Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 51
ตอนที่ 51 การเดินทาง
เคราะห์ดีที่ลูกกระสุนไม่ได้พุ่งทะลุกระดูกสะโพกของฉินอวี่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาต้องนอนติดเตียงราวยี่สิบวันจึงกลับมาเดินได้อีกครั้ง
แมวเฒ่า จู้เหว่ย กวนฉี และคนอื่นๆ อยู่เฝ้าไข้ฉินอวี่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาจนแทบไม่ได้กลับบ้าน พวกเขาตรงมายังโรงพยาบาลทันทีที่ออกเวรเพื่อคุ้มกันฉินอวี่ด้วยกลัวว่าตระกูลหยวนอาจส่งคนมาลอบทำร้ายขณะที่เขากำลังอ่อนแอ
หลังเหตุการณ์ครั้งใหญ่ ณ ถนนเถ้าธุลี โชคดีที่เส้นสายของตระกูลหยวนในกองบัญชาการกลัวว่าเรื่องจะบานปลายจนไม่สามารถรับมือได้จึงหยุดแผนการไว้ก่อน อีกทั้งการปราบปรามตระกูลหม่ายังประสบความสำเร็จอย่างมาก สมาชิกหลักของตระกูลหม่าถูกจับกุมส่วนพวกลิ่วล้อพากันหลบหนีกระเจิดกระเจิง
เมืองซ่งเจียงจึงอยู่ในช่วงเวลาสงบสุข
ตระกูลหยวนไม่สร้างปัญหาอีกต่อไป แต่กลับเริ่มสั่งการให้คนในตระกูลเตรียมปล่อยยาที่มีอยู่แทน
ส่วนเฒ่าหม่าผู้ถูกประกาศจับหนีหัวซุกหัวซุนไปพร้อมกับสมาชิกหลักที่เหลือ
แม้เหตุการณ์ต่างๆ จะดูสงบลงเมื่อมองจากภายนอก ทว่าผู้กำกับการตำรวจหลี่และฉินอวี่ยังไม่นิ่งนอนใจ ลึกๆ แล้วพวกเขารู้ดีว่าตระกูลหยวนเพียงแค่จัดฉากบังหน้าให้กองบัญชาการตำรวจตายใจและกบดานรอเวลาอยู่เท่านั้น
การตายของหยวนเหว่ยและนายเสือรวมถึงเหล่าลูกน้องที่บาดเจ็บจากการกวาดล้างตระกูลหม่าทำให้เกิดความเคียดแค้นที่ไม่มีวันจางหาย
ตอนนี้หยวนหัวเพียงแค่รอเวลาก่อนจะเริ่มเปิดฉากล้างแค้นเท่านั้น ฉินอวี่จึงมุ่งหน้าไปยังสำนักงานตำรวจเพื่อคุยกับผู้กำกับการหลี่ทันทีที่เขาหายดี
“ติดต่อฉีหลินได้หรือยัง?” ผู้กำกับการหลี่ถาม
ฉินอวี่ส่ายหัว “ยังครับ ตอนนี้เขาใช้โทรศัพท์ของสำนักงานตำรวจเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วจึงยังไม่มีช่องทางติดต่อในขณะนี้”
“นายเป็นคนหาที่พักในเขตพัฒนาให้ฉีหลินไม่ใช่เหรอ?” ผู้กำกับการหลี่ถามด้วยความสงสัย “ทำไมไม่ติดต่อผ่านเพื่อนล่ะ?”
“เพื่อนผมออกไปทำธุระหลังจากที่ฉีหลินย้ายเข้าไปครับ กว่าจะกลับคงอีกนาน” ฉินอวี่ตอบ “แต่ไม่เป็นไรเพราะผมรู้ว่าฉีหลินอยู่ที่ไหน ผมไปตามหาเขาที่นั่นได้ครับ”
“นายต้องรีบแล้วล่ะ” ผู้กำกับหลี่กล่าว “ฉันคุยกับที่ปรึกษามาแล้ว เขาบอกว่าทุกอย่างต่อรองได้ตราบใดที่นายหาช่องทางซื้อขายยาได้สำเร็จ”
“ผมจะต้องให้เหตุผลการลางานว่ายังไงเหรอครับ?” ฉินอวี่ถาม
ผู้กำกับการหลี่หัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น “ฉันจัดการไว้ให้แล้ว เราจะบอกพวกเขาว่านายไปอบรมที่เฟิงเป่ยสองสัปดาห์ นายโค่นมัตสึชิตะได้จึงจำเป็นต้องอบรมก่อนเลื่อนยศเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสองและเป็นหัวหน้าทีมอย่างเป็นทางการ ทางสำนักงานตำรวจจึงยกเว้นให้นายเป็นกรณีพิเศษ”
“ผมต้องรายงานเรื่องนี้ต่อผู้หมวดไหมครับ?”
“ไม่จำเป็น ฉันจัดการให้หมดแล้ว นายแค่ออกปากลาก็พอ”
“รับทราบครับ” ฉินอวี่พยักหน้า
“ฉินอวี่ นายรู้ใช่ไหมว่าเรื่องนี้คอขาดบาดตายแค่ไหน?” เฒ่าหลี่ถอนหายใจพลางกล่าวเตือนคิ้วขมวด “ฉันจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปหรือไม่หรือนายจะอยู่ในซ่งเจียงต่อไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้”
ฉินอวี่ลุกขึ้นยืนก่อนรับคำหนักแน่น “ผมจะทุ่มสุดตัวครับ!”
“โชคดี!” ผู้กำกับการหลี่พยักหน้า
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ฉินอวี่เรียกประชุมสมาชิกของทีมสามผู้ถูกหน่วยหนึ่งตัดหางปล่อยวัด
“ฉันจะไม่อยู่ซ่งเจียงครึ่งเดือน ระหว่างนั้นพวกนายต้องตามหน่วยสามไปทำคดี ฉันแจ้งพวกเขาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นพวกนายจะยังมีที่ยืนในสำนักงานตำรวจ” ฉินอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันดีใจมากที่ทุกคนยืนหยัดอยู่ข้างฉัน ถ้าเราโชคดีพอจะผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้และตราบใดที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ มั่นใจได้เลยว่าจะมีที่สำหรับพวกนายเสมอ!”
กวนฉีเกาจมูกพลางหัวเราะเบาๆ “พวกเราไม่อยู่ในสายตาของหน่วยหนึ่งอีกต่อไปแล้ว จู้เหว่ยแสดงออกว่าอยากเป็นหัวหน้าทีมหลายครั้งแต่หยวนเค่อกลับทำหูทวนลมตลอด! เรารู้ดีว่าที่นี่ไม่ให้ความสำคัญกับผู้น้อย เราถึงต้องเลือกติดตามคนที่ให้เราได้มากกว่าเท่านั้น!”
“ใช่” จู้เหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ยังไงพวกเราก็เลือกข้างแล้ว จะมาเสียดายตอนนี้ก็สายไป พูดตรงๆ นะครับ ถ้าเฒ่าหลี่แบกรับแรงกดดันไม่ไหวพวกเราก็จะลาออกจากสำนักงานตำรวจ ผมไม่เชื่อว่าตระกูลหยวนจะตามไล่ล่าปลาซิวปลาสร้อยอย่างพวกเราเพียงเพราะสิ่งที่ทำเมื่อวันก่อนแน่ครับ”
“ไม่ต้องห่วงครับหัวหน้า พวกเราต่างมีประสบการณ์ในสำนักงานตำรวจมาก่อน เรารู้วิธีรับมือกับพวกเขาแน่นอน” กวนฉีปลอบ “หัวหน้าตั้งใจทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดเถอะครับ!”
ในความเป็นจริง ทุกคนรู้ดีว่าฉินอวี่ไม่มีทางไปอบรมที่เฟิงเป่ยในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้แต่คงจะเป็นคำสั่งของผู้กำกับหลี่ที่ให้ไปปฏิบัติภารกิจพิเศษ พวกเขาจึงอยากให้ฉินอวี่วางใจ
“ขอบใจที่เข้าใจ” ฉินอวี่ลุกขึ้นยืนพลางตบหลังของจู้เหว่ย “ฉันจะให้นายคุมทีม เกิดปัญหาอะไรก็จัดการตามวิธีการและดุลยพินิจของนายได้เลย หรือจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้หมวดแห่งหมวดสามก็ได้ เขาเป็นเพื่อนสนิทของแมวเฒ่าน่ะ”
“ครับ!”
“รับทราบครับ!”
ทุกคนลุกขึ้นยืน
“อวยพรให้ฉันเดินทางปลอดภัยด้วย!” ฉินอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นมือออกไป
ทุกคนมองหน้ากันก่อนวางมือซ้อนบนมือฉินอวี่และตะโกนโดยพร้อมเพรียงกัน “เดินทางปลอดภัยครับ!”
…
ยามบ่าย ทางไปบ้านพักหมายเลขแปดสิบแปด
ฉินอวี่มองแมวเฒ่าพลางถามขึ้น “นายบอกเฒ่าหลี่หรือยังว่าจะไปเขตพัฒนากับฉัน?”
“โอ้ ลืมไปเลย!” ดูเหมือนว่าแมวเฒ่าจะเป็นหวัด เขาสูดน้ำมูกเป็นระยะๆ ทำให้ดูโง่เง่ากว่าที่เคย
“นี่นายสมองเหลวเป็นน้ำไปหมดแล้วเหรอ! เฒ่าหลี่ไม่มีทางอยากให้นายไปแล้วนายยังจะไม่บอกเขาล่วงหน้าอีก! เขาต้องเข้าใจผิดว่าฉันบังคับให้นายมาด้วยแน่ถ้าจู่ๆ นายหายไปกับฉัน!” ฉินอวี่เอ็ดตะโรลั่น
“ใจเย็นสิโว้ย!” แมวเฒ่าถ่มเสมหะออกนอกรถก่อนกดโทรหาผู้กำกับหลี่
หลายวินาทีต่อมา
“สวัสดีครับ?”
“ผมจะไปเขตพัฒนากับฉินอวี่” แมวเฒ่ากล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ผู้กำกับการหลี่ตกตะลึงอยู่สี่วินาทีเต็มก่อนโวยออกมาด้วยความสับสน “บ้ารึเปล่า! นายจะไปกับฉินอวี่ทำไม?!”
“เล่น…”
“ไอ้โง่! แกมีสมองบ้างไหม? เขตพัฒนาวุ่นวายกว่าตรอกเถ้าธุลีอย่างนั้นแล้วยังคิดจะไปเล่นสนุกอีกรึ? กลับมาเดี๋ยวนี้!” ผู้กำกับหลี่เป็นคนใจเย็น น้ำเสียงของเขามักสุขุมจริงจังอยู่เสมอ ทว่าความสุขุมนั้นจะหายไปทันทีตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแมวเฒ่า!
“ผมไม่ได้มาขออนุญาต ผมแค่บอกให้คุณรับรู้เท่านั้น แล้วผมจะให้คนไปส่งใบลาให้ทีหลังนะ”
“ฉันบอกให้กลับมาเดี๋ยวนี้!”
“โอ๊ย! อย่าตะโกน! คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่! ถ้าทำให้โมโห ผมจะแขวนคอตัวเองซะตั้งแต่ครึ่งทางนี่เลย!” แมวเฒ่าพูดจาไร้สาระขึ้นเรื่อยๆ
“ไปตายซะไอ้เวร! กินกระสุนแล้วลงนรกไป!” ร่างของผู้กำกับหลี่สั่นสะท้านด้วยความเกรี้ยวกราด “ฉันไม่รู้ว่านายคิดบ้าอะไรอยู่… ฉันควร…”
“เอาล่ะ ผมจะไม่ล้อเล่นแล้ว”
“ใครเล่นกับนายไม่ทราบ?!
“การปล่อยให้ฉินอวี่ไปเขตพัฒนาตามลำพังมันอันตรายเกินไป จะให้เขาแก้ปัญหาตัวคนเดียวคงยาก อย่างน้อยถ้าผมไปด้วยก็อาจช่วยออกความเห็นได้ครับ”
“นายควรกลับก่อนที่ฉินอวี่จะต้องตายเพราะนาย!” ผู้กำกับหลี่พูดอย่างฉุนเฉียว “กลับสถานีเดี๋ยวนี้!”
“หยุดพูดเถอะ ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียยศไปด้วย ตราบใดที่เรายังมีหวังหาช่องทางจัดซื้อยา ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแม้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม”แมวเฒ่าตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยตามปกติของเขา
ผู้กำกับการหลี่ตกตะลึงเมื่อได้ยิน เขาถึงกับหมดคำพูดไปชั่วขณะหนึ่ง
“ผมจะโทรกลับถ้ามีปัญหาอะไร” แมวเฒ่าเอ่ยก่อนกดวางสาย
ภายในรถ ฉินอวี่มองแมวเฒ่าพลางหัวเราะในลำคอ “ทำเป็นไม่ชอบเฒ่าหลี่ แต่… ในใจนายก็แอบเป็นห่วงเขาใช่ไหมล่ะ?”
“ใครจะไปห่วงตาแก่ขี้บ่นนั่น? ฉันแค่กลัวว่าจะไม่ได้ทำตัวตามใจชอบถ้าเขาไม่อยู่แล้วเท่านั้นเอง” แววตาของแมวเฒ่าวูบไหวเล็กน้อย
…
ทั้งสองกลับไปยังบ้านพักหมายเลขแปดสิบแปดและเก็บข้าวของก่อนออกเดินทาง
ฉินอวี่มองไปยังห้องของหลินหนานเล่ยแต่กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา เธอไม่อยู่บ้าน…
“นายจ้องบ้านเมียฉันทำไม?” แมวเฒ่าหรี่ตามองฉินอวี่
“ไอ้หน้าด้าน! หลินเหนียนเล่ยบอกว่ากับนายมากสุดก็เป็นได้แค่แม่เท่านั้นแหละ!” ฉินอวี่ประชด
“ไอ้เวร!” แมวเฒ่าตอบ “สารภาพมาเถอะ นายชอบเธอใช่ไหม?!”
“เบาๆ หน่อยสิ!” ฉินอวี่แค่นเสียงพลางเร่งฝีเท้าออกจากบ้านพัก
เวลาสองทุ่ม รถขนเสบียงของทหารได้พาแมวเฒ่าและฉินอวี่ยังเขตพัฒนาที่โกลาหลยิ่งกว่าตรอกเถ้าธุลี
………………………………….