค่อชะงัก “แน่ใจใช่ไหมที่พูดมา?”
“อืม” หลีคือพยักหน้า
หยวนเค่อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนถามว่า “อาเซียวที่แกพูดถึงชื่อเต็มว่าอะไร?”
“ชื่อว่า เยี่ยจือเซียว แต่เลิกคิดซะเถอะยังไงแกก็หาตัวไม เจอ” หลีจือสายหัวก่อนพูดต่อ “เพราะหมอนั่นไม่มีตัวตน”
“แกคิดว่าตอนนี้เยี่ยจือเซียวกับคนอื่นๆ จะอยู่ที่ไหน?”
“ตอนมาถึงซ่งเจียงครั้งแรก คนที่มารับเราอายุน่าจะประมาณสี่สิบสองหรือสี่สิบสามปีนี่แหละ เขาหัวล้าน สูงประมาณหนึ่งจุดเจ็ดเมตร อ้อมือซ้ายเขาพิการกางนิ้วไม่ได้” หลีจือตอบตามความจริง “นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้แล้ว”
หยวนเค่อล้วงกล่องบุหรี่ออกมา “คิดว่าถ้าเจออีกครั้งจะจําได้ไหม?”
“อ่า..จําได้”
หยวนเค่อวางกล่องบุหรี่และไฟแช็กไว้ตรงหน้าหลีจือก่อนจะลุกขึ้น “พามันไปหาอะไรกินแล้วก็ให้มันได้พักผ่อน จากนี้ห้ามให้ใครไปรบกวนอีก”
เมื่อพูดจบหยวนเค่อก็เดินออกจากห้อง
“ดะ…เดี๋ยวก่อน!” หลีจือตะโกนเรียก
หยวนเค่อชะงักและหันกลับไปมอง
หลีจือตาแดงก่ำ หลังจากเงียบอยู่นานเขาก็เอ่ยถามด้วยท่าที่เป็นกังวลว่า “ฉันจะไม่ตายใช่ไหม?”
แค่สามวันจากนักฆ่าผู้ห้าวหาญที่คิดฆ่าตัวตายมาหลายอยู่ครั้งแปรเปลี่ยนเป็นคนอ่อนไหวกลัวตายไม่ต่างจากคนธรรมดา
ในหอพักผู้ป่วย
หลังจากทั้งสามกินอาหารเสร็จ หลินเหนียนเลยลุกเก็บโต๊ะข้างเตียงอย่างขยันขันแข็งและลงไปที่ชั้นล่างเพื่อทิ้งขยะ
แมวเฒ่าตบท้องของตนอย่างไม่กลัวจะเสียภาพลักษณ์ก่อนหันไปถามฉินอวี่ว่า “ฉันเพิ่งกลับมา ยังไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นช่วงนี้เลย ยังไงก็เล่ามาให้หมดด้วยล่ะ”
ฉินอวี่สูบบุหรี่ไฟฟ้าและมองเพดาน “ต้าจินกับเสี่ยวเหมียวตายแล้ว โซ่เชื่อมหลักฐานเองก็พลอยขาดไปด้วย เพราะงั้นก็เหลือแค่สองคนที่จับได้ในโกดังตระกูลหวู่ ถ้านายกลับไปแล้วก็ง้างปากมันออกมาให้ได้ ให้มันคายที่อยู่ปืนเถื่อนของตระกูลหญ่และสาวไส้พวกมันให้หมด เรื่องนี้จะได้จบสักที”
“แล้วคิดว่าไอ้สองคนนั่นมันจะรู้อะไรเหรอ?”
“เราไม่มีเบาะแสจากที่ไหนแล้ว เหลือแค่พวกมันนั่นแหละ” ฉินอวี่ตอบด้วยความหนักใจ “เริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยขยายขอบเขต
“อ่า เข้าใจละ” แมวเฒ่าพยักหน้า
“หมอนั่นกลับมากับนายหรือเปล่า?” ฉินอวี่หันไปถาม
“เปล่า ยังอยู่นอกเขต” แมวเฒ่าขมวดคิ้วและถามว่า “ไหนตอนแรกนายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอย่าเพิ่งกลับมา ให้จัดการเรื่องอื่นๆ ก่อน?”
“ใช่ ตามนั้นแหละ” ฉินอวี่พยักหน้า
“อืม” แมวเฒ่าลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมของเขา “ฉันจะส่งเล่ยเล่ยกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปสํานักงาน
“กล้ามากนะ” ฉินอวี่รู้สึกประหลาดใจ “อย่าผิดหวังแล้วกัน”
แมวเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่ง “นายก็หวงเกินไป แบ่งๆ กันบ้างไม่ได้เหรอ?”
“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดจะทําอะไร” ฉินอวี่หรี่ตาพูด
“แล้วนายคิดอะไรอยู่คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?”
หลินเหนียนเลยสะบัดน้ำบนฝ่ามือและเดินเข้าห้องมา “เพิ่งกินข้าวเสร็จ จะพูดเรื่องสะอาดๆ หน่อยไม่ได้รึไง?”
“เธอจะกลับบ้านไหมเล่ยเล่ย? ฉันจะไปส่ง” แมวเฒ่าเปลี่ยนเรื่องถาม
หลินเหนียนเล่ยผงะ “ฉันไม่กลับบ้านนะ จะอยู่กับเพื่อนสักพัก”
แมวเฒ่าอึ้งกับคําตอบที่ได้ยิน “งั้นฉันจะไปส่งที่บ้านเพื่อนเธอก็ได้”
“เสียใจด้วยนะแต่เธอมารับฉันแล้ว” หลินเหนียนเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้อยู่ข้างล่าง”
“ถ้างั้น…ลงไปพร้อมกันก็ได้…”
หลินเหนียนเลยเดินไปที่เตียงและหยิบเสื้อคลุมก่อนหันกลับมามองฉินอวี่แล้วพูดว่า “งั้นฉันไปก่อนนะ”
ฉินอวี่กะพริบตาพลางคว้าแขนเรียวยาวของหลินเหนียนเล่ยไว้ “รอเดียวสิ…”
หลินเหนียนเล่ยบีบมือฉินอวก่อนยิ้มและถามกลับว่า “จะให้ฉันอยู่ทําไมล่ะ? ช่วยเติมน้ำเหลือเหรอ?”
“โอ๊ย! อย่าบีบสิ ไปเลยไป..รีบมากไม่ใช่เหรอ?”
“ฮ่าๆๆ บาย” หลินเหนียนเลยเดินออกจากห้อง
ไม่กี่นาทีต่อมาบริเวณชั้นล่าง
แมวเฒ่าวิ่งเข้าไปหาหลินเหนียนเล่ยก่อนพูดขึ้น “เร็วๆ นี้ เพิ่งมีผู้กํากับหนังทําหนังเกี่ยวกับประวัติเขตพิเศษทั้งเจ็ดมาเห็นว่าเนื้อหาค่อนข้างแน่นเลยล่ะ เธอพอจะว่างหรือเปล่า… ฉันอยากชวนเธอไปดูด้วยกัน เพราะถ้าจะกลับไปนอนตอนนี้เลยมันก็เร็วไป…”
“เล่ยเล่ยๆ ทางนี้” เสียวมีตะโกนขณะนั่งอยู่ในรถ
แมวเฒ่าเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียง
เมื่อไฟสว่างขึ้นใบหน้าของหญิงสาวสวยร่างเล็กน่ารักสวมหมวกแก๊ปสีแดงก็ปรากฎราวกับตัวละครที่ออกมาจากเทพนิยาย
“ฉันไปก่อนนะ”
แต่ก่อนที่หลินเหนียนเลยจะได้ก้าวลงบันได แมวเฒ่าก็จับแขนเธอเอาไว้พลางจ้องเสียวมีไม่วางตา “เล่ยเล่ย เธอ..เธอจะไม่แนะนําเพื่อนให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ?”