Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 280 ท่อนเหล็กพูดไม่ได้
ตอนที่ 280 ท่อนเหล็กพูดไม่ได้
ในพื้นที่รกร้างเขตโครงการ ฉีหลินทิ้งรถเอาไว้ ก่อนจะพาลูกน้องห้าถึงหกคนเดินท่ามกลางหิมะโปรยปราย
“ไม่มีรถแล้ว เรากลับกันยากแล้วล่ะ” ชาเหมิงที่ เดินตามอยู่ข้างหลังพลางพูด “เดี๋ยวทางแนวป้องกันร่วมต้องปิดล็อกที่พักในแต่ละที่แน่นอน เราไม่มีเสบียงไม่มีน้ําเวลาเดินทางก็ยังช้าด้วย สถานการณ์ไม่อํานวยเอาซะเลย”
ฉีหลินได้ยินจึงนั่งลงบนพื้นหิมะก่อนถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าจะมีแนวป้องกันร่วมดักอยู่ข้างหน้าหรือไม่ ถ้าเราขับรถไปมันคงจับตาดูการเคลื่อนไหวได้ง่าย ถ้าถูกจับแล้วลากไปอยู่แถวซ่งเจียงก็คงจะจบเห่กันแล้วล่ะ”
“แต่การเดินเองแบบนี้มันก็ไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ?” ชายร่างกํายาครุ่นคิดอยู่นาน “งั้นเรากลับซ่งเจียงไม่ดีกว่าเหรอ?! ตอนนี้ความสนใจของพวกมันอยู่บนถนนถ้าเราอยู่ในที่มืดก็ยังพอมีโอกาส”
“ไม่ได้” ชาเหมิงส่ายหน้า “คนที่เฝ้าด่านกับแนวป้องกันร่วมเป็นพวกเดียวกันถึงแม้ว่าพวกเราจะสายของตัวเองแต่ถ้าข้าวที่เราเข้าเมืองหลุดออกไปแม้แต่นิดเดียว อยากออกมาจากที่นั่นแค่ไหนก็ทําไม่ได้แล้วล่ะ”
“ก็จริง” ชายหนุ่มร่างบึกบินพยักหน้า
“อย่าตื่นตูมไป เดี๋ยวฉันขอคุยโทรศัพท์ก่อน” ฉีหลินยื่นมือล้วงโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดโทรไปที่เบอร์ของโกโก้ แต่โทรไปถึงสามสายอีกฝ่ายก็ยังไม่รับ
ภูมิภาคเจียงโจว
ชายหนุ่มสวมชุดนอนคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างพลางขมวดคิ้วอยู่บนโซฟา “พวกทีมของฉันอวดุดันกันมาก แต่ปัญหาใหญ่ของพวกเขาก็คือความไม่มั่นคง! เส้นทางเดินยาเพิ่งฟื้นฟูได้ไม่นานก็เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว”
บนหัวของโกโก้มีกิ๊บติดผมสีชมพูติดอยู่ เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วนวดไปที่แก้มอันบอบบางอย่างรวดเร็ว “พี่ เรื่องนี้เราต้องดูแลนะ”
“ดูแลมันมาตั้งกี่รอบแล้ว?” สีหน้าของชายหนุ่มถามด้วยไม่ค่อยดีนัก “ต้องดูแลถึงเมื่อไหร่ถึงจะได้เป็นใหญ่ล่ะ?”
“ไม่ต้องดูแลหยวนเค่อหรอก มันทั้งมีทีม มีตลาด มีธุรกิจและมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาได้ด้วย” โกโก้หันหน้าไปมองพี่ชายก่อนพูดอย่างชัดถ้อยชัดคํา “แต่บริษัทแบบนี้จะทําประโยชน์ให้พี่ได้จริงๆเหรอ?”
ชายหนุ่มเงียบลง
“ทีมที่แข็งแกร่งก็ต้องการร่วมมือกับทีมส่งยาที่ยักษ์ใหญ่กันทั้งนั้นแหละ” โกโก้พูดเสริม “การเดินทางของเราลําบาก เราทั้งอยู่ไกลทั้งเดินทางล่าช้า ทั้งปริมาณการผลิตและปัจจัยต่างๆ เราก็ด้อยกว่าคนอื่นเขาทั้งหมด ถ้าพูดถึงผลกระทบและเบื้องหลัง บริษัทเภสัชกรรมหลงสิ่งมีรัฐบาลของเก้าเขตพิเศษเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง…แล้วเราล่ะ? ถึงสินค้าของเราจะมีคุณภาพสักแค่ไหนก็ยังเข้าสู่ตลาดโลกไม่ได้อยู่ดี”
ชายหนุ่มยกแก้วชาขึ้นพลางขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด
“พวกฉินอวี่ต้องการจะวางตําแหน่งของตัวเองให้มั่นคง เรายิ่งต้องการมากกว่า” เสียงของโกโก้ฟังดูสึกเหิม ในน้ําเสียงมีความดุดันอยู่ “อยู่ในซ่งเจียง ฉินอวี่อาจจะแค่เพิ่งเริ่มต้น แต่เราก็เป็นธุรกิจเดินยาที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เองไม่ใช่เหรอ? รถเน่าๆ แต่อยากจะใช้เครื่องยนต์สิบสองแรงม้า ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
“คําพูดนี้ของแกมันก็ไม่ค่อยจะเข้าหูเท่าไหร่นะ!” ชายหนุ่มมองน้องสาว
“จริงๆ แล้วเรื่องที่ฉันพูดพี่น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะ” โกโก้แสยะยิ้ม “พี่ไม่พอใจที่ทํางานร่วมกับพวกฉินอวี่ที่ไม่มีความมั่นคง แต่พี่ลองคิดถึงเมื่อก่อนดูสิ ตอนที่พวกเราเพิ่งจะเข้าซ่งเจียงมาเราอยู่กับคนแบบไหน? คือพวกอาหลงที่ไม่ได้เรื่องเลยสักนิดไม่ใช่รึไง? แล้วตอนนี้พวกของฉันอวี่ก็เป็นผู้กํากับใหญ่โตทั้งนั้น เฒ่าหลี่ก็ลงสมัครเลือกตั้งด้วย! ฉันทํางานมาครึ่งปี ทุกคนก็คงจะเห็นกันแล้วนะว่าฉันประสบความสําเร็จหรือไม่”
ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่นาน “แกหมายความว่ายังไง?”
“ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็มาผ่านอุปสรรคไปด้วยกันเถอะ ขนาดประธานสิ่งยังรู้จักช่วยตระกูลหยวนที่หมดอํานาจไปแล้วได้ ทําไมเราจะทําไม่ได้ล่ะ?” โกโก้ลุกขึ้นยืน “ฉันให้คนไปรับฉีหลินแล้วก็ให้บอกเขาว่าความเสียหายครั้งนี้ เรารับผิดชอบสามสิบเปอร์เซ็นต์ อีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์สามารถรอให้เขามาถึงที่นี่ก่อนแล้วค่อยคืนก็ได้!”
“ต้องสั่งสอนฉินอวี่สักหน่อย” ชายหนุ่มยอมรับความคิดของน้องสาวแล้ว “จะให้พวกมันรู้สึกว่าเรายอมง่ายๆทุกครั้งไม่ได้ แกต้องกดดันพวกมันหน่อย”
“ฉันรู้แล้วน่า” โกโก้พยักหน้า
สิบกว่านาทีผ่านไป โกโก้ติดต่อกับคนรู้จักที่อยู่ละแวกซ่งเจียงเพื่อให้พวกเขาเตรียมตัวรับฉีหลิน
เขตซึ่งเจียง
เฉินป๋อล้มอยู่บนพื้นหิมะพลางกุมหัวของตัวเอง “พวกนายจําผิดคนรึเปล่า?!”
ฉินอวี่ใช้ขาขวาเตะไปที่หัวของเฉินป๋อประหนึ่งกําลังเตะลูกบอลอยู่
“ตึง!”
เสียงดังสนั่น เฉินป้อถูกเตะจนตาเหลือกจนทั้งตัวและขดตัวไว้จากนั้นจึงหมุนไปสองสามรอบเหมือนลูกข่าง
ฉินอวี่ยังคงไม่พูดไม่จาแล้วใช้ทั้งสองมือยกท่อนเหล็กขึ้นมา เล็งไปที่เอาของเฉินป๋อแล้วจึงทุ่มลงไป
“ตึง!!”
“โอ๊ย!”
มีเสียงดังขึ้น เห็นได้เลยว่าเข่าของเฉินป๋อที่ถูกทุบทั้งสองข้างทรุดลงทันที เขาร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมานก่อนจะสลบไป
ฉินอวี่เดินตรงไปอยู่ทางด้านซ้ายของเฉินป๋อ จากนั้นจึงยกท่อนเหล็กขึ้นมาอีกครั้งแล้วทุบไปที่เข่าซ้ายของเขาอีกที
ฉินอวี่เดินตรงไปอยู่ทางด้านซ้ายของเฉินป๋อ จากนั้นจึงยกท่อนเหล็กขึ้นมาอีกครั้งแล้วทุบไปที่เข่าซ้ายของเขาอีกที
“ตึง!”
“เครั้ง!”
เสียงดังสนั่นต่อเนื่องกันสองครั้ง ขาซ้ายของเฉินป๋อก็มีเสียงแตกหักดังขึ้นเช่นกัน ทําเอาเขาถึงกับฟื้นขึ้นมาจากความทรมานเหมือนตายทั้งเป็น จากนั้นก็นอนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นอย่างไร้สติ
ฉินอวี่ยังคงแกว่งท่อนเหล็กอยู่โดยไม่ได้ตีไปที่อื่นแต่อย่างใด แล้วก็ทุ่มลงไปที่ขาทั้งสองข้างอีกครั้ง
“พอได้แล้ว! หยุดตีได้แล้ว ฉันพูดแล้ว…นายอยากได้เงินหรือว่าจะให้ทํายังไง…”
“พวก เดี๋ยวฉันให้เงินแกไง! ให้เงินโอเคไหม?”
“ฉันเป็นหัวหน้าทีมแนวป้องกันร่วมนะโว้ย! แก…แกทําแบบนี้มันจะเป็นเรื่องใหญ่นะรู้ไหม?!”
“แม่งเอ๊ย! แกพูดสิ พูด! ว่าโอเคไหม?”
“แม่งเอ๊ย! แกพูดสิ พูด! ว่าโอเคไหม?”
“ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว…หยุดซ่อมฉันได้แล้ว!”
เสียงร้องโอดครวญของเฉินป๋อดังสนั่นไปทั่ว ก่อนจะสลบไปแล้วฟื้นขึ้นมาจากความเจ็บปวดอีกครั้ง
ประมาณห้าถึงหกนาทีผ่านไป เฉินป๋อที่นอนอยู่บนพื้นก็ไม่ได้ตะโกนและไม่ร้องโอดครวญแล้ว สายตาแน่นิ่งและมีแค่ตัวครึ่งท่อนบนเท่านั้นที่ขยับ เพราะขาทั้งสองข้างของเขาไร้ความรู้สึกไปแล้ว
บนพื้นหิมะ ขาทั้งสองข้างของเฉินป๋อลีบแบนไปหมดแล้ว ต้นขายังคงตรงดิ่งลงไปแต่น่องขา ใต้เข่ากลับหักเป็นมุมสี่สิบห้าองศาไปทางซ้ายและทางขวา
ท่ามกลางหิมะสีขาวมีรอยเลือดเป็นจุดๆ นั่นเป็นเลือดที่พุ่งออกมาจากที่กระดูกของเฉินป๋อได้หักไปหมดแล้ว
ฉินอวก้มหน้ามองเข่าทั้งสองข้างของเฉินป๋อ หลังถูกทับจนแบนเหมือนพายจากนั้นจึงเอ่ยปากพูด “หัวหน้าเฉินช่วยมีสตินึกถึงเรื่องเมื่อก่อนด้วย แล้วทําเรื่องเสียๆหายๆ ให้มันน้อยๆหน่อย! ถ้ายังยั่วโมโหฉันอีกฉันได้จัดการแก จนเหลือแค่ลูกตาที่ขยับได้แน่!”
พูดจบ ฉินอวี่ก็ถือท่อนเหล็กแล้วเดินไปในซอยลึกอย่างรีบร้อน
พูดจบ ฉินอวี่ก็ถือท่อนเหล็กแล้วเดินไปในซอยลึกอย่างรีบร้อน
ตลอดทั้งทางที่เร่งรีบ ฉินอวี่เดินไปจนใกล้ที่ที่ตัวเองซ่อนสกู๊ตเตอร์เอาไว้อย่างรวดเร็ว
ข้างหลังมีลมพายุที่หนาวเย็นพักเข้ามา
ฉินอวล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเดินเข้าไปและทันใดนั้นเขาก็หยุดอยู่กับที่
หิมะปลิวว่อนอยู่บนพื้น ฉินอวหยุดชะงักไปสักพักก่อนจะหันหลังเดินไป
ในซอยลึก แสงไฟสลัวไม่มีใครเลยสักคน
ฉินอวี่ขมวดคิ้วพลางมองไปที่พื้น เห็นว่ามีรอยเท้าอยู่ห่างออกไปประมาณยี่สิบเมตร
หลังจากเงียบไปสักพัก จู่ๆฉินอวี่ก็วิ่งไปทางด้านข้าง
หลังจากเงียบไปสักพัก จู่ๆฉินอวี่ก็วิ่งไปทางด้านข้าง
“ตึกตึก!”
จากนั้นก็ได้เสียงฝีเท้าดังมาจากในซอย ชายหนุ่มที่สูงกว่าฉันอไปหลายเซนติเมตรกําลังพุ่งทะยานเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน