Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 66
ตอนที่ 66 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง
หลายวันต่อมา
เงินจากตระกูลหม่าถูกส่งผ่านนายหน้าสองคนก่อนโอนเข้าบัญชีของโกโก้ หลังจากจ่ายเงินมัดจำแล้วฉินอวี่และฉีหลินจึงรอให้สินค้าส่งถึงซ่งเจียงโดยที่ฝั่งของโกโก้จะเป็นผู้ขนส่งสินค้าล็อตแรก
เวลาสิบโมงเช้า
ฉินอวี่รับสายผู้กำกับหลี่ “สวัสดีครับ?”
“นายจัดการได้แล้วเหรอ?” ผู้กำกับการหลี่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ครับ สินค้าอยู่ในระหว่างการขนส่งและน่าจะถึงซ่งเจียงในอีกสี่วัน” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมแจ้งจู้เหว่ยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ถ้าสินค้าไปถึงพวกเขาจะยึดไว้ชั่วคราวก่อนส่งต่อให้ตระกูลหม่าครับ”
“มันไม่เสี่ยงเกินไปเหรอที่ให้จู้เหว่ยเก็บของมากมายขนาดนั้น?” ผู้กำกับหลี่ถามด้วยความเป็นห่วง
“เราเชื่อใจเขาได้ครับ เขาเป็นสมาชิกของทีมสามซึ่งเป็นหนึ่งในคนของผม” ฉินอวี่ตอบด้วยความมั่นใจ “เขาคือคนที่ช่วยผมตอนที่ถูกหยวนหัวไล่ล่า”
“ในเมื่อคุณรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ผมก็จะไม่ขัดขวาง” ผู้กำกับการหลี่พยักหน้า “จัดการเรื่องที่เหลือ แล้วรีบกลับมา”
“ครับ ผู้กำกับการหลี่”
“เรียกฉันว่าพี่หลี่ก็พอ”
ฉินอวี่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ในขณะเดียวกัน ผู้กำกับหลี่กดวางสาย
ฉินอวี่ตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนหัวเราะเบาๆ “เฮ้อ ตอนนี้ไอ้แมวเฒ่าปัญญาอ่อนเป็นหลานฉันแล้ว เจองานหนักแน่”
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีหลินถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เฒ่าหลี่บอกให้ฉันเรียกเขาว่าพี่น่ะ”
“ถามให้ฉันด้วยสิ เผื่อเขาอยากได้น้องเพิ่ม?”
“ฮ่าๆๆ!”
ทั้งสองคนระเบิดหัวเราะออกมา
…
ผู้กำกับหลี่สวมเสื้อโค้ตเดินออกจากห้องทำงาน ก่อนหันไปสั่งเลขานุการว่า “ฉันจะไปเฟิงเป่ย โทรหาสถานีรถไฟสายเหนือบอกพวกเขาจัดที่พักให้ฉันด้วย”
“ครับผม” เลขานุการพยักหน้ารับ
เวลาตีสี่ ผู้กำกับหลี่นั่งบนรถไฟมุ่งหน้าไปยังเฟิงเป่ย เมืองหลวงของเขตพิเศษที่เก้า จากนั้นขึ้นรถไปยังที่พักของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่อยู่ในเมือง
ผู้กำกับหลี่นั่งจิบชาหอมกรุ่นที่โต๊ะน้ำชาโบราณบนชั้นสองก่อนพูดว่า “ผมคิดถึงชาที่อาจารย์ชงมากเลยครับ”
“ฉันจะชงให้นายเอากลับซ่งเจียงแล้วกัน” ชายชราวัยหกสิบปีกล่าว “เรื่องนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“สำเร็จแล้วครับ” ผู้กำกับการหลี่ตอบอย่างใจเย็น “อาจารย์ครับ…ฝ่ายวิชาการได้เลื่อนตำแหน่งในแผนกต่างๆ และผู้บัญชาการของพวกเขายังได้ทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อเสริมอำนาจอีก ดังนั้นฝ่ายทหารผ่านศึกจึงต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก”
“มีขึ้นก็ต้องมีลง มันคือสัจธรรมของการเมืองไม่ใช่เหรอ?” ชายชราตอบ “แม้ในยุคที่บ้านเมืองสงบสุข อำนาจก็ยังสามารถเปลี่ยนมือตลอดเวลา นับประสาอะไรกับยุคนี้ล่ะ”
“การขึ้นและลงของอำนาจถูกสร้างขึ้นโดยการแข่งขันระหว่างฝ่ายต่างๆ ถ้าไม่มีแรงจูงใจ เราจะเติบโตได้อย่างไรในยุคที่การเมืองเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างนี้ล่ะครับ?” ผู้กำกับหลี่ตอบ “ผมไม่ได้แสวงหากำไรในธุรกิจยา แต่ผมมองหาพื้นที่เพื่อยืนหยัดต่างหาก”
“อืม” ชายชราพยักหน้าพร้อมตอบ “ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ฉันจะพยายามคุยกับเบื้องบนให้ ถ้าว่างก็แวะมาหาฉันที่เฟิงเป่ยบ้างสิ ฉันอายุมากแล้ว…อีกไม่นานความน่าเชื่อถือของฉันก็จะลดลง ถ้านายต้องการทำบางอย่างให้สำเร็จก็รีบเติบโตสิ”
“ขอบคุณครับอาจารย์” ผู้กำกับหลี่ตอบด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ถ้าจะทำธุรกิจขายยา นายต้องทำให้หลายฝ่ายพึงพอใจ” ชายชราแนะนำ “งานอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเงินนั้นไม่เคยง่ายเลย ฉันจะสร้างเครือข่ายการค้าที่นายต้องการ แต่นายต้องตัดสินใจว่าจะให้ใครได้ผลประโยชน์น้อยหรือมาก และนายต้องรู้ด้วยว่าตัวเองต้องการอะไร”
“เข้าใจแล้วครับ”
“อืม ดื่มชาอีกสิ” ชายชราบอกผู้กำกับการหลี่
…
หนึ่งทุ่มตรง หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน
ฉินอวี่ถามฉีหลินพร้อมขมวดคิ้วในขณะที่กินขนมปังแห้งว่า “ดีขึ้นหรือยัง?”
“นิดหน่อย” ฉีหลินตอบ เขายังคงมีไข้เล็กน้อย ริมฝีแห้งผาก ใบหน้าซีดเซียว และยังมีอาการไอเป็นครั้งคราว
“แม่งเอ๊ย ยาตัวใหม่น่าจะไม่ได้ผล” ฉินอวี่กล่าวพลางวางขนมลง “ไม่ได้การแล้ว ฉันไปถามเถ้าแก่เรื่องหมอ แล้วฉันจะไปรับหมอเอง”
“อย่าเลย” ฉีหลินยกมือห้ามอย่างอ่อนแรงพร้อมพูด “หลี่ถงถูกจับตัวมาหลายวันแล้ว เราไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่เจียงโจวเป็นยังไงบ้าง ถ้านายออกไปอาจเกิดอันตรายก็ได้”
“ถ้าฉันไม่ไป สักวันแกก็ต้องไอจนปอดหลุดออกมา!” ฉินอวี่ด่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
“นายไม่จำเป็นต้องทำอย่างงั้นเลย” ฉีหลินยืนกราน เพราะเขากลัวว่าฉินอวี่จะตกอยู่ในอันตราย “รอสักสามถึงสี่วันเถอะ ถ้าสินค้าถึงซ่งเจียงแล้ว นายก็บอกให้โกโก้มารับตัวหลี่ถง และบอกให้เธอพาหมอมาด้วย”
“เรารอไม่ได้แล้ว” ฉินอวี่กล่าวขณะหยิบเสื้อคลุม “นายต้องไปหาหมอเพราะไข้ไม่ลดลงเลย ถ้านายยังดันทุรัง ทุกอย่างอาจแย่กว่าเดิมก็ได้”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง!”
ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันด้วยประเด็นว่าจะไปหาหมอหรือไม่
“คุณลูกค้า…”
จู่ๆ เสียงเถ้าแก่เจ้าของหอพักก็ดังขึ้นตรงทางเข้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี่จึงแอบดูตรงหน้าต่างและเห็นคนแปดคนกำลังเดินผ่านไป
“ใครเหรอ?” ฉีหลินเอ่ยถาม
ฉินอวี่หยิบปืนออกมาและใช้นิ้วโป้งปลดระบบความปลอดภัยของปืน
“เปิด!” เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากหน้าประตู
ฉินอวี่ผงะไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู ก่อนเดินไปเปิดประตู
โกโก้ที่สวมเสื้อโค้ตสีดำและรองเท้าบูตที่ยาวจนถึงเข่ายืนอยู่หน้าประตู ผมยาวสลวยของเธอพลิ้วไหวตามสายลม ทำให้ดูเย้ายวนเป็นพิเศษ
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ฉินอวี่รู้สึกประหลาดใจ
“ฉันมาเพราะอยากมา” โกโก้ตอบพลางเดินเข้าไปในห้อง
ฉินอวี่มองโกโก้ก่อนขมวดคิ้วพร้อมถาม “เธอรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่?”
“ฉันเพิ่งได้ข่าวไม่นานนี้เอง” โกโก้ตอบพลางเอามือไพล่หลังก่อนมองสำรวจรอบๆ
หัวใจของฉินอวี่สั่นรัวด้วยความกลัว
ถ้าคนที่พบตำแหน่งของพวกเขาไม่ใช่โกโก้แต่เป็นตระกูลหลี่แห่งเจียงโจว พวกเขาคง…
โกโก้หันมองฉินอวี่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ตระกูลหลี่ไม่มีทางหาพวกนายเจอ เพราะมันไม่มีหูตามากเท่าเรา”
ฉินอวี่มองโกโก้ด้วยความตกใจ และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สามารถอ่านใจเขาได้
ฉีหลินมองโกโก้และพูดอย่างเป็นกังวลว่า “เพื่อนของฉันล่ะ?”
“ไอ้เวร! ฉันมุ่งมั่นมาที่เจียงโจว แต่ก่อนที่จะได้ออกโรงก็โดนเด็กสาวคนหนึ่งจับตัวเสียก่อน…” แมวเฒ่าก่นด่าขณะเดินเข้ามาในห้อง ก่อนถามฉีหลินด้วยความกังวลว่า “นายเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินอวี่และฉีหลินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าแมวเฒ่าสบายดี
“สบายดี แค่เจ็บไหล่นิดหน่อยน่ะ”
“แม่งเอ๊ย! ฉันคิดว่าแกใกล้ตาย!” แมวเฒ่าเย้ยหยันก่อนหันไปตะโกน “หมอ! เข้ามาดูเพื่อนของผมหน่อย”
ไม่นานชายวัยกลางคนได้เดินถือกล่องเข้ามาในห้อง
ในขณะเดียวกัน ฉินอวี่ได้หันไปถามโกโก้ว่า “เธอมารับตัวหลี่ถงเหรอ?”
“ใช่” โกโก้พยักหน้าพร้อมตอบ
ฉินอวี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบอย่างไม่แยแสว่า “มันไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันนี่ ฉันบอกแล้วว่าจะส่งตัวหลี่ถงให้ก็ต่อเมื่อสินค้าถึงซ่งเจียงแล้วเท่านั้น”
โกโก้ยิ้มร่าเริงพร้อมพูด “สินค้าถึงซ่งเจียงแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ เธอเพิ่งได้รับเงินวันนี้ไม่ใช่เหรอ?” ฉินอวี่ส่ายศีรษะ
โกโก้ตอบอย่างสบายๆ ว่า “คนของฉันส่งสินค้าไปยังซ่งเจียงก่อนจะได้รับเงินน่ะ”
ฉินอวี่ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะรอบคอบและมองการไกลได้ขนาดนี้ทั้งที่อายุรุ่นเดียวกัน
“บอกให้คนไปรับสินค้าตอนเก้าโมงได้เลย” โกโก้พูดขณะยิ้มจนดวงตาของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพลางยื่นมือออกไป “ฉันตั้งตารอที่จะร่วมงานกับคุณนะ…หุ้นส่วน”
………………………………….