Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 235 เจ้าสัวสามพันปี
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 235 เจ้าสัวสามพันปี
ตอนที่ 235 เจ้าสัวสามพันปี
หลังฟังเฒ่าหลี่บ่นมาพักหนึ่งฉินอวี่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ลุงยังไม่รู้อะไร ฉันมาที่นี่เพราะวันนี้มีคนจากเจียงหนานมาหาเรื่องพวกเราถึงในจอยพาเลซ และเขายังจะเรียกร้องค่าเสียหายจากเราหลังการปะทะกันอีกตั้งห้าหมื่น เป็นคุณจะทนได้รึเปล่าล่ะ?!”
“ทนบาทนบออะไรล่ะ!?”เฒ่าหลี่ดุกลับทันที “ถอนกำลังออกไปเดี๋ยวนี้!”
“เป็นไปไม่ได้หรอก! จู่ๆ จะให้พวกตำรวจถอนกำลังออกไปได้ยังไงมันไม่มีเหตุผลเลย” ฉินอวี่ตอบอย่างขมขื่น “ขืนทำต่อไปร้านพวกนี้จะยังเชื่อฟังตำรวจอย่างพวกผมอยู่อีกเหรอ?”
“นายรู้รึเปล่าว่าใครอยู่เบื้องหลังจอยพาเลซ?!” เฒ่าหลี่ถาม
ฉินอวี่ตกตะลึง
“เบื้องหลังจอยพาเลซคือฮั่นชานเชียนในเขตไคหยวน เขาคืออดีตสมาชิกเขตไคหยวนเมื่อสิบปีก่อน เข้าใจไหม?” เฒ่าหลี่อธิบายต่อด้วยเสียงทุ่มต่ำ “นายคิดง่ายเกินไป คนที่โทรหาฉันเมื่อกี้คือรองประธานสภานิติบัญญัติคนนั้นแหละ และเขาก็มีอิทธิพลกับกา รเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย รู้ไว้ซะ!”
“มันซับซ้อนขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า นายคงเคยได้ยินใช่ไหม? ยังมีคนอีกมากที่นายยังไม่รู้จักดีและพวกนั้นอาจมีอำนาจมากกว่าหยวนหัวซะอีก พวกนั้นอาจฆ่านายได้ง่ายๆ เลยด้วยซ้ำ” เฒ่าหลีกระซิบ “แล้วจากนี่นายก็ควรหัดเจียมตัวซะบ้าง…อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีก!”
ฉินอวี่ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย “นี่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอลุง? ฉันมาตรวจแค่นี้ถึงกับต้องโทรไปบอกลุงเลยเรอะ…จะกลัวอะไรล่ะ?!”
“ถ้าฉันไม่โทรมาบอกนาย นายคงโดนหมายหัวแน่นอน จากนั้นฉันก็ไม่รู้ชะตากรรมของนายแล้วละ นายเข้าไปทำโดยไม่ได้บอกกล่าวเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แค่ฉันไม่รับประกันว่าหลังจากนั้นเขาจะทำอะไรกับพวกนายหลังจากที่ไปกวนใจ เข้าใจรึเป ล่า?”
“ได้…ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินอวี่เข้าใจทันที
“นายคิดว่าอีกฝ่ายอยากได้เงินห้าหมื่นหยวนของพวกนายเหรอ? พวกเขาจะใช้เรื่องนี้เพื่อต่อรองบางอย่างกับฉันแน่” เฒ่าหลีกระซิบ “พอฉันกลายเป็นสมาชิกสภาคงจะมีบิลมาหาฉันเป็นกองเลยทีเดียว ดังนั้นอย่าคิดว่าฉันจากซ่งเจียงไปแล้วพวกนายจะทำอะไรก็ได้นะจะทำอะไรต้องรอบคอบและคิดให้ดี โอเคไหม?”
“แล้วเรื่องเงินห้าหมื่นเหรียญล่ะ?” ฉินอวี่ถามโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ
“สงบิลมาให้ฉันละกัน” เฒ่าหลี่ขมวดคิ้วขณะตอบ “นายก็จ่ายค่าล่วงเวลาให้พวกนั้นซะ แล้วฉันจะจัดการที่เหลือเอง”
ฉินอวี่เลียริมฝีปาก “ได้ ผมรู้แล้วว่าต้องทำไงต่อ”
“อืม..งั้นรีบถอนกำลังคนออกไปด่วนเลย”
“แล้วฮั่นชานเชียนอยู่ชั้นบนหรือเปล่า?” ฉินอวี่ถามทันที
“คงไม่อยู่แล้ว” เฒ่าหลื่อมยิ้ม “เขาออกจากเขตที่เก้ามาสี่ห้าปีแล้ว ธุรกิจในฮ่งเจียงก็บริหารภายใต้อำนาจเขาคนนี้แหละ ถ้าตาเฒ่านี้ยังไม่ออกจากซ่งเจียงละก็คงไม่มีธุรกิจของพวกหยวนหัวหรูเวินเซิงกับเฒ่าหม่าแน่นอน แถมเขายังถูกผู้เฒ่าผู้แก่ในไคหยวนหลายคนขนานนามว่า เจ้าสัวสามพันปี!”
เมื่อฉินอวี่ได้ยินดังนั้นความหงุดหงิดในใจเขาก็ดับไปทันที
“อืม ฉันคิดว่าในอนาคตเราคงจะได้ติดต่อกับพวกเขา แล้วนายจะได้รู้จักเอง” เฒ่าหลีพูดเสียงเรียบ
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที
นอกประตูห้องทำงานบนชั้นสี่ ฉินอวี่เกาหัวด้วยท่าทางเคอะเขินขณะหันไปพูดกับแมวเฒ่า “มันงี่เง่าไปไหม? ต้องทำยังไงล่ะเนี่ย?”
“ไม่ต้องพูดพล่ามไม่มีเวลาแล้ว” แมวเฒ่าเร่งเร้า
“ฉันพูดเอาใจหรือเลียแข้งเลียขาใครไม่เป็นสักหน่อย นายเข้าไป สิคุกเข่าอ้อนวอนเลยก็ได้” ฉินอวี่พูด
“นายก็รู้จักฉันดี…ฉันเคยพูดจาอ่อนหวานเป็นสักที่ไหน” แมวเฒ่าปฏิเสธเสียงเรียบเฉยก่อนผลักประตูเข้าไปในห้องทำงาน “สวัสดีครับ…”
บนโซฟาในห้อง หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังนั่งเท้าคางและใช้มือขวาเปิดอ่านนิตยสารต่างประเทศบนตักของเธอ ก่อนจะหันมาที่หน้าประตูพลางทำหน้าประหลาดใจ
แมวเฒ่าเห็นดังนั้นก็ตัวแข็งที่อ
“นี่คือซื้อหลิน…เธอคือเจ้าของที่นี่” อาเฟิงกล่าวแนะนำขณะยืนอยู่ข้างประตู
“เอาชามาเสิร์ฟสองที่สิ” เย่หลินปิดนิตยสารด้วยมือข้างหนึ่งก่อนมองอีกฝ่ายพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณตำรวจ พวกคุณจะไม่ให้ฉันเปิดร้านเหรอ?”
ฉินอวี่ซึ่งได้รับคำแนะนำจากเฒ่าหลี่เกี่ยวกับตัวตนหัวหน้าที่นี่แล้ว พวกเขาจึงคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวของเย่หลินและตกตะลึงอย่างมาก
หลังจากมองเย่หลินอยู่ครู่หนึ่งฉินอวี่จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เราได้รับข้อมูลมาผิด…หัวหน้าของผมโทรมาแจ้งแล้ว และคงจัดการอบรมให้ชุดใหญ่”
“แล้วเอาห้าหมื่นหยวนมาให้ละเหรอ?” อาเฟิงถามแทรกทันที
“อาเฟิงอย่าพูดแบบนั้นสิ” เย่หลินยืนขึ้นขณะพูดด้วยการขมวดคิ้วลงเล็กน้อย “เฒ่าหลี่ตกลงกับฉัน และฉันก็ไม่สนใจเงินห้าหมื่นแล้ว!”
อาเฟิงไม่พูดอะไรอีก
“มีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย พอดีว่าอนาคตเรามีโครงการจะทำธุรกิจในรัฐพื้นทมิฬหน่ะ ฉันหวังว่าผู้กำกับการจะให้พื้นที่กับฉันบ้างนะ” เย่หลินเดินเข้ามาแล้วยื่นมือไปหาฉินอวี่ด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดี ผม..ฉินอวี่” ฉินอวี่จับมือกับเย่หลินและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงตื่นเต้นได้ขนาดนี้