Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 รวมทีม
หมอทำความสะอาดบาดแผลของฉีหลินพร้อมกับจ่ายยาฆ่าเชื้อให้เขาฉีดเป็นเวลาสามวันและพูดว่า “เขายังหนุ่มแน่น ดังนั้นภูมิคุ้มกันยังแข็งแรง แค่ทำให้ร่างกายอบอุ่นตลอดและอย่าให้เขาเป็นหวัดล่ะ นอกจากนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โกโก้จึงพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ขอบคุณค่ะหมอมัตซึอิ”
“ยินดีครับ” หมอมัตสึอิตอบด้วยรอยยิ้มก่อนเดินถือกล่องปฐมพยาบาลออกจากห้องไป
โกโก้ก้มมองนาฬิกาก่อนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะพักที่นี่สักคืน อีกครึ่งชั่วโมงไปเจอกันที่ห้องของฉันนะ ฉันจะเลี้ยงอาหารอร่อยๆ เอง”
“ฟังดูเข้าท่า” ฉินอวี่ตอบ
“ไปกันเถอะ” โกโก้ชี้ไปที่ลูกน้องก่อนเดินออกจากห้อง
ฉินอวี่เดินไปปิดประตู จากนั้นยกขาขึ้นเตะก้นของแมวเฒ่าพร้อมถาม “เป็นไงบ้าง? พวกเขาทำอะไรนายหรือเปล่า?”
“หา? นี่นายคิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่? ฉันดูเหมือนคนที่จะโดนผู้หญิงรังแกได้ง่ายๆ หรือไง?” แมวเฒ่าทำหน้าไม่สบอารมณ์ “พวกมันจับฉันไป แต่ไม่กล้าทำอะไร ตอนนั้นฉันรู้ทันทีเลยว่าพวกนายถือไพ่เหนือกว่า ไม่งั้นฉันคงโดนซ้อมไปแล้ว พวกมันดูแลฉันอย่างดี อยากกินอะไรก็หามาให้ เล่นเอาไอ้คนขับรถนั่นเหนื่อยเลยล่ะ ฮ่าๆๆ”
ฉินอวี่พูดไม่ออก “สบายจริงๆ เลยนะ…”
“ฉันเลือกได้เหรอวะ? ถ้าฉันทำตัวมีพิรุธ พวกเขาอาจคิดว่าเราเป็นคนจับตัวคังเกอก็ได้!”
แม้แมวเฒ่าจะดูบ้าบิ่นและโง่เขลาไปบ้าง แต่เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในจุดยืนซึ่งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับภูมิหลังของเขา เพราะแมวเฒ่าโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีอภิสิทธิ์ ทำให้เขามีความกล้าได้กล้าเสียและมีความมั่นใจสูง
“ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว” แมวเฒ่านั่งลงข้างฉีหลินและพูดชื่นชม “ถ้าไม่ใช่นายและไอ้ฉินอวี่หน้าโง่ ฉันอาจตายตั้งแต่อยู่เจียงโจวแล้วก็ได้…พวกนายทำได้ดีมาก”
ฉีหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “คนเราต่างมีบทบาทเป็นของตัวเอง ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันต้องทำ”
“ใช่!” ฉินอวี่โพล่งออกมา “ฉันตั้งใจให้ฉีหลินเป็นคนกลางเพื่อดูแลเส้นทางค้ายาและกระจายผลกำไรน่ะ”
แมวเฒ่าตกตะลึงเมื่อได้ยิน “งานนี้มันยากและอันตรายมากนะ”
“ฉันไม่กลัว ฉันทำได้” ฉีหลินตอบด้วยความมั่นใจ
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแมวเฒ่าหันไปหาฉินอวี่พร้อมกับถาม “นายว่าไง?”
“อืม ฉันตอบตกลงแล้ว” ฉินอวี่พยักหน้าพร้อมตอบ
“ถ้างั้นฉันก็เห็นด้วย” แมวเฒ่าแสดงความเห็น
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังที่ซ่งเจียง ฉินอวี่คือคนคอยประสานงานกับเฒ่าหม่าและปกป้องฉีหลินอย่างลับๆ อีกทั้งยังเป็นคนคิดแผนการและวิธีพลิกสถานการณ์วิกฤตที่ต้องเผชิญในระหว่างทางไปเจียงโจว หลังจากที่เส้นทางการค้ายาถูกรื้อขึ้นสำเร็จ ฉินอวี่จึงเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าที่ยุ่งเหยิงและเริ่มคิดแผนรักษาผลประโยชน์ของพวกเขา…
แมวเฒ่ากับฉีหลินเริ่มมองว่าฉินอวี่เป็นผู้นำและเสาหลักค้ำยันพวกเขาไว้ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะทั้งสามต้องทำงานร่วมกัน อาจมีบางเรื่องที่ไม่สามารถคุยกันได้ จึงต้องมีใครสักคนที่เด็ดขาดพอจะจัดการกับสถานการณ์ที่จำเป็น
แมวเฒ่าถูกเลี้ยงมาแบบตามใจจึงมักประมาทและยึดมั่นในการกระทำของตน ส่วนฉีหลินนั้นดื้อรั้นและขาดประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ซึ่งอาจเป็นข้อบกพร่องเมื่อต้องรับมือกับปีศาจในเขตพิเศษที่เก้า
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงเห็นตรงกันว่าคนเดียวที่เหมาะจะเป็นผู้นำของพวกเขาได้คือฉีหลินผู้มีความรอบคอบและมีความเด็ดขาด อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการเอาตัวรอดในเขตพัฒนานานนับทศวรรษ
ฉีหลินนอนลงบนเตียงพร้อมฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “ฉินอวี่ นายวางแผนต่อรองกับโกโก้แล้วใช่ไหม? นายจะยึดตามราคาเดิมหรือเปล่า?”
“ไม่ล่ะ” ฉินอวี่ส่ายศีรษะ “สถานการณ์ของเราแตกต่างจากอาหลง เขาทำทุกอย่างเพื่อตัวเองโดยไม่สนใจชีวิตคนอื่น แต่เราจะกระจายผลกำไรให้กับทุกคน เพราะถ้าราคายาสูงเกินไป มันก็ยากที่จะทำให้ทุกคนพอใจ”
แมวเฒ่าเกาจมูกพร้อมกับพูดเข้าประเด็น “ตอนนี้เฒ่าหลี่อยู่ที่เฟิงเป่ย เขาต้องการส่วนแบ่งห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“มากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉีหลินขมวดคิ้ว
“เป้าหมายของเฒ่าหลี่ไม่ใช่การหาเงิน แต่เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองไปพร้อมๆ กับการปราบปรามตระกูลหยวน” แมวเฒ่าอธิบาย “ส่วนแบ่งห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั้นไม่ได้เข้ากระเป๋าเขาทั้งหมดเพราะต้องแบ่งให้เบื้องบนด้วย ดังนั้นเขาจึงได้กำไรไม่มากนัก”
“แต่ก็ยังเยอะไปอยู่ดี” ฉีหลินกล่าวพร้อมหันไปมองฉินอวี่ “ตระกูลหม่าก็ขอผลกำไรส่วนหนึ่งจากเราด้วย”
“ฉันยอมให้เขาห้าสิบเปอร์เซ็นต์” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม “การค้ายาครั้งนี้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของเฒ่าหลี่ แม้เงินจากยาจะไม่ใช่รายได้หลักแต่ตราบใดที่เขาสามารถคุมตลาดยา มันก็ถือว่าเป็นรายได้ที่มั่นคงของเรา เพราะพวกเราไม่สามารถหาเงินมากมายขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้ แต่ถ้าเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ เราก็จะสะสมเงินได้จำนวนมาก ดังนั้นไม่ต้องรีบ ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไป”
“อืม เข้าใจแล้ว” ฉีหลินพยักหน้า
ในขณะที่ทั้งสามคนคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็นับเวลาถอยหลังไปด้วย
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ฉีหลินดึงเข็มฉีดวิตามินออก ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังห้องที่อยู่เยื้องกับห้องของพวกเขา
…
กลิ่นหอมของเนื้อลอยมาจากห้องของโกโก้ น้ำซุปร้อนๆ ในหม้อขึ้นสนิม และเนื้อแกะแช่แข็งที่หั่นเป็นแผ่นบางๆ หลายแผ่นวางอยู่บนโต๊ะ ช่างเป็นภาพที่ชวนน้ำลายสออย่างมากสำหรับยุคนี้
“ฉันเป็นคนซื้อเนื้อแกะและผักมาเอง ส่วนซุปหม้อนี้เถ้าแก่ต้มมาให้เราโดยเฉพาะน่ะ” โกโก้สวมเสื้อแขนยาวคอเต้าตัวโคร่งกวักมือเรียกทั้งสามคนและพูดว่า “มากินด้วยกันสิ”
“ไม่เกรงใจแล้วนะ!” ภาพอาหารเบื้องหน้ากระตุ้นความอยากอาหารของแมวเฒ่า เขาใช้ตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมาหลายชิ้นก่อนจุ่มลงในหม้อน้ำซุป “สองถึงสามปีแล้วมั้งที่ฉันไม่ได้กินเนื้อแกะ ผู้คนต่างอิจฉาที่ได้รับราชการ แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็ไม่มีอิสระเหมือนพวกที่อยู่ในเขตพัฒนา”
“ฮ่าๆๆ” โกโก้หัวเราะคิกคักก่อนมองแมวเฒ่าและพูดว่า “ดูสิว่าใครกำลังพูดอยู่ นายเป็นถึงหลานของเฒ่าหลี่แค่เอ่ยปากบอก นายก็ได้เนื้อแกะมากเท่าที่ต้องการแล้ว”
แมวเฒ่าเริ่มโอ้อวดทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น “เธอไม่รู้สินะว่าฉันเป็นคนทิฐิสูง! แม้จะมีสายเลือดเดียวกับเฒ่าหลี่ แต่ฉันจะไม่ยอมลดศักดิ์ศรีไปอยู่กับเขาหรอก…”
“หุบปากแล้วกินข้าวซะ!” ฉินอวี่รู้สึกพะอืดพะอมหลังจากได้ยินแมวเฒ่าพูด
“นายเป็นบ้าอะไร? ฉันพูดผิดเหรอ?” แมวเฒ่าถามด้วยความสงสัย
“เสียงเหมือนตด” ฉินอวี่ตอบอย่างขอไปที
“มาๆ มานั่งกันก่อน!” โกโก้โบกมือให้ทุกคนนั่งลง
ทั้งสามคนเดินไปนั่งตรงโต๊ะกลม ส่วนคนขับรถของโกโก้และลูกน้องคนอื่นๆ ไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ด้วย เพราะพวกเขากำลังกินอาหารอยู่ในอีกห้องหนึ่ง
โกโก้รินไวน์ให้ทั้งสามคนก่อนชูแก้วขึ้นพร้อมพูดอวยพร “ฉันขอดื่มอวยพรให้พวกนายสามแก้ว แก้วแรกขอให้การร่วมมือระหว่างเราประสบความสำเร็จ แก้วที่สองขอบคุณที่แก้แค้นให้พี่คังด้วยการจับตัวหลี่ถงในนามของพวกเรา และแก้วสามคือการแสดงความขอบคุณที่ร่วมมือกับฉัน ตราบใดที่คุณสร้างผลประโยชน์และรายได้ให้กับฉัน ฉันก็จะดื่มไวน์สามแก้วนี้เพื่อแสดงความนับถือ”
แมวเฒ่ามองโกโก้ด้วยสายตาเปล่งประกายพร้อมพึมพำอย่างชั่วร้าย “ผู้หญิงคนนี้ต้องคอแข็งแน่นอน เสียดายที่เธอไม่ได้ทำงานที่แพลตตินั่มคาสเซิล”
“หุบปากได้แล้ว” ฉินอวี่พูดเสียงดังพร้อมตบศีรษะแมวเฒ่า
………………………………….